Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
น้ำมฤตยู ติดต่อทีมงาน

     ท้องฟ้ามืดแล้ว เงามืดแห่งรัตติกาลราตรีได้แผ่ขยายเข้าปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า ความมืดได้เข้าแทนที่แสงสว่างยามกลางวันจนหมดสิ้น อนุญาตให้เพียงแสงดาวจับจองพื้นที่จุดเล็กๆบนฟ้าได้ประปราย บนพื้นดินก็มีเพียงแสงไฟจากความเจริญศิวิลัยในเมืองใหญ่ที่มองเห็นได้จากไกลตา สอดแทรกตัวท่านกลางเงามืดสลัว สิ่งมีชีวิตยามค่ำคืนต่างออกมาหากินตามสัญชาติญาณแทนที่สิ่งมีชีวิตยามกลางวันที่หลบเลี่ยงเข้ารวงรังเพื่อพักผ่อน

     แต่ยังมีอยู่ที่หนึ่ง ที่มีมนุษย์ซึ่งปกติดำรงชีวิตยามกลางวันกลางคืนพักผ่อน กลับไม่ยอมหลับใหลลงตามวงเวียนชีวิต

     เสียงเอะอะมะเทิ่งดังอย่างไม่เกรงใจใคร ออกมาจากห้องรับแขกข้างๆ
พ่อเมาอีกแล้ว ระยะหลังมานี่พ่อชักจะกินเหล้าถี่เกินไปแล้ว มิหนำซ้ำเวลากินเหล้าของพ่อกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบสว่าง หญิงไม่ต้องได้นอนหลับไปกับพ่อด้วย พอถึงตอนเช้าพ่อก็จะโก่งคอโอ้กอ้ากคายของเก่าที่กินเข้าไปออกมา จากนั้นก็สลืมสะลือด้วยอาการเมาค้างไปทั้งวัน ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่สลืมสะลือ หญิงเองก็สลืมสะลือเพราะการอดนอนไปด้วย

     พ่อของหญิงเป็นคนดื่มหนัก ดื่มได้อย่างไม่มีข้อจำกัดแม้ต้องดื่มคนเดียว และปริมาณที่ดื่มก็ไม่เคยต่ำกว่าครั้งล่ะสองกลม และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะเมื่อปีก่อน พ่อจะดื่มแค่เพียงหนึ่งกลมกับอีกแบนเท่านั้น พ่อดื่มจนสุขภาพตัวเองทรุดโทรม แม้ไม่ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ก็เห็นได้ชัด ด้วยขอบตาที่ดำคล้ำ นัยตาเริ่มมีเส้นเลือดแตกพร่า ดวงตาเริ่มบวมและเหลืองเหมือนสีน้ำมฤตยูที่พ่อดื่มเข้าไปทุกที หญิงไม่เคยเข้าใจเลย ว่าพ่อชอบดื่มไอ้น้ำบ้าๆนั้นได้อย่างไร เธอเคยแอบลองขโมยมาทดลองกินดูบ้าง แต่เพียงแค่อึกแรกหญิงก็ร้อนผ่าวไปทั้งช่องปาก พอกลืนลงคอความขมฝาดก็บาดจนคอแทบจะขาด ร้อนวูบวาบในท้องแสนจะทุกข์ทรมาน แค่อึกเดียวไม่ถึงแก้วที่เธอขโมยกินทำให้เธอเข็ดขยาดไม่กล้าที่จะลิ้มลองมันอีกเลย

     นับครั้งไม่ได้ว่าเธอเคยขอร้องให้พ่อเลิกดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยนี้มากี่ครั้งแล้ว รู้แต่เพียงว่าทุกครั้งที่เธออ้าปากพูดเรื่องนี้เป็นต้องโดนด่ากลับมาทุกครั้ง พ่อด่าเธอว่าเธอเป็นลุกนะไม่ใช่เป็นแม่จะได้มาคอยสั่งสอนห้ามปรามพ่อ เหล้าคือน้ำเปลี่ยนนิสัยจริงๆ เพราะเวลาปกติที่พ่อไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ได้เมา พ่อจะเป็นคนที่มีเหตุผลและยอมรับฟังเธอได้ทุกเรื่อง แต่พอเหล้าเข้าปากพ่อกลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆเลย

     ต่อให้เอาเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันมาอ้างให้พ่อเลิกดื่ม ก็จะได้ฟังคำพูดที่หญิงสุดแสนจะเจ็บปวด “ความสุขของกู คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง...!” หญิงเจ็บปวดเพราะเธอไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนใกล้ชิดที่สุดที่พ่อเหลืออยู่ นับตั้งแต่ที่แม่หนีไปกับชายอื่น

     วันที่แม่จากไปเป็นวันแรกที่พ่อดื่มเหล้า และดื่มเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม่ทิ้งเธอไปตั้งแต่หญิงอายุได้ 9 ขวบ จนบัดนี้เธอ 18 แล้วเป็นช่วงวัยชีวิตวัยเรียนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยแล้ว ฉะนั้นเธอโตเกินพอที่จะรู้ว่า โทษของสิ่งที่พ่อใช้บำบัดความเสียใจนั้นมันร้ายแรงเพียงใด แม้เธอจะเข้าใจเหตุผลที่พ่อเลือกมันเป็นเครื่องดับทุกข์ก็ตาม แต่พ่อก็น่าที่จะคิดเองได้ว่า เหล้าไม่ได้ทำให้พ่อหมดทุกข์ที่แม่ทิ้งไปเลย มิหนำซ้ำมันยิ่งทำให้พ่อจมดิ่งอยู่ในห้วงความเจ็บปวดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

     ถึงตอนนี้ให้พ่อคิดได้ก็สายเกินไป พ่อติดเหล้าเสียแล้ว

     ยังถือเป็นโชคดีที่เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเธอ พ่อตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำงานหนักจนเก็บเงินไว้เยอะพอดู และพ่อยังชาญฉลาดพอที่จะเอาเงินที่เก็บได้ไปลงทุนทำหอพักนักศึกษา เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินมากกว่าการฝากธนาคาร ทุกวันนี้ถึงพ่อจะไม่ได้ทำงานเพราะพ่อคิดว่าการทำงานหนักของตัวเอง เป็นสาเหตุให้แม่ทิ้งพ่อไป พ่อก็ยังมีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูหญิงได้อย่างสบาย แต่เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักที่หญิงต้องการ หญิงต้องการพ่อที่เธอรักคนเดิมกลับมามากกว่า

     ทุกวันนี้หญิงได้แต่เก็บเอาความทุกข์ใจไว้อยู่คนเดียว ไม่ใช่ทุกข์ใจที่ต้องอดหลับอดนอน หรือเพราะเสียงเอะอะของพ่อยามเมา แต่เธอทุกข์เพราะห่วงสุขภาพของพ่อ หญิงไม่อยากคิดถึงวันที่พ่อถูกโรคร้ายเข้าคุกคาม ตับแข็ง มะเร็งตับ พิษสุราเรื้อรัง หรืออุบัติเหตุกำลังรอคอยพ่อของเธออย่างใจจดใจจ่อ

     และในที่สุดหน้าที่ของเธอในคืนนี้ก็เริ่มต้นขึ้น เสียงเอะเอะของพ่อเงียบหายไปแล้ว เธอซึ่งรอคอยเวลานี้อยู่ออกจากห้องไปทำหน้าที่ ที่ไม่มีใครมอบหมาย แต่ทำเพราะด้วยจิตสำนึกความกตัญญู เธอออกไปประคองพ่อให้ได้นอนอยู่บนโชฟาให้เรียบร้อย โซฟาตัวเดียวกับที่พ่อใช้นั่งดื่มบำบัดความทุกข์นั่นแหละ ที่นี้กลายเป็นที่นอนประจำของพ่อไปแล้ว หญิงไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพาพ่อกลับเข้าห้องนอนได้ จึงต้องให้บิดาผู้ให้กำเนิดนอนอยู่ตรงนี้ เธอจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวขับไล่ความเหงื่อไคลให้ ก่อนที่จะจัดการเก็บเศษซากของความสุขของพ่อ เก็บขวดเหล้าขวดโซดาออกไปจากห้องรับแขก ไปกองไว้ในโรงรถ ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีที่ว่างให้ใช้ทำอย่างอื่นนอกจากเป็นที่สุมกองขวดเหล้า คงถึงเวลาแล้วที่หญิงต้องเรียกรถรับซื้อของเก่ามาจัดการกับอนุเสาวรีย์น้ำเมานี้เสียที

     คืนนี้ถือเป็นโชคดีสำหรับหญิง เพราะพ่อเมาหลับเร็วกว่าทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นคงต้องถ่างตารอจนถึงตีสองตีสามอีกตามเคย พ่อเคยบอกับเธอว่าไม่ต้องคอยอยู่ปรนนิบัติ ปล่อยให้พ่อหลับพับคาแก้วเหล้าก็ได้ แต่หญิงทำไม่ได้ เธออ่อนแอเกินกว่า ที่จะเห็นสภาพแบบนั้นของพ่อ แล้วที่สำคัญเธอกลัวว่าพ่อจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มด้วย เพราะถ้าเธอยังไม่หลับก็อาจจะสามารถเข้ามาช่วยพ่อได้ทันหากว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

     ใกล้เอนทรานต์แล้ว หญิงรู้สึกหวั่นวิตกเหลือเกิน เรื่องสอบไม่ติด ทำข้อสอบไม่ได้นั่นไม่ใช่เรื่องที่เด็กหัวดีอย่างเธอกังวล แต่เธอกลัวว่าหากเธอสอบติดที่มหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครจะคอยดูแลพ่อแทนเธอ

วันต่อมา.....
     หญิงกลับจากโรงเรียนโดยซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งกลับมา ผู้เป็นพ่อนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้านรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
     “พ่อขา สวัสดีค่ะ”ผู้เป็นลูกยกมือไหว้ ก่อนที่จะทำท่าเดินเข้าบ้านไป
     “อย่าเพิ่งไป”มือที่ถือแก้วเหล้าของเขาสั่นระริก น้ำเสียงก็ฟังดูดุดันบ่งบอกถึงอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี
     “เดี๋ยวนี้ แกริอ่านมีแฟนแล้วรึ”คำสรรพนามที่ใช้เรียกลูกสาวถูกเปลี่ยนจากคำสุภาพเป็นคำที่ไม่น่าฟัง
     “เปล่านี้ค่ะ แค่......”
     “แล้วไอ้ผู้ชายที่มาส่งเมื่อกี้เป็นใคร..?”เขาไม่ปล่อยให้ลูกสาวพูดจนจบ ชิงชี้ไม้ชี้มือตาหลังเด็กหนุ่มต้นเหตุของความโกรธในใจ ถามความสงสัยของตัวเองทันที
     “เพื่อนค่ะพ่อ”หญิงพยายามอธิบาย สายตาลูกจ้องมองเขาเหมือนบอกให้เชื่อใจตัวเธอ
     “ไม่ต้องมาแก้ตัว วันหลังอย่าให้เห็นอีกนะว่ามีผู้ชายมาส่ง”ผู้เป็นพ่อตอบสนองสายตาลุกวาวด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยม และเริ่มคิดว่าจะคอยแอบจับสังเกตพฤติกรรมไม่ให้ลูกสาวรู้ตัว

     เหมือนคำที่ว่า “ยามระแวง ทุกสิ่งย่อมน่าสงสัยไปหมด”เมื่อเขาเห็นลูกสาวคุยโทรศัพท์ด้วยอากัปกิริยาหัวร่อต่อกระซิกอยู่นาน ทั้งที่ปกติลูกสาวเขาทำแบบนี้เสมอยามรับโทรศัพท์จากเพื่อน ความห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจ แต่เพราะพิษสุราทำให้เขาแสดงออกมา ในลักษณะก้าวร้าวเกินที่ลูกสาวจะรับไหว
     “อีหญิง เดี๋ยวนี้ชักจะแรดเกินไปแล้วนะ”นี้เป็นคำหยาบคายที่สุดที่เขาเคยพูดกับลูก
     “อะไรคะพ่อ”หญิงที่เพิ่งวางหูโทรศัพท์ลง พูดได้แค่นั้นน้ำตาก็คลอเบ้า ก้อนความเสียใจจกแน่นอยู่ในลำคอจะไม่สามารถพูดต่อได้
     “แกชักจะทำตัวแรดเหมือนแม่แกไปทุกทีแล้วนะ อยากมีผัวนักหรือไง”เขากระแทกเสียงใส่ลูก ด่าทอด้วยความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลในอดีต
     “หนูทำอะไรผิดคะ พ่อถึงได้ว่าหนูแบบนี้”หญิงสะกดกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยให้มันรินไหลอาบแก้มเสียงสะอึกสะอื้นจนพูดจะฟังไม่ได้ศัพท์ บ่งบอกถึงความความเสียใจ
     “แล้วนี้อะไร...?”เขาเดินไปหยิบสมุดเฟรนชิพก่อนจบการศึกษาของลูก ที่เขาถือวิสาษะเข้าไปแอบเอาออกดูนอกห้องของเธอ มายื่นตรงหน้าลูกสาว เปิดหน้าที่มีภาพที่ค้างคาใจของเขาเหลือเกินให้เจ้าของภาพไขข้อข้องใจให้เขา เพราะภาพตัวปัญหา คือภาพของลูกสาวเขาถ่ายคู่กับเพื่อนชายสองต่อสองอย่างสนิทสนม
     “โธ่ พ่อขา แบบนี้ใครๆเขาก็ทำกันค่ะ”หญิงพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ก่อนจบการศึกษาพวกเธอและเพื่อนก็อยากจะมีความทรงจำเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงไม่ได้ถือเรื่องข้อแตกต่างระหว่างหญิงชาย แล้วก็เปิดหน้าอื่นๆให้เขาดู ชี้แต่ล่ะรูปให้เขาเห็นว่าทุกๆรูปก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ไม่ได้เจาะจงทำท่าแบบนั้นกับใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
     “แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร”เสียงเขาอ่อนลงแล้วเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ลูกสาวอธิบาย แต่ดวงตายังจ้องเหมือนจะสืบหาความจริงจากใบหน้าของผู้เป็นลูกอยู่
     “เพื่อนค่ะ แหม่มไงคะ ไม่เชื่อพ่อลองโทรไปถามแหม่มตอนนี้ได้เลยค่ะ”หญิงบอกชื่อเพื่อนคนสนิทของเธอกับเขา ซึ่งเขาก็รู้จักเพื่อนลูกคนนี้ดี
     “งั้น ก็แล้วไป แต่อย่าให้พ่อรู้นะ ว่าลูกทำอะไรเกินสมควร”เขาพูดทิ้งท้ายเป็นความหมายเชิงขู่ ก่อนที่จะเดินไปจมปลักกับน้ำเมาเหมือนเดิม ทิ้งบุตรสาวให้ยืนสะอื้นกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา

     เรื่องราวในครั้งนี้ทำให้ระดับความเชื่อใจในความรักของอีกฝ่าย ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายลูกสาวแม้จะร้องไห้เสียใจที่ถูกผู้อันเป็นที่รักที่สุดดุด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ในใจลึกๆเธอก็มีความยินดี ที่พ่อยังห่วงเธอยังสนใจเธออยู่บ้าง ไม่ได้ทุ่มเทเวลาให้น้ำเมาจนหมด แต่ฝ่ายผู้เป็นพ่อ ผู้ที่ได้รับความรักจากลูกมาโดยตลอด ถึงเขาจะไม่แสดงออก แต่ก็ดีใจที่ลูกสาวเป็นคนกตัญญู วันนี้เขากลับรู้สึกหวั่นใจ แม้ว่าสิ่งที่ลูกสาวอธิบายจะทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ เขากลัวมีบางสิ่งมาเปลี่ยนแปลงลูกสาวที่น่ารักของเขาไป ทั้งสองพ่อลูกช่างคิดต่างกันสิ้นเชิง

     แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครอบครัวนี้ได้เลย เสียงเอะอะของพ่อยังดังอยู่เหมือนทุกวัน จนหญิงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เธอปารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากให้พ่อเลิกตกเป็นทาสน้ำเมานี้เสียที มีวิธีไหนบ้างนะ ที่จะทำให้เธอได้สมอย่างใจหวัง

     หญิงล้มตัวลงนอนก่ายหน้าพาก เพราะด้วยสภาพนี้เธอคงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่ๆ เธอนอนมองเพดานรอเวลาที่จะออกไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญู เพดานพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา เธอนอนคิดว่า หากตอนนี้เธอมีของล้ำค่าอยู่ในมือ...และต้องสุญเสียมันไปเพื่อให้เธอได้พ่อคนเดิมที่ไม่เป็นทาสของสุรากลับมา ไม่ว่าของล้ำค่านั้นจะเป็นอะไร เธอก็จะไม่ลังเลเลยที่จะสูญเสียมันไป

     และสภาพแบบนี้ก็ดำเนินต่อมาอีกสักพัก ในลักษณะที่พ่อนึกเป็นห่วงลูกสาว หวั่นวิตกในใจ ส่วนผู้เป็นลูกหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก คือหวังให้พ่อหยุดทำร้ายตัวเองด้วยน้ำเมาเสียที

     จนมาถึงวันหนึ่ง วันที่ทุกอย่างจบลง..................
แสงแดดร้อนแรงสมกับเป็นเวลาตอนเที่ยงวัน ร้อนจนถนนคอนกรีตส่งไอร้อนระอุขึ้นเป็นไอ จนภาพที่ทองไปตามถนนที่ทอดตัวยาวออกไปบิดเบี้ยวจากรูปร่างเดิมในสายตา แต่ชายคนเดิมผู้เป็นพ่อ ไม่สนใจเวลาและสภาพอากาศ ยังนั่งจมปลักอยู่บนโซฟารับแขกตัวเดิม พร้อมด้วยขวดสุราและโซดาที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า วันนี้เป็นวันเสาร์ เขากะจะกินเหล้าทั้งวัน

     แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นลูกสาวโทรศัพท์แล้วรู้สึกหงุดหงิด ในใจกำลังคิดถึงเรื่องที่เขาวิตกกังวล เพราะด้วยท่าทางหัวร่อต่อกระซิกของลูกสาวยามคุยโทรศัพท์ มันทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ ว่ากำลังคุยกับเพื่อนอย่างที่ลุกเคยบอก
     “เมื่อกี้คุยกับใคร..?” เขาถามลูกสาวอย่างอดรนทนไม่ได้
      “แหม่มค่ะ”หญิงตอบผู้เป็นพ่อ
     “ต่อไปไม่ต้องคุยแล้ว”เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
     “ใกล้สอบสอบแล้ว เอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า มาคุยไร้สาระแบบนี้”เขายินยอมอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นลูกสาวหน้าหมองลง
     “ไม่ได้ไร้สาระนะคะ เมื่อกี้เราคุยกันว่าจะไปติวหนังสือกันที่บ้านแหม่ม”เธอชี้แจงให้เขาฟัง
     “แล้วหนู ก็อยากจะขออนุญาตพ่อ หนูขอไปติวได้ไหมค่ะ”
     “จะไปเมื่อไหร่ล่ะ..?”
     “วันนี้แหละค่ะ”
     “ได้ ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็ไปเถอะ”เขาข่มความคิดตัวเองลง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางลูกสาวที่ใสซื่อไม่มีแววที่จะโกหกเขาเลย

     ตัวลูกสาวเลือกที่จะไขว่คว้าอนาคตที่ดีให้กับตัวเองเพื่อหวังว่าต่อไปมันจะช่วยให้เธอสามารถดูแลพ่อที่เธอรักได้ แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่เคยเข้าใจความนึกคิดของลูกสาวเลย เขาคิดเพียงว่าเหล้าคือสิ่งเดียวที่เข้าใจเขา
     “ผู้หญิง ต่อให้มอบความรักไปเท่าไหร่ก็พร้อมที่จะตอบสนองมาด้วยความเจ็บช้ำ แต่เหล้าไม่เคยทรยศทำให้ผิดหวัง เพราะเหล้าตอบสนองด้วยความเมาทุกครั้งที่ดื่มเข้าไป.......เมาแล้วก็ลืมความเจ็บช้ำ”นี้คือความคิดของคนที่ตกเป็นทาสมันสมบูรณ์แบบอย่างเขา

     สักพักหลังจากที่หญิงหอบหนังสือกองใหญ่ ออกจากบ้านไปเพื่อติวหนังสือที่บ้านเพื่อน ตัวผู้เป็นพ่อยังนั่งจมปลักอยู่กับน้ำเมา หวังจะใช้มันลืมเลือนความทรงจำในอดีต

     เหล้าไม่ได้ทำให้ลืมเลือนเพียงอย่างเดียว มันยังทำให้ความรู้สึกวิตกกังวลที่มีเพียงนิดเดียวเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเทเหล้าลงเกือบเต็มแก้ว ก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียวหมด แล้วลุกไปหยิบกุญแจรถ เขาคิดในใจว่า จะต้องรู้ให้ได้ว่าลูกสาวไปติวหนังสือจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างที่จะออกไปทำตัวไม่เหมาะสม เรื่องผู้ชายเป็นเรื่องเดียวที่เขากังวลใจ

     เสียงรถยนต์กระชากเสียงออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เสียงยางบดถนนจนดังลั่นทำให้คนที่พบเห็นพากันสงสัยว่า เขาจะรีบไปไหนกัน เหมือนความเร็วของรถจะชักช้าไม่ทันอย่างที่ใจเขาคิด คันเร่งจึงถูกเหยียบลงไปจนเกือบจม จนขวดเหล้าที่เขาหยิบติดมือขึ้นมาด้วยกลิ้งหล่นจากเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านข้าง แต่เหมือนว่ามันมีคุณค่ากับเขาไม่น้อยไปกว่าลูกสาว เพราะเขาลดความเร็วลงเพื่อเก็บมันขึ้นมาอย่างเป็นห่วงว่าจะแตกเสียหาย

     และเหมือนน้ำผึ้งเห็นน้ำหวาน เขาจ่อปากกระดกมันลงคอไปอีกสองอึกก่อนจะวางมันลงในช่องเก็บของหน้ารถ แล้วก็เริ่มขับเคลื่อนรถออกไปยังจุดหมายปลายทางอีกครั้ง สถานที่นั้นเขารู้จักเป็นอย่างดีแม้ตอนนี้ เขาจะเมาเต็มที่ก็ตาม เพราะเคยมาส่งมารับลูกสาวที่บ้านหลังนี้หลายครั้งแล้ว แหม่มเพื่อนของลูกสาวเขาคนนี้ เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันกับหญิงลูกสาวเขามาตั้งแต่ชั้นประถม เขาจึงไม่เคยห้ามหากว่าลูกสาวจะมาเที่ยวเล่นหรือมาทำอะไรที่บ้านหลังนี้

     “ติ้งหน่อง...ติ้งหน่อง...ติ้งหน่อง”เสียงกดกริ่งหน้าบ้านถี่ๆ จากมือที่ระดมกดอย่างจริงจัง
     “มาหาใครคะ...? อ้าว...!คุณพ่อของหญิงนี้เอง สวัสดีค่ะคุณพ่อ”เสียงถามอย่างฉงนแล้วก็ตามด้วยการทักทาย เมื่อเจ้าของบ้านเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร
     “หญิงอยู่ไหม แหม่ม”เขาถามเพื่อนลูกสาวทันที ด้วยน้ำเสียงที่อ้อแอ้ด้วยความเมา แต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบเขาก็เห็นหน้าลูกสาวโผล่หน้าออกมาดู
     “พ่อ”หญิงร้องอย่างแปลกใจเมื่อเดินตามเพื่อนออกมาดูว่าใครมา แล้วเห็นพ่อของตัวเองมายืนอยู่ที่นี้
     “กลับหรือยัง..ลูก พ่อมารับ”เขาอุ่นใจที่ลูกสาวไม่ได้โกหก
     “เดี๋ยวหนูไปส่งเองนะคะ ยังเหลืออีกหลายวิชาที่ยังไม่ได้ติวค่ะ”เพื่อนลูกสาวรีบบอกเขา
     “งั้นก็อย่าให้มืดนักนะลูก”เขากำชับอย่างเป็นห่วงก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นรถ แต่ต้องหยุดลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาว พากันโผล่ตามลูกสาวเขาออกมาดู มีทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิงพากันยกมือไหว้เขาเมื่อเขามองไป
     “คุณพ่อ สวัสดีครับ/ค่ะ”เสียงประสานจากเด็กเหล่านั้น กล่าวทักทายเขา
     “เพื่อนๆร่วมห้องเรียนหญิงเองค่ะ”ลูกสาวบอกกับพ่อให้รู้ว่าใครกำลังทักทายเขา
     “เอ่อ งั้นพ่อกลับก่อนนะ” เขาบอกหลังจากที่ยกมือขึ้นรับไหว้เพื่อนๆของลูกสาว แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งในรถ หยิบขวดเหล้าขึ้นมากระดกดื่มอีกอึก เพื่อฉลองความสบายใจที่รู้ความจริงว่าลูกสาวไม่ได้โกหก

     แต่ขณะที่เขากำลังจะออกรถ ก็เหลือบไปเห็นเพื่อนลูกกลุ่มนั้นกำลังส่งเสียงกันล้อเลียนอย่างสนุกสนาน คล้ายกับกำลังล้อลูกสาวเขาอยู่ ว่าเป็นลูกแหง่ที่พ่อต้องมาตาม สายตาเขาก็ไปสะดุดที่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง แล้วอุณหภูมิความโกรธก็ถาโถมเข้ามาในอารมณ์เขา จนเกินพิกัด เพราะหน้าตาของเด็กคนนั้น เหมือนกับรูปที่เป็นต้นเหตุความวิตกกังวลของเขา

     “หญิงกลับบ้าน”เขาเปิดประตูลงไปตะโกนบอกลูกสาวด้วยเสียงที่ไม่เป็นมิตร จนพวกเด็กๆเหล่านั้นต้องเงียบเสียงลงและหันมามองเขากันอย่างงุนงง ตัวลูกสาวเขาเองก็หันมางงกับการกระทำของเขา แล้วรีบเดินเข้ามาหา
     “กลับบ้าน”เขาย้ำอีกครั้ง เมื่อลูกสาวเดินเข้ามาใกล้
     “แต่....”
     “ขึ้นรถ แล้วกลับบ้าน”เขาตวาดตัดบทลูกสาวดังสุดเสียง จนเธอกลัวแล้วก็ขึ้นรถไปตามความต้องการของเขา

     บรรยากาศระหว่างการขับรถกลับของสองพ่อลูกเต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่มีเสียงการสนทนากันสักประโยคจากทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งผิดหวังและเสียใจที่ลูกสาวเข้าใกล้สิ่งที่เขากลัว แม้เขาอาจจะคิดไปเองก็เถอะ ฝ่ายลูกสาวก็ตกใจกับพฤติกรรมที่ดุร้ายของผู้เป็นพ่อ พอไม่เคยตวาดเธอมาก่อน ไม่เคยต้องทำให้เธออับอายต่อหน้าคนอื่น แต่วันนี้พ่อเป็นอะไรไป...?
     “อย่านะค่ะพ่อ”หญิงร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นพ่อกำลังจะหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม
     “แกไม่ต้องยุ่ง”พ่อไม่สนใจคำเตือนของเธอ กระดกเหล้าเข้าปากไปอย่างไม่สบอารมณ์
     “ไหนบอกว่าจะมาติวหนังสือไง”
     “ก็มาติวจริงๆนี้ พ่อก็เห็น”หญิงพยายามชี้แจง
     “แล้วทำไมมีผู้ชายด้วย”เขาพูดในสิ่งที่เห็น
     “ก็เพื่อนกันทั้งนั้นนี้ค่ะ”หญิงเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าพ่อโกรธเรื่องอะไรจึงตอบอย่างนุ่มนวล
     “อยากมีผัวนักหรือไง”แต่เขากลับตอบสนองความนุ่มนวลของลูกสาวด้วยคำหยาบคาย

     หญิงนิ่งเงียบไม่ตอบคำ เธอรู้แล้วว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่แต่เธอจะไม่อธิบายตอนนี้ เพราะพูดไปพ่อก็ไม่ฟัง ไว้รอให้พ่อหายเมาแล้วเธอค่อยอธิบายให้พ่อเข้าใจอีกครั้งดีกว่า แต่การนิ่งเงียบของเธอ กลับยิ่งกระตุ้นให้พ่อใช้ถ้อยคำรุนแรงขึ้นเรื่อยเลย เปรียบเทียบหญิงว่าเหมือนแม่ตลอดเวลา

     “นับวันยิ่งแรดเหมือนนังหญิงชั่วนั่นเข้าไปทุกวัน”หลังคำพูดนี้ หญิงตัดสินใจเคลื่อนไหวอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะคำพูดที่ทำให้เสียใจจนต้องเคลื่อนไหว แต่เพราะพ่อยังกระดกดื่มเหล้าไม่ยอมหยุด
     “พ่อจะด่าหนู ก็ด่าไป แต่พ่ออย่าเพิ่งกินเหล้าตอนนี้สิ กินเหล้าแล้วขับรถมันอันตรายนะค่ะ”เธอไม่ได้ห่วงตัวเองหรอก แต่ห่วงพ่อที่กำลังด่าจิกหัวเธออยู่ตอนนี้
     “ทำไม...! กลัวตายด้วยเหรอ อีหญิง”เหมือนยิ่งว่ายิ่งยุ เขาเหยียบคันเร่งจมลึกไปอีก ขับรถส่ายไปมา แซงซ้ายแซงขวาอย่างน่าหวาดเสียว
     “หนูไม่กลัวตายหรอก แต่กลัวพ่อ......”หญิงหยุดไม่พูดสิ่งที่ในใจเธอกลัว
     “นี้กล้าแช่งกูเหรอ อีลูกชั่ว”เขาหันไปตะคอกลูกสาวด้วยความโกรธ ไม่ได้มองทางข้างหน้าเลยไม่เห็นว่ารถของเขากำลังวิ่งข้ามเลน เข้าหารถกะบะที่วิ่งสวนมา
     “ว้า.........ย พ่อ”หญิงร้องสุดเสียงหลับตาที่น้ำตารินไหลนองหน้า ผวาเข้ากอดผู้เป็นพ่อด้วยความกลัว


----------------------------

     ฝ้าเพดานสีขาวกับสายระโยงระยางด้านข้างคือสิ่งแรกที่ปรากกกับสายตาเขาเมื่อลืมตาได้สติ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ลำตัวเมื่อขยับตัวจะลุกขึ้น
     “นี้คุณค่ะ ยังลุกไม่ได้นะค่ะ”เสียงผู้หญิงดังขึ้นข้างๆ เมื่อหันไปมองก็รู้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ไหน
     “ไม่ต้องขยับนะค่ะ ซี่โครงคุณร้าวสองซี่ ต้องนอนนิ่งๆนะค่ะ”ผู้หญิงคนเดิมในชุดพยาบาลบอกกับเขาพร้อมจับเขาที่พยายามจะลุกนอนลงกับเตียง เขาจำเหตุการณ์ก่อนที่จะหมดสติได้แล้ว แล้วนึกด่าตัวเองที่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย
     “แล้วลูกผมล่ะ ลูกสาวผมอยู่ไหน”เขาหันไปมองรอบเตียงแล้วไม่เห็นลูกสาวจึงต้องร้องถามพยาบาลอย่างใจหาย
     “รถคุณประสบอุบัติค่ะ โชคดีนะคะที่คุณรอดมาได้ แต่....”พยาบาลพยายามตอบเสียงให้นิ่มนวลที่สุด แล้วต้องหยุดไม่พูดต่อเพราะกลัวว่าจะบอกสิ่งที่เขารับไม่ได้ออกมา
     “ลูกสาวผมเป็นอะไรครับ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนครับ”ใจเขาแทบจะขาดลงให้ได้ที่ต้องถามคำถามนี้

     เหล้าทำให้เขาขาดสติ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่หากผลการกระทำใดๆมาตกที่ตัวเขาเอง เขาก็จะไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะเขาเป็นคนก่อขึ้นเอง แต่ครั้งนี้เหล้าทำให้เขาทำร้ายคนที่เขารักมากที่สุด ทำอะไรโง่ๆให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวด

     เหล้าไม่เคยให้อะไรดีๆกับเขาเลย เรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวดเขาก็ไม่เคยลืมเลือน  เพราะเขาหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าเหล้ามันทำให้เขาลืมมันได้ แต่ในความเป็นจริงเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่เหล้าเข้าปาก มันตอกย้ำให้เขายิ่งคิดยิ่งเสียใจอยู่ตลอดเวลา แล้ววันนี้เหล้าได้ทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัสแล้ว
     “ลูกสาวคุณตอนนี้เป็นเจ้าหญิงนิทราค่ะ”พยาบาลคนเดิมทนการรบเร้าอยากไปหาลูกสาวของเขาไม่ได้ เข็นรถเข็นพาเขามาหยุดที่ข้างเตียงของหญิงในห้องไอซียู

     ภาพของลูกสาวที่มีผ้าพันแผลโพกหัวอยู่รอบ ใส่ที่ครอบช่วยหายใจ สายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ทำร้ายจิตใจตอบแทนความโง่เง่าของเขาอย่างสาสม น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาจากตาของผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่ออย่างไม่ขาดสาย
     “ลูกของคุณอาจจะฟื้นขึ้นมา หรืออาจจะหลับไม่มีวันตื่นก็ได้นะคะ”คำบอกของพยาบาลคนนั้น คล้ายหอกแหลมที่ทิ่มตำใจคนโง่อย่างเขาเหลือเกิน มือเขาประคองมือของลูกสาวสุดที่รักขึ้นมาแนบแก้มอย่างทะนุถนอม ปล่อยให้น้ำตาเขาไหลลงสัมผัสมือลูกสาว เหมือนหวังน้ำตาที่รินหลั่งไหลไปถูกมือของลูก อาจช่วยทำให้ลูกฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ หากเป็นเช่นนี้จริงต่อให้เขาต้องร้องไห้จนน้ำตาออกมาเป็นสายเลืดเขาก็จะทำ เขาขอทำเพื่อไถ่โทษความผิดที่เขาได้ก่อขึ้นกับลูก

     “หญิง พ่อสัญญานะ ว่าจะเลิกเหล้า หญิงฟื้นขึ้นมาดูนะลูก”เสียงสั่นปนสะอื้นของเขา เป็นคำพูดที่หญิงรอคอยมาตลอด แต่หลุดออกมาจากปากของพ่อในยามที่เธอไม่ได้สติ และไม่รู้เหมือนกันว่า เธอจะได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาฟังด้วยหูของเธอเองหรือไม่

**แก้ไขสะกดคำผิด ขอบคุณคุณscottie มากครับ ที่ช่วยตรวจแนะนำ

 

แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 10:09:26

แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 10:01:37

แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 09:49:38

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 21:48:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com