Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - 27 - มารในใจ ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9875051/W9875051.html
15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892519/W9892519.html
16
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html
21
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10002038/W10002038.html
22
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10021934/W10021934.html
23
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10051706/W10051706.html
24
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10085054/W10085054.html
25
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10107249/W10107249.html
26
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10121033/W10121033.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ใช่ครับ แนร์คิแซสก็คือดอกนาร์ซิสซัสครับ ผมอิงเสียงมาจากคำอ่านแบบไอริชน่ะครับ

ส่วนดูลัสมีปัญหาในใจซับซ้อนทีเดียวครับ โดยมีความทรนงเป็นหลักใหญ่เหมือนกัน


* * * * *


บทที่ ๒๗
มารในใจ


“ท่านดูลัส อุตส่าห์มาเยี่ยมเยือนคนแก่เฒ่าอย่างข้าทั้งที ไยจึงไม่รีบเข้ามาเล่า”

หลังจากส่งแขกผู้ชราเช่นกันออกไปจากห้อง พระเถระก็เอ่ยกับเงามืดที่หลังเสาในทางเดินด้วยเสียงเรียบเฉย ราวกับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเพียงการพูดคุยสามัญธรรมดา

เป็นดูลัสต่างหากที่พยายามระงับอาการใจสั่นของตน ด้วยไม่อยากแสดงพิรุธให้อีกฝ่ายล่วงรู้ ความลับดำมืดซึ่งหลุดลอดออกมาง่ายดาย ...ราวกับใครบางคนจงใจหยิบยื่นให้

...ข้าเองที่บอกว่าท่านเป็นผู้สั่งทรมานพวกเขา...

...ข้าคือชายชุดดำผู้นั้น และเราสองคนนี่เอง ที่เป็นผู้วางแผนการลอบปลงพระชนม์ และหลอกใช้พวกอัสลานทำการนั้น...

หมายความว่าอย่างไร...
ดูลัสตั้งคำถามกับตนเอง มาดายรู้ว่าข้าจะมาตั้งแต่แรกแล้วหรือ

และหากรู้...ไยจึงบอกต่อข้า


“แล้วท่านไม่อยากรู้หรือ ราชองครักษ์...ไม่สิ...พระคู่หมั้นดูลัส” เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายดังใกล้เข้ามาบนพื้นหิน พร้อมกับเสียงเอ่ยราบเรื่อย “ในเมื่อท่านเป็น ‘ผู้เล่น’ ตัวสำคัญ ในมหรสพครั้งนี้แท้ๆ”

“เจ้า...ร่วมมือกับท่านพ่อมาแต่ต้นแล้วงั้นเหรอ!” ชายหนุ่มขบฟันข่มความหวาดหวั่น มือเลื่อนหามีดสั้นที่เช็มขัด ก่อนจะสบถในใจเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า ในที่ที่เคยเก็บมันไว้

เขาลืมไป...ที่หน้าเขตอารามหลวงย่อมต้องฝากอาวุธทุกอย่าง ก่อนจะสามารถล่วงเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ได้

“เขาทำทุกสิ่งเพื่อท่านนะ” พระเถระชราก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้าเขา รอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากดูราวกับนักบวชผู้มีเมตตา ทว่านัยน์ตาเยียบเย็น ...อาจไม่เกินไปหากจะบอกว่าหยามหยัน “และท่านเอง ก็ปรารถนาจะเป็นราชาเคียงคู่เจ้าหญิงที่รักของท่านมาตลอดไม่ใช่หรือ”

“แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีคดโกงอย่างนี้!”

“คดโกง?” มาดายหัวเราะ “เวลานี้ ท่านยังไม่ได้เรียนรู้อีกหรือ ...ว่าไม่มีความยุติธรรมอยู่ในสงครามและความรักมาแต่แรกแล้ว มีเพียงการได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์เท่านั้น ที่ขับดันผู้เล่นทุกคนให้เต้นไปตามบทบาทของตน”

“แต่นี่ไม่ใช่ประโยชน์ที่ข้าต้องการ” ดูลัสเข่นเสียงลอดไรฟัน “เจ้าหญิงต้องทรงได้รับความยุติธรรม เช่นเดียวกับฝ่าบาท พระราชินี และเจ้าชาย ...และกบฏก็ต้องได้รับโทษ ประหารเจ็ดชั่วโคตรตามกฎมณเฑียรบาล!”

“แม้นั่นจะรวมถึงหัวของท่านด้วยหรือ” พระเถระชราถามดักได้ราวกับล่วงรู้จิตใจ

ชายหนุ่มยังคงพยายามจ้องตอบเขาอย่างแข็งกร้าวที่สุด ...จนกระทั่งความเจ็บปวดระเบิดวาบในลำคอ

มันรุนแรงเสียจนดูลัสหลุดเสียงร้องออกมาได้แวบเดียว ก็มีอันต้องทรุดลงคุกเข่า หนักเข้าก็ลงดิ้นทุรนทุรายกับพื้น สองมือกุมที่ลำคอซึ่งร้อนราวกับถูกแผดเผา และบีบเค้นให้หายใจไม่ออก ประหนึ่งบางสิ่งจะแตกกระจายออกจากภายใน

นี่หรือ...วิธีสังหารของพวกมนตร์มืด

ขณะที่นึกว่าตนคงจะหมดลมหายใจเสียแล้วนั่นเอง...มาดายก็ดีดนิ้วเพียงเปาะเดียว ความเจ็บปวดบีบคั้นทั้งมวลพลันปลาสนาการไป

ทิ้งชายหนุ่มให้ได้แต่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น เหงื่อโซมกาย หอบปนไอโขลก ตระหนักได้ว่าตนไม่อาจต่อกรผู้มีเวทมนตร์ตรงหน้าได้เลย ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถสังหารเขา...โดยไม่แม้เพียงแต่จะแตะด้วยปลายนิ้ว

“ใช่ การฆ่าท่านเสียตรงนี้ง่ายยิ่งกว่าตบยุงรำคาญสักตัวอีก พระคู่หมั้นดูลัส” พระเถระเอ่ยต่อ “ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก...เพราะท่านยอมรับเครื่องรางของข้าไปพกติดตัวโดยไม่ลังเล มันอาจคุ้มกันท่านจากอาเมียร์ หรือผู้มีมนตร์มืดคนอื่นได้ก็จริง แต่ก็เป็นสื่อให้ข้าดับลมหายใจของท่านได้ง่ายๆ เช่นกัน”

“...บัด...ซบ...” ชายหนุ่มพูดได้เท่านั้นเอง ก่อนอีกฝ่ายเหยียดยิ้มพึงใจ

“เช่นที่ข้าบอก พระคู่หมั้นดูลัส ไม่มีความยุติธรรมในสงครามและความรัก แต่อยากรู้ไหม...สิ่งใดจะเกิดขึ้นหากเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลมหายใจเสียตอนนี้ หรือเร็วๆ นี้ ...ท่านจะให้เกียรติใครตายก่อนดีล่ะ”

ครั้นคู่สนทนาไม่ตอบ ชายชราก็หัวเราะก่อนจะเอ่ยต่อไปเสียเอง

“ข้าจะให้เกียรติท่านก็แล้วกัน หากท่านตายไปโดยที่ยังไม่ได้เป็นราชา บิดาท่านจะไม่ปล่อยให้ธีร์ดีเรได้อยู่สงบสุขแน่ ในเมื่อเขาเสียลูกชายทั้งสามให้แก่อาณาจักรนี้ไปแล้ว อุลทูร์ในเวลานี้มีนักรบที่เข้มแข็ง ทั้งยังมีกำลังพลมาก เรื่องจะยึดอำนาจ ตั้งตนเป็นกษัตริย์เสียเองย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก...ยิ่งเมื่อมีข้าคอยช่วยอยู่เบื้องหลังเช่นเดิมด้วย”

มาดายสบตากับชายหนุ่มที่พยายามยันตัวลุกขึ้น ดูลัสรู้สึกราวกับนัยน์ตาคู่นั้นแฝงนัยต่ำทรามน่าขยะแขยง แต่ขณะเดียวกันก็เรียบเฉยราวกับสิ่งที่ตนเอ่ยเป็นเรื่องธรรมดา

“อ้า...การได้สิทธิ์อันชอบธรรมในการครองบัลลังก์อาจยากขึ้นเล็กน้อย แต่บิดาของท่านก็ยังไม่แก่ชราเกินไป น่าจะมีกำลังวังชา พอทำให้เจ้าหญิงมีโอรสผู้สืบสายเลือดนักรบแห่งอุลทูร์ ผสานกับสายพระโลหิตแห่งทายาทสุริยเทพ เป็นน้องชายผู้สูงส่งกว่าท่านได้นี่นะ”

ใจของดูลัสกระตุกวูบ ...สะอิดสะเอียนจนเกินสำรากคำด่าทอใดๆ ออกมา

ทว่าคำต่อไปของนักบวชชรา เป็นยิ่งกว่าน้ำมันราดเข้าใส่กองถ่านคุแดง ปลุกเปลวไฟให้ยิ่งคุโชน

“...ยิ่งมารดาใจง่ายของท่านเองก็ไม่ได้อยู่เป็นเสี้ยนหนาม เหมือนครั้งที่เขาต้องหย่าขาดจากภรรยาเก่า เพื่อให้ได้ลูกชายอันเป็นที่ปรารถนาอย่างท่านเสียด้วย”

“หุบรูโสโครกของเจ้าซะ! ไอ้จัณไร!”

ชายหนุ่มเงื้อหมัดลุ่นๆ ออกไปตรงหน้า ทว่าไม่ทัน... น้ำหนักมหาศาลไร้ตัวตนบางอย่างกดตัวเขาคว่ำราบลงกับพื้น โดยที่มาดายไม่ได้ทำแม้แต่กระดิกนิ้วด้วยซ้ำ

“โสโครกงั้นหรือ” มาดายกลับหัวเราะอย่างพึงใจ “ถามตัวท่านเองเถอะ พระคู่หมั้นดูลัส สิ่งใดกันแน่ที่โสโครกกว่ากัน...ระหว่างปากซึ่งเปล่งได้เพียงเสียงของข้า หรือรอยมือที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของบิดาท่านเอง...บนพระศพของราชินีบริอาเนีย”

ดูลัสพลันเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง ขณะไม่อาจห้ามความทรงจำที่ผุดขึ้นมา...เมื่อเขาส่งเจ้าหญิงแอชลีนน์ไปยังที่ปลอดภัยแล้ว และรีบควบม้ากลับมาเพียงเพื่อพบพระศพของเจ้าเหนือหัวทั้งสาม ท่ามกลางศพของเหล่าองครักษ์และคนร้าย

......

...พระศพของเจ้าชายที่เขาพลิกขึ้น ก่อนจะเบือนหน้าไปกลั้นน้ำตาแทบไม่ทัน...ทว่านั่นเป็นศพที่มีสภาพดีที่สุดแล้ว ในบรรดาทั้งสามร่าง...

...พระศพโชกพระโลหิตขององค์เหนือหัวที่มีรอยแทงมากมายกับรอยกรีดยาวทั่วใบหน้า พวกมันทำลายกระทั่งพระเนตรทั้งสองของพระองค์ และใช้พร้าด้ามหนึ่งปักคาไว้ในพระโอษฐ์ที่อ้ากว้าง...

...พระศพของราชินี...ร่างขาวโพลนนั้นเด่นชัดที่สุดบนเส้นทางกลางป่า...ทอดอยู่ห่างจากรถม้าที่เปิดประตูกว้างโดยไม่มีใครอยู่ภายใน ทว่ากลับมีเพียงสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่สารพัดสิ่ง...

มีดสั้นที่องค์เหนือหัวทรงพกประจำพระองค์ซึ่งเปื้อนเลือดโชก...เสื้อเนื้อหยาบแบบเดียวกับที่เขาเห็นบนศพของพวกคนร้ายตัวหนึ่ง...เศษผ้าไหมกับผ้าลูกไม้กระจัดกระจาย...รอยเท้าเปื้อนดินและคราบเลือด...ทั้งที่แห้งติดเบาะเป็นวงกว้าง และวาดเป็นทางลงจากรถม้า...ต่อด้วยรอยลากเป็นทางยาวบนดินจนถึงพระวรกายขององค์ราชินี ซึ่งบัดนี้ทอดหงายและมีดินเปื้อนเปรอะ มีเพียงเศษผ้าแบบเดียวกับในรถม้าเหลือติดพระวรกายน้อยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าปกคลุม

พระเนตรที่เคยมองเขาอย่างอ่อนโยนเผยอค้างเช่นเดียวกับพระโอษฐ์ที่มีรอยแตกตรงมุมด้านหนึ่ง บนพระพักตร์ซีดเผือดยังมีรอยบวม พระศอมีรอยกรีดยาวเลือดโชกและพระอุระมีรอยถูกแทง พระหัตถ์ทั้งสองแบอยู่บนพื้น มีลูกธนูแทงทะลุลงไปปักพื้นข้างละดอกประหนึ่งจะตรึงร่างไว้กับที่

...ชายฉกรรจ์ที่ไม่ได้สวมเสื้อ แตกต่างจากคนร้ายคนอื่นๆ ...มันมิได้ทิ้งร่างลงกองกับพื้น แต่นั่งก้มหน้านิ่งใต้ต้นไม้ริมทาง แม้นร่างจะไม่ไหวติงเหมือนสิ้นลมหายใจแล้ว...

มันยังกำพร้าที่เปื้อนเลือดไว้ในมือ และบนลำต้นไม้เหนือร่างของมันก็มีตัวอักษรสลักไว้อย่างหยาบๆ

...เผ่าอัสลานได้ชำระแค้นแล้ว...

“บัดซบ! ไอ้พวกบัดซบ!”

“ไอ้อัสลานรายำ!”


ร่างนั้นเองที่พวกทหารซึ่งตามมาสมทบก่นด่า ลากไปเตะถีบทั้งที่หมดลมหายใจไปแล้ว ทั่วร่างของมันมีรอยดาบมากมาย...เป็นที่มาของเลือดที่อาบแดงฉานติดเศษดิน แต่สาเหตุการตายเห็นจะเป็นรอยกรีดยาวที่คอ ผิดกับศพของคนร้ายอื่นๆ ซึ่งน่าจะถูกคนอื่นฆ่าตายด้วยดาบ...แบบเดียวกับดาบของพวกราชองครักษ์

มันฆ่าตัวตาย...นั่นอาจดูสมเหตุสมผล แต่ด้วยเหตุใด และเมื่อใด ก่อนหน้านั้นมันยังจู่เข้าไปในรถม้า...ถอดเสื้อของตนทิ้งไว้...เป็นการประกาศเจตนาหรือ...แล้วก็สังหารองค์ราชินี...ไม่ก็ทำให้พระนางบาดเจ็บ...แล้วมันก็ลากพระองค์ลงมาตรึงบนพื้น...จากนั้นก็...

มันทำคนเดียวหรือมีคนช่วย...หากมีคนช่วยแล้วทำไมสภาพศพอื่นๆ ถึงดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับขั้นตอนนี้เลย หากดูจากรอยดาบและเลือดชุ่มโชกบนเสื้อของมัน...เทียบกับพระศพของราชินีซึ่งแทบไม่มีรอยเลือดติดอยู่เลยตั้งแต่พระอุระลงมา ก็แสดงว่าต้องเป็นก่อนหน้ามันจะได้รับบาดแผลพวกนั้น แล้วรอยเลือดบนพระศพที่อยู่ต่ำกว่านั้นเล่า...

...ทุกสิ่งมันประหลาดจนเกินไป...

ประหลาดเสียจนเขาพยายามเรียกร้อง ขอให้มีการชันสูตรพระศพ ตลอดจนศพของทั้งองครักษ์และคนร้ายทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบที่เกิดเหตุให้ละเอียดถี่ถ้วน ...แต่ก็นั่นเอง ดูลัสไม่อาจได้สิ่งเหล่านั้นสมประสงค์ เหล่าทหารเห็นว่าพระศพของทุกๆ พระองค์ถูกลบหลู่จนเกินไปแล้ว และขืนทิ้งศพอื่นๆ ไว้ข้ามคืน ก็มีแต่จะถูกสัตว์ร้ายลากไปกินเสียเท่านั้นเอง

กระทั่งท่านพ่อซึ่งเขาหวังจะเข้าใจ ก็ยังยืนกรานว่าทุกสิ่งบ่งชี้กระจ่างชัดเจนเกินสงสัย ...เผ่าอัสลานเป็นคนร้าย และพระศพของทุกพระองค์ควรจะได้พักผ่อนอย่างสงบ ไม่บังควรถูกรบกวนยิ่งไปกว่านี้

......

กระนั้นยังยากที่จะเชื่อ...ท่านพ่อน่ะหรือที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้นเสียเอง กระทำการหยาบช้าต่อเจ้าชีวิตของพวกเขาเช่นนั้น...

“วางใจเถอะ พระคู่หมั้นดูลัส” เสียงของมาดายดึงเขากลับขึ้นมาอีกครั้ง “บิดาของท่านไม่ใช่คนมักมาก คิดจะข่มเหงราชินีด้วยตัณหาต่ำทรามแต่ประการใด เขาเพียงคำนวณถ้วนถี่แล้วว่านี่คือหนทางที่ได้ผลที่สุด ไม่มีสิ่งใดจะปลุกเร้าความเคียดแค้นของคนในอาณาจักรได้ดีเท่ากับพระศพของราชินีที่ถูกย่ำยีอีกแล้ว ...ไม่ว่าพระวรกายของพระนางจะถูกล่วงละเมิดจริงหรือไม่ และด้วยมือของใครก็ตาม”

แต่ทำไม... ชายหนุ่มทำได้เพียงถามอยู่ในใจ ...อาณาจักรนี้ทำสิ่งใดต่อท่านพ่อ เพียงการสูญเสียพี่ชายทั้งสองไป ทำให้เขาเคืองแค้นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ...

“ก็มีทั้งความแค้น...และความกระหาย ที่หล่อเลี้ยง ‘มารในใจ’ ” พระเถระชราย่อมรู้คำถามของเขา “ก็เช่นเดียวกับมารในใจของท่าน ท่านเองก็แค้นเคืองสิ่งที่เขาทำลงไป ทั้งต่อพระราชวงศ์ที่ท่านเคารพ และมารดาของท่านเอง เช่นเดียวกับที่แค้นเคืองอาเมียร์ และกระหายในพระวรกายของเจ้าหญิง ตลอดจนอำนาจที่การครอบครองร่างกายนั้นจะมอบให้แก่ท่านโดยชอบธรรมไม่ใช่หรือ”

ดูลัสทิ้งร่างพังพาบแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไร้เสียง เรี่ยวแรง ตลอดจนสติจะคัดค้านถ้อยคำของคู่สนทนา

“และนั่นเอง...จึงนำมาสู่อีกทางเลือก สังหารข้าเสียบัดนี้ จะได้หมดผู้ล่วงรู้แผนชั่วของบิดาท่านไปคนหนึ่ง จากนั้น ท่านก็สามารถทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใด อยู่ในฐานะพระคู่หมั้น อภิเษกกับเจ้าหญิงแอชลีนน์ตามที่ท่านกับบิดาต้องการ ...แต่...ทางเลือกนั้นก็ไม่ง่ายดายนัก ท่านเห็นแล้วไม่ใช่หรือ” มาดายหัวเราะอีกครั้ง “พละกำลังของมนุษย์ไม่อาจเอาชนะเวทมนตร์ได้ แต่อย่าห่วงเลย เพื่อ ‘เป้าหมาย’ ของข้า ข้าต้องทำให้ท่านได้เป็นราชาแห่งธีร์ดีเร ดังนั้นหากท่านกับบิดาไม่แว้งกัดข้าเสียก่อน เราก็ยังคงมีจุดประสงค์เดียวกัน และข้าจะปกป้องท่านจากอาเมียร์จนถึงที่สุด ...เป็นเช่นนี้ เราต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ”

ชายชราคุกเข่าลงเบื้องหน้าเขา ทอดมองชายหนุ่ม ราวกับนายหุ่นมองหุ่นตัวโปรดของตน ก่อนจะลูบศีรษะของเขาราวกับเอ็นดู

“ดังนั้น ขอให้ท่านเป็นเด็กดีของ ‘ท่านพ่อ’ กับข้าต่อไปเถอะนะ ว่าที่องค์ราชัน”

มาดายเอ่ยเท่านั้นก็ยืดกายขึ้น กลับหลังหันเดินจากไป โดยไม่วายหันกลับมาเอ่ยอีกครา

“อ้อ...ท่านมาเพื่อถามวิธีขจัด ‘มนตร์สะกด’ ของอาเมียร์ออกไปจากเจ้าหญิงใช่ไหม” พระเถระชราเอ่ยเรียบเรื่อย “ข้าเองก็เกือบลืมไป”

ดูลัสไม่ตอบ เพียงนอนนิ่งไม่อาจกระดิกกระเดี้ยอยู่ตรงนั้นด้วยอำนาจมนตรา แม้นทุกถ้อยคำที่ได้ยินจะเป็นดั่งค้อนตอกย้ำลงกลางใจ ...ช้าๆ ...ช้าๆ

“เจ้าหญิงไม่ได้ถูกครอบงำด้วยมนตร์สะกดใดๆ เลย ...แต่เป็นท่านต่างหาก ที่ถูกสะกดไว้ด้วย ‘มารในใจ’ ของท่านเอง”

‘มาร’ ในคราบนักบวชเปล่งเสียงหัวเราะ ซึ่งค่อยๆ แผ่วหายไปตามระยะห่างที่เพิ่มขึ้น


* * * * *


“ท่านพร้อมแล้วใช่ไหม” เด็กสาวร่างเล็กในชุดผ้าคลุมสีดำถามเพื่อนร่วมทาง ขณะจัดเสื้อผ้าซึ่งตนใช้เวทมนตร์ประคองไว้ ไม่ให้ลูกกระพรวนตามกำไลข้อมือข้อเท้าส่งเสียงดังขึ้น...อย่างน้อยก็ในบ้านหลังนี้

“ใช่” เป็นเสียงตอบจากชายหนุ่มอีกคน ในชุดทะมัดทะแมงสีเดียวกันที่ด้านหลัง

“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันได้” มาลิอาบอกเขา ก่อนจะเดินนำไปยังประตูหลังบ้านด้วยฝีเท้าแผ่วเบา อาศัยสัมผัสของเวทมนตร์นำทางไปท่ามกลางเหล่าเครื่องเรือนในความมืด

ไปได้ครึ่งทาง...ก่อนประตูห้องนอนใหญ่จะเปิดผางขึ้น ตามด้วยแสงตะเกียง และเสียงเข้มงวดแม้จะยังเบาอยู่

“จะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือ มาลิอา!”

เด็กสาวตาบอดชะงักกึกอยู่กับที่ ราวกับถูกเสียงนั้นสะกดตรึงแทนเวทมนตร์

เป็นเพื่อนร่วมทางของเธอเสียเองที่อุทานขึ้น

“แม่...”

เสียงนั้นทำให้สิมาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงดังขึ้นกว่าเดิม

“มาลิอา! นี่กระทั่งลูกชายข้า...เจ้ายังคิดจะ...”

“ม...ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดหรอกนะ!” แม่มดดำละล่ำละลักให้อาเมียร์ได้ยินเป็นครั้งแรก “ข...เขาขอให้ข้าพาออกไปต่างหาก!”

“พาออกไปไหน” หญิงสาวเลื่อนนัยน์ตาสีอำพันมาทางลูกชายคนโตบ้าง และชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนดวงตาของแม่เรืองวาวราวกับนางสิงห์ด้วยแสงตะเกียง “ลูกคงไม่ได้คิดจะไปเถลไถลที่ไหนใช่ไหม”

“ป...เปล่าขอรับ แม่” อาเมียร์เริ่มสงสัยว่าทำไมตนต้องตะกุกตะกักด้วย “ข...ข้าแค่...เอ้อ มีธุระที่ต้องขอให้นางช่วยนิดหน่อย”

“ธุระอะไรในยามวิกาล” แม่ของเขาตั้งคำถาม “อย่าอ้างล่ะ ว่าบอกแม่ไม่ได้”

จนได้สิ... ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเวรกรรม เป็นมาลิอาเองที่บอกให้ปิดเรื่องออกไป ‘สะกดจิตแก้อาการกลัวเลือด’ เป็นความลับต่อทุกคน และอาเมียร์ก็ค่อนข้างจะไม่อยากให้ท่านอารู้เรื่องนี้ด้วย

แต่ในเมื่อแม่ถึงกับจุดตะเกียงออกมาอย่างนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่าท่านอาซึ่งหูไวกว่ามากย่อมได้ยินก่อนแล้ว ...เรียกได้ว่าเหลือทางเดียวคือยอมรับออกไปตามตรง

“มาลิอาจะช่วย...เอ้อ...แก้อาการกลัวเลือดให้ข้า ด้วยการสะกดจิต แต่นางบอกว่าทำที่บ้านไม่ได้ ต้องไปในที่ที่มี...พลังวิญญาณเยอะๆ ...ข้าเห็นเวลานี้ค่ำแล้ว เลยไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ข้าพูดจริง ท่านลูเธียนรอเราอยู่ที่จุดนัดพบ ตรงเชิงเขานี่เอง”

แม่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

“ยิ่งไม่บอกต่างหาก ถึงจะยิ่งเป็นห่วง” เสียงของท่านอ่อนลงบ้าง “แต่ในเมื่อเป็นความจริง ก็ไปเถอะ แม่เชื่อว่าครั้งนี้ลูกไม่พูดปด เพียงแต่รีบกลับหน่อยก็ดี”

...หมายความว่าแม่มองออกงั้นหรือ ว่าครั้งไหนเราพูดปด... อาเมียร์ชักหวั่นใจ กระนั้นก็ได้แต่รับคำ เพื่อให้ออกมาจากบ้านได้โดยเร็ว


* * * * *


“เกือบไปแล้วเชียว” มาลิอาเอ่ยขึ้นเมื่อพ้นชายคาบ้านของชายหนุ่ม ด้วยท่าทางโล่งอกจนน่าสงสัยพิกล

“นี่ท่าน...” อาเมียร์อดถามไม่ได้ “ออกมาจากบ้านข้าตอนกลางคืนบ่อยๆ หรือ แม่ถึงได้ถามอย่างนั้น”

“โธ่! ข้าต้องหาเวลาผ่อนคลายของตัวเองบ้างสิ” เสียงเล็กๆ เริ่มกระเง้ากระงอด “ให้อุดอู้อยู่บ้านทั้งวันทั้งคืนกับฝูงเด็กแบบนั้น...ใครมันจะไปทนไหวเล่า!”

“แล้ว...ท่านออกมาทำอะไรบ้างล่ะ”

“ก็ขี่ม้าเงาดำเข้าเมืองไปดื่มเหล้าบ้าง หาเพื่อนคุยบ้าง แม่ของท่านนี่ก็เหลือเกิน ตอนกลางวันก็กวดขันให้ข้าแต่งตัวให้เรียบร้อย ทำตัวเอี้ยมเฟี้ยมเป็นผ้าพับไว้ ไม่ทำอะไรเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อเด็กๆ ...ข้าสิจะตายเอา ต้องมานั่งเล่นนั่งเล่านิทานให้เด็กฟังมันสนุกเสียเมื่อไร อีกอย่าง เห็นอย่างนี้ข้าก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว จะจำกัดบริเวณนักทำไมก็ไม่รู้ รู้อย่างนี้ข้าไปเช่าห้องพักในเมืองคนเดียวเสียก็ดีหรอก ...ถึงอย่างนั้น แม่ท่านคงค้านสุดตัวอยู่ดีจนได้”

“แต่...ท่านเป็นหอบหืดไม่ใช่หรือ ดื่มเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพนักหรอกนะ” ชายหนุ่มพยายามติง

“ไม่ดื่มแล้วข้าจะไปเอาพลังเวทมาจากไหนล่ะ” เด็กสาวตาบอดหันมาค้อนเขา

“เอ่อ...ดื่มเหล้านี่เพิ่งพลังเวทจริงๆ หรือ” อาเมียร์ตั้งคำถาม

“ก็ช่วยเพิ่ม เพราะมันทำให้สภาพจิตเข้าไปอยู่ในภวังค์ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่ดื่มก็จะมีวิธีเพิ่มพลังเวทอีกวิธี คือดูดซับพลังวิญญาณจากคนอื่น ด้วยการ...อือม์...ก็รู้ๆ กันอยู่แหละนะ” มาลิอาเริ่มส่งยิ้มชวนขนลุก “จะให้เกียรติถ่ายพลังกับข้าสักหน่อยไหมล่ะ เจ้าชาย”

“ข...ขอปฏิเสธ” ชายหนุ่มตอบทันควัน แม้จะตะกุกตะกักไปบ้าง และเด็กสาวก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะนำทางเขาต่อไป

มาลิอาบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าที่บนเขาของหมู่บ้านอาแดร์ มีจุดที่พลังวิญญาณ หรือพลังเวทมนตร์รวมตัวกันแน่นหนา บริเวณหินวางของสักการะซึ่งชาวบ้านวางเครื่องสังเวยในวันลูคนาซัธ จึงเหมาะที่จะเป็นจุดทำ ‘พิธี’ ของพวกเขา

แม่มดดำอธิบายว่าวิธีการสะกดจิตนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่เธอต้องเข้าไปคอยแนะนำและ ‘รั้ง’ อาเมียร์ในจิตของตัวเขาเอง จึงต้องขอแรงพระมหาเถระลูเธียนมาเฝ้าระวัง และใช้มนตร์แสงสว่างเข้าแทรกแซงในเวลาที่จำเป็น

ไม่ช้า ทั้งสองก็ไปถึงยังที่แห่งนั้น และพบชายหนุ่มผมทองผู้สะพายคทานั่งไขว่ห้างรออยู่ก่อนแล้ว

“มาเสียที คืนปลายฤดูใบไม้ผลิที่นี่กำลังหนาวใช้ได้” เขายื่นไหดินเผาใบหนึ่งมาให้ทั้งสอง “ดื่มเสียก่อน จะได้ตัวอุ่นขึ้น มีกำลังวังชาขึ้น งานหนักรออยู่”

“เอ่อ...นักบวชนี่เขาห้ามดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ” อาเมียร์ตั้งคำถาม

“ถ้าไม่ดื่มให้พวกปากหอยปากปูเห็น แล้วไม่ไปเมาแประจนทำอะไรผิดบัญญัติเข้าก็ช่างมันเถอะ” ลูเธียนตอบหน้าตาเฉย

ชายหนุ่มพอเข้าใจขึ้นรำไร ...ว่าเหตุใดแม่มดดำกับนักบวชขาวจึงเข้ากันได้อย่างประหลาดนัก

มาลิอาส่งเสียงรับอย่างพอใจ ก่อนจะรับไหนั้นมายกดื่ม ราวกับคนเพิ่งหลงทางในทะเลทรายพบแหล่งน้ำ ครั้นแล้วจึงส่งให้อาเมียร์ ซึ่งดื่มของเหลวร้อนวาบลงไปพอเป็นพิธี เพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย

“เอาล่ะ” มาลิอาเอ่ยพลางทรุดตัวลงนั่งบนก้อนหิน โดยไม่เกรงกลัวว่าเสื้อผ้าจะเปรอะเปื้อน แล้วจึงผายมือบอกให้อาเมียร์นั่งลงตรงหน้า “มาเริ่มกันเถอะ”


* * * * *

แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 01:49:15

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 01:46:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com