Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความรักของพ่อ น้ำตาของพ่อ ติดต่อทีมงาน

     ผู้จัดการคนใหม่มาทำงานที่นี้ได้กว่า 3 เดือนแล้วแต่ยังไม่ค่อยสนิทกับบรรดาลูกน้อง เหล่าบรรดาพนักงานจึงจัดงานเลี้ยงย้อนหลังให้ งานเลี้ยงเพิ่งจบไป พนักงานทั้งหลายต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่มีอยู่ 2 คนที่ยังไม่ยอมกลับ คนหนึ่งคือชายวัยกลางคนผู้จัดการคนใหม่เจ้าของงาน อีกคนคือช่างหนุ่มฝีมือดีประจำโชว์รูม สองชายต่างวัยกลับเลือกพื้นสนามหญ้าสวนประดับหน้าโชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อหรูริมฟุตบาทถนน บรรยากาศมืดสลัวที่มีแสงไฟสาดส่องมาบ้างตามจากรถราที่วิ่งผ่านไปมา เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองนั่งสนทนาปรับทุกข์กันผ่านฟองเบียร์

     ดนัยทำงานเป็นช่างซ่อมรถยนต์ฝีมือดีซึ่งต่อไปคงเป็นช่างใหญ่ประจำโชว์รูมแห่งนี้ และธนาผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการคนใหม่ที่เข้ามาประจำโชว์รูมแห่งนี้ 

     ธนาซึ่งปกติเป็นคนถือตัวและมีเส้นแบ่งในการคบหาสมาคมกับคนอื่น ซึ่งวัดจากระดับฐานะทางสังคม ไม่นิยมชมชอบที่จะสนทนากับคนที่ตัวเค้าเองตัดสินว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าเขาสักเท่าไร  แต่ก็อยากจะใกล้ชิดสนมสนมกับพนักงานที่นี้ทุกคนให้เร็วที่สุด จึงยอมลดตัวลงมาเพื่อผูกสัมพันธ์อนุญาตให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเขา ทั้งๆที่ใจจริงแล้วไม่อยากเลย เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อความง่ายต่อการทำงานการสั่งงานในอนาคต ซึ่งถ้าทำได้เร็วเท่าไร เขาก็จะปีนกลับไปอยู่ในระดับเดิมอีกครั้ง

     เขาเห็นดนัยมีท่าทางซึมเศร้าในงานเลี้ยง จึงออกปากชวนลูกน้องคนนี้ ให้มานั่งจิบเบียร์เป็นเพื่อน แต่ไม่ได้หวังจะให้ความช่วยเหลือลูกน้องคนนี้หรอกนะ แค่เพียงยังไม่อยากกลับไปเจอท่าทีเย็นชาของลูกสาวที่บ้าน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขายอมเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มมานั่งดื่มเป็นเพื่อนที่นี้ และที่ไม่ยอมไปร้านอาหาร ก็เพราะกลัวเสียหน้าหากเจอเพื่อนฟูงในวงสังคมเดียวกัน หากมาพบเห็นว่า เขานั่งดื่มกินกับลูกน้อง

     จากคำบอกเล่าของผู้จัดการคนก่อน ทำให้ธนารู้ว่าเด็กหนุ่มคู่สนทนา ไม่ได้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย อาชีวะก็ไม่ใช่ จบเพียงแค่ ม.3 เท่านั้น แต่จากประวัติของเด็กหนุ่มทำให้ธนารู้สึกสงสัย ว่าทำไมวันนี้ ถึงได้กลายมาเป็นช่างฝีมือดีและมีอนาคตในโชว์รูมใหญ่อย่างนี้ได้

     “แล้วทำไมถึงได้มาทำงานที่นี้ล่ะ”
     ดนัยก็ตอบโดยเป็นการเล่าชีวิตตนเองให้ฝ่ายหัวหน้าหายสงสัยว่า มันเป็นเรื่องที่คล้ายนิยายน้ำเน่า ที่พระเอกเป็นคนจนแต่ตั้งใจศึกษาหาความรู้ แม้จะไม่ได้เรียนสูงนัก เด็กหนุ่มเข้าทำงานในอู่ซ่อมรถเล็กๆใกล้บ้านตั้งแต่จบ ม.3 แล้วก็ตั้งใจทำงาน แอบดูและจดจำการซ่อมเครื่องยนต์ต่างๆจากเจ้าของอู่ แอบคอยดูคอยจำในการทำงานที่นั้นอยู่หลายปี ก็เชี่ยวชาญชำนาญพอๆกับเจ้าของอู่ และที่เขาได้มาทำงานในโชว์รูมหรูของแห่งนี้ เพราะเจ้าของอู่คนที่สอนงานให้ รักและเมตตาเขา จึงฝากงานให้ดนัยเข้ามาทำงานกับผู้จัดการคนก่อน

     จากประวัติของดนัยทำให้ธนาผู้รับฟังรู้สึกทื้งและนับถือในความพยายามของลูกน้องฝีมือดีคนนี้ คนที่ไม่มีพื้นฐานทางสังคมอะไรเลย กลับพยายามจนขึ้นมายืนในจุดที่ลูกหลานคนรวยทั้งหลายไม่สามารถทำได้เองหากไม่มีการสนับสนุนจากพ่อแม่ หากยัยลูกแดงลูกสาวของเขา ได้คิดและได้ลองพยายามอย่างลูกน้องคนนี้บ้าง ก็คงดี

     แต่ความนับถือและยอมรับในความสามารถ ก็ยังเป็นเพียงจุดเล็กๆในใจ เพราะว่าทัศนะคติยึดถือชนชั้นในใจของเขายังตีตราฝังรากลึกอยู่เหมือนเดิม 
     “ที่มานั่งหน้าเศร้าอยู่ เพราะความรักไม่สมหวังเหรอ...?” ธนาพูดเชิงถามถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มมีสีหน้ากลัดกลุ้มตลอดเวลา เริ่มลองคาดเดาเหตุผลไปอย่างเปะปะ แต่เหมือนคำพูดของเขาจะไปกระทบใจเด็กหนุ่มอย่างแรง

     “ไม่ใช่ครับ”จึงได้แต่ส่ายหน้าและบอกด้วยน้ำเสียงที่น้ำเสียงสั่นเครือว่า ไม่มีอะไร แต่น้ำตาที่รินหลั่งที่ค่อยๆออกมาจากดวงตาเด็กหนุ่ม มันขัดแย้งกับคำปฏิเสธ จนทำให้ธนารู้ว่า ที่เด็กหนุ่มบอกว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องโกหก
     “แต่มันก็ร้ายแรง กว่าการที่ผมผิดหวังในความรักเสียอีก”เด็กหนุ่มเหมือนพยายามสะกดกลั้นให้ตัวเองร้องไห้แต่เฉพาะดวงตา ไม่ปล่อยให้มีเสียงสะอึกสะอื้นรอดออกมาให้หัวหน้าได้ยิน
 
     “ที่ผมเล่าอดีตให้ผู้จัดการฟังขนาดนี้ เพราะเกี่ยวกับเรื่องราวต่อมาของผมและเธอ ที่ต้องจบลงก็เพราะความจนของผมนี้แหละ” 
     “ถ้าไม่ลำบากใจ ก็ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”ธนาเริ่มสนใจ จึงเอ่ยปากขอให้เล่าให้ฟัง
     “ความรักของผม เริ่มต้นเมื่อหกเดือนก่อน เธอสวย น่ารัก เอาแต่ใจหน่อยๆและเพิ่งเรียนจบมหาลัย”
     “คุณสมบัติดีขนาดนี้ ก็เลยสนใจเข้าไปจีบเธอเองใช่ไหม”ธนาพูดขัดเด็กหนุ่มและนึกไปถึงยัยหนูแดงลูกสาวของตนเองที่ทั้งสวย น่ารัก และก็เพิ่งเรียนจบกลับมาจากนอกเมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน แต่ที่อาจจะแตกต่างคือยัยหนูแดง เป็นเด็กที่ไม่เอาแต่ใจเลย เรียบร้อยน่ารักเอาอกเอาใจเขา พูดได้ว่าลูกสาวเป็นความสุขที่สุดของคนที่เป็นพ่ออย่างเขา แต่ตอนนี้..อะไรทำให้ยัยหนูแดงเปลี่ยนไป รึว่าเป็นเพราะพวกไอ้หนุ่มไฮโซกำมะลอกลุ่มนั้น เพื่อนกลุ่มเดียวกับลูกสาว ที่มาติดพันยัยหนูแดง แต่เขาคอยขัดขวาง

     “เปล่าครับ ตอนที่ผมยังทำงานในอู่เล็กๆ บังเอิญเราได้รู้จักกัน รถเธอเสียใกล้ๆกับแถวนี้แหละ ผมผ่านไปเจอพอดีเลยเข้าไปช่วยดูให้ แล้วแก้ไขให้นิดหน่อยจนใช้ได้ และก็บอกเธอว่า ให้เอาไปเช็คดูที่ศูนย์ดีกว่า เพราะผมแค่แก้ไขให้ใช้ได้ชั่วคราว แต่ก็เหมือนเป็นพรมลิขิตให้เราสองคนรักกัน คือต่อมาก็บังเอิญเจอกันแบบเดิมอีก รถเธอเสียเหมือนครั้งก่อน” ประกายตาของดนัยทำให้เขารู้ว่า ในใจของเด็กหนุ่มมีความสุขเพียงใด ที่ได้คิดถึงอดีตในช่วงนั้น

     “ต่อมา เลยพัฒนาเป็นความรักอย่างรวดเร็วใช่ไหม”แม้ว่าใจเขาเองจะคิดไว้ก่อนแล้วว่าไม่ได้นึกอยากรู้เรื่องราวนี้สักเท่าไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าน้ำตาลูกผู้ชายเมื่อกี้สะกิดใจให้บางส่วนเสี้ยวมันเกิดอยากรับรู้ขึ้นมา

     “ครับ”เด็กหนุ่มรับคำก่อนคว้าเบียร์กระป๋องใหม่ขึ้นมาจิบแทนกระป๋องเก่าที่ว่างเปล่าและวางกองรวมกับกระป๋องเปล่าใบอื่นๆ สุมรวมอยู่เป็นกองเล็กๆข้างวง
     “แล้วปัญหามันก็อยู่ที่ ตอนนั้นนายจนใช่ไหม”ธนาถามเร่งเพราะความอยากรู้
     “ใช่ครับ แม้ผมจะไม่เคยรู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเธอคงน่าจะเป็นลูกคนมีเงิน”เล่าถึงตอนนี้ น้ำเสียงของดนัยเริ่มเศร้าเล็กๆอีกแล้ว
      “ไม่เคยถามเธอเลยสักครั้งเหรอ ว่าบ้านเธออยู่ไหน หรือลองสืบดูเองว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” ธนาซักถามเพราะพอจะเข้าใจว่า เด็กหนุ่มลูกน้องเขา ทำไมถึงเศร้า เพราะตลอดเวลาที่เขาเข้ามาทำงานที่นี้ เขาก็พอจะดูออกว่า ลูกน้องคนนี้เป็นคนที่ดี ดีมาจากพื้นฐานในจิตใจ ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งดัด

     ดนัยได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ ธนาผู้เป็นหัวหน้าเอง ก็เข้าใจได้ดีว่า เหตุผลคงเป็นเพราะ ตอนนั้นลูกน้องคงรู้สึกตัวเองได้ว่า ตัวเองต่ำต้อยเกินไปไม่ควรจะดึงอีกฝ่ายลงมาหา แล้วก็คิดไปว่า หากคนที่ลูกสาวเขาไปหลงรัก คิดได้แบบนี้บ้างก็คงดี
     “แล้วรักกันได้อย่างไรล่ะ”แม้ธนาอยากให้ความเงียบช่วยปลอบใจลูกน้องไม่ให้สะเทือนใจในความหลังครั้งอดีตอีก แต่ความสงสัยในใจยังไม่หมดสิ้น จึงได้ถามไปอีกครั้ง

     “เธอเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมเอง ที่อู่เดิมที่ทำงานเก่าของผม อาจเป็นเพราะเธอเป็นเด็กหัวสมัยใหม่ เลยกล้าที่จะแสดงออกโดยไม่คิดว่า ตัวเองเป็นผู้หญิงก็ได้กระมังครับ”คำพูดนี้ ทำให้ธนารู้สึกแสลงใจ เพราะลูกสาวของเขาเอง ก็มีอาการแบบนี้เช่นกัน ตอนก่อนจะไปเรียนที่เมืองนอก บุตรสาวของเขาเรียบร้อยน่ารักและเชื่อฟังทุกอย่าง แต่กลับมาจากเมืองนอกคราวนี้ กลับกลายเป็นกล้าแสดงออก คบเพื่อนชายหลายคน แม้ธนาพยายามเตือนหลายครั้ง แต่ลูกสาวก็ยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อน คบแบบขำๆไม่ได้คิดอะไร ซึ่งตรงจุดนี้ ทำให้เขาผู้เป็นพ่อรับไม่ได้ และทะเลาะกับลูกสาวบ่อยๆ

      “ผู้จัดการเป็นอะไรครับ”ดนัยหยุดเล่าและถามเขา เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย
     “ไม่มีอะไรหรอก แค่เห็นด้วยกับคำพูดเมื่อกี้น่ะ”
     “ไม่รู้ที่เมืองนอก มันสอนให้ผู้หญิงไม่รู้จักอายหรือไงนะ”
เสียงธนาบ่นต่อ เพราะเรื่องที่เขาทะเลาะกับลูกสาว ก็คือเมื่อลูกสาวกลับมาได้ไม่นาน ก็บอกว่ามีคนรักแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด ให้ลูกสาวเป็นคนเลือกเอง ไอ้หมอนั้นมันไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา เพราะเขาได้หมายตาว่าที่ลูกเขยในอนาคตไว้แล้ว

     “ใจผมเองก็ชอบเขาอยู่เป็นทุนเดิมแล้วด้วย เมื่อเขาเข้ามาหาบ่อยครั้ง แม้จะคิดว่าเราต่างกันเกินไป แต่ความรักในใจมันก็ไม่ยอมเชื่อฟังครับ”คำพูดนี้ ทำให้สิ่งที่ธนาเคยตั้งแง่ใจใน ยิ่งชัดเจนขึ้นอีก “นี้แหละหนาคนจน พอเห็นเขารวยเข้าหน่อย ก็หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้เสมอ”ความคิดดูถูกคนต่างชั้นที่ต่ำกว่าดังขึ้นมาในสมองของธนา

     “แต่ก็ใช่ว่า ผมจะยอมให้ตัวเองต่ำต้อยกว่าเขาตลอดไปนะครับ อย่างน้อยก็เรื่องเรียน”ดนัยบอกกับเขา เหมือนแก้ตัวในสิ่งที่เขาคิดในใจ
     “เพราะหลังจากเริ่มคบกันไม่นาน ผมก็ได้ไปสมัครเรียน ม.6 ที่กศน. และก็ให้เธอช่วยดูว่า หากผมเรียนจบแล้ว ผมจะสามารถเรียนต่อมหาลัยเปิดที่ไหนต่อไป”
     “เก่งนี้ มีความคิดใช้ได้”ธนาชมลูกน้องอย่างชื่นชม เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้หวังแต่จะเกาะผู้หญิงรวยๆเพียงอย่างเดียว ยังรู้จักยกระดับฐานะการศึกษาตัวเองให้อีกฝ่ายไม่อับอายอีกด้วย แต่บางส่วนในใจเขา ก็ยังคิดว่า มันอาจเป็นเพียงการแสดงออกให้ฝ่ายหญิงตายใจ ว่าคนจนๆอย่างลูกน้องเขา ไม่ได้จะคิดเกาะเธอฝ่ายเดียว

     “จนเมื่อเดือนที่แล้ว ผมก็จบม.6”
     “แล้วไปเรียนต่อที่ไหนล่ะ รามฯหรือว่าสุโขทัย”
ธนาถามต่อ
     “ไม่เรียนแล้วล่ะครับ เพราะเรียนไปก็ไม่มีค่าอะไร ตอนนี้ผมไม่มีหน้าจะไปเอาเธอมาครอบครองแล้ว”เสียงดนัยเริ่มเศร้าลงอีกครั้ง กระป๋องเบียร์ในมือถูกยกขึ้นดื่ม ราวกับจะใช้ฟองเบียร์ชะล้างความเสียใจในอดีตให้หมดสิ้น จนธนาต้องรีบดึงมือเด็กหนุ่ม เพราะไม่งั้นดนัยคงดื่มรวดเดียวหมดกระป๋องแน่ๆ

     “เบียร์ไม่ได้ช่วยอะไร เรากินกันแค่พอสนุกสนานเท่านั้น อย่ากินจนตัวเองเป็นทุกข์”ธนาผู้ผ่านโลกมามากกว่า สอนลูกน้องผู้อาภัพรัก 
     “แล้วทำไม รักถึงไม่สมหวังล่ะ”หลังจากปล่อยให้ดนัยใช้ความเงียบบรรเทาความเสียใจอยู่พักหนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาอีก
     “เพราะผมเป็นคนบอกให้เธอกลับไปในที่ที่เธอควรอยู่เองครับ”คำพูดนี้ของเด็กหนุ่ม ทำให้ความรู้สึกเหยียดหยามในใจธนาหดหายลงไปเกือบหมด เขายกมือโอบไหล่ลูกน้องอย่างสนิทสนมเป็นความหมายของการปลอบใจและชมเชยเด็กหนุ่ม เหมือนว่าดนัยได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว 

     “แล้วจะมานั่งเสียใจอีกทำไมล่ะ เมื่อเราเป็นฝ่ายบอกให้เขากลับไปเอง”ธนาพยายามจะพูดปลอบ แม้ว่าความหมายของคำพูดอาจจะฟังดูเหมือนประชดประชัน
     “จริงๆแล้ว ผมไม่ได้อยากให้เธอไป แต่จำต้องให้เธอกลับไป เพราะ....”คำพูดของเด็กหนุ่มหยุดลงแค่นั้น เหมือนมีก้อนอะไรมาสกัดกั้นไม่ให้คำพูดสุดท้ายออกจากลำคอ

     “เพราะ...?”ธนาย้ำคำพูดสุดท้ายที่เด็กหนุ่มค้างไว้ เพื่อเป็นการถามอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขายอมรับเลยว่า เรื่องราวที่เด็กหนุ่มเล่า ดึงดูดความสนใจเขาไปทั้งหมด แต่ดนัยเองใช่ว่าจะยอมเล่าต่อง่ายๆ เอาแต่ส่ายหน้าไปมา ยกเบียร์ขึ้นดื่มหวังให้เขาหยุดคำถามที่จำต้องให้ตัวเองตอบออกมาเพื่อตอกย้ำถึงความเจ็บปวด แต่อาจด้วยเพราะความเป็นหัวหน้ากับลูกน้องก็ได้ เมื่อโดนธนาซักหนักขึ้น ดนัยจึงยอมเปิดปากเล่าต่อว่า ที่เด็กหนุ่มต้องให้แฟนสาวลูกคนมีเงินจากไป เพราะเหตุผลที่ว่า ทางครอบครัวของฝ่ายหญิง ไม่เห็นด้วยกับความรักของเขาทั้งคู่ แต่จนแล้วจนรอดเขากับเธอก็ได้อยู่ด้วยกันในห้องเช่าเล็กๆที่เป็นที่ซุกหัวนอนของดนัยในตอนนั้น

     “ขอพูดในฐานะของพ่อที่มีลูกสาวเหมือนกันนะ ว่าสิ่งที่นายทำลงไปมันไม่ถูกต้อง”ธนาเริ่มแสดงความคิดเห็นในมุมมองของคนที่มีลูกสาวเหมือนกัน เด็กหนุ่มเมื่อได้ฟังทัศนะความเห็นของเขาก็ก้มหน้าที่หมองเศร้าลง เหมือนยอมรับกับความผิดที่ตัวเองได้กระทำขึ้น 

     “แบบนี้มันใช้ไม่ได้นะ นายต้องหัดคิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้าง ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ที่นายทำกับลูกสาวเขาแบบนั้นน่ะ”ธนายังคงต่อว่าต่อขานอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงที่เคยปกติราบเรียบ ก็ค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามอารมณ์ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ

     “ครับ แต่ใช่ว่าผมจะเป็นฝ่ายบังคับให้เธอมาอยู่กับผมนะครับ”เด็กหนุ่มก้มหน้าตอบ น้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายอ้อนวอนให้เขาฟังเหตุผลก่อน แล้วก็เล่าต่อว่า ไม่ว่าดนัยจะพูดยังไง แฟนสาวก็ไม่ยอมจากไปท่าเดียว และในที่สุดแฟนสาวของเขา ก็เป็นฝ่ายหอบกระเป๋าหนีออกจากบ้านย้ายเข้ามาอยู่กับเขาเอง

     “อ้าว แล้วพ่อแม่ผู้หญิงเขาไม่ว่าเอาเหรอ”ธนาถามอย่างแปลกใจ และก็ตกใจในความใจกล้าของแม่เด็กสาวหัวสมัยใหม่คนนั้น ในใจก็คิดว่า ดีนะ ที่ยัยหนูแดงลูกของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ดนัยบอก ดีแต่ตะลอนใช้เงินไปวันๆ ไม่เคยไปค้างอ้างแรมที่ไหน นอกจากเวลาออกไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนเรื่อยเปื่อยไปทีล่ะอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่พอเขาบ่น ยัยหนูแดงก็ไม่ไปอีกเลย ไปครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบสามเดือนก่อน

     “ผมก็นึกถึงข้อนี้ เลยให้เธออยู่ด้วยแค่อาทิตย์เดียว แล้วก็ให้เธอกลับไปที่บ้านครับ”
     “แบบนี้ แกก็ไม่มีความรับผิดชอบน่ะสิ”ธนาพูดเสียงเหมือนอารมณ์เสียขึ้นมา เมื่อจากเรื่องราวที่ได้รับรู้ มันเหมือนว่าลูกน้องของตน เป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว เพราะเมื่อได้อยู่กินกันแล้ว แม้จะแค่อาทิตย์เดียวก็ตาม ยังไงฝ่ายหญิงก็ต้องเป็นฝ่ายเสียหาย 
     “ไม่ครับ ผู้จัดการฟังผมก่อน”เด็กหนุ่มรีบร้องบอกแก้ตัว ขอโอกาสให้เขาได้ฟังคำอธิบายเพิ่มเติมจากอีกฝ่าย

     “รึแกจะบอกว่า แกไม่มีอะไรกับเธอคนนั้นรึ”ธนาถามเสียงขุ่น อาจเพราะเขามีลูกสาวก็ได้ ถึงทำให้เขาเกิดอารมณ์โมโหลูกน้องของเขาขึ้นมาตอนนี้ ทั้งๆที่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลย แต่ที่เขาอารมณ์เสียขึ้นมา เพราะนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อสามวันก่อนที่ทำให้เขาต้องทะเลาะกับลูกสาวครั้งใหญ่ จากคำประชดที่ว่า
     “ถ้าหนูแดงท้องล่ะค่ะพ่อ พ่อจะยอมรับให้หนูแดงรักกับเขาไหม”
     “ถ้าแกใจง่ายปล่อยตัวปล่อยใจทำเรื่องแบบนั้น นับแต่นี้ แกกับฉันไม่ใช่พ่อลูกกัน”
เขาตอบแทนการประชดของลูกสาวด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แรงจนลูกสาวไม่เอ่ยปากถึงเรื่องชายคนรักของเธออีก ไม่ยอมออกไปไหน ได้แต่เก็บเนื้อเก็บตัวขังตัวเองอยู่ในห้อง

     “ผมยอมรับครับ ว่าเรามีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว”หลังจากที่ธนานึกย้อนไปถึงเรื่องราวของตัวเอง เสียงนี้ก็ดึงเขากลับมาสู่เรื่องราวของเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง แต่ความรู้สึกเมื่อได้ยินถ้อยคำที่เด็กหนุ่มสารภาพ ยิ่งทำให้อารมณ์ที่กำลังครุกรุ่นของเขา ลุกโชนขึ้นอย่างร้อนแรง
     “นั่นไง เห็นไหม แบบนี้แกก็ไม่รับผิดชอบนี้”บรรยากาศการสนทนาร้อนแรงตามอารมณ์ภายในใจของธนา
     “แต่.....”
     “ผู้จัดการฟังผมก่อนสักนิดครับ แล้วจะดุ จะด่า ผมจะไม่เถียงเลยสักคำครับ”
เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงอ่อย อ้อนวอนขอโอกาสให้ตัวเองได้อธิบายอีกสักครั้ง

     บนใบหน้าของดนัยก็มีหยดน้ำตาหยดใหม่รินไหลลงมาอีกทั้งที่คราบน้ำตาเก่ายังไม่แห้ง ปากก็พร่ำบอกถึงเหตุผลที่เขาต้องการให้ธนาผู้จัดการผู้สวมวิญญาณความเป็นพ่ออยู่ตอนนี้ได้ฟังว่า ที่ดนัยอยากให้แฟนสาวกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอ ก็เพราะเด็กหนุ่มตั้งใจแล้วว่า จะปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของครอบครัวเธอให้ได้ และจะไปทำให้ถูกต้องตามประเพณีด้วยการไปสู่ขอเธอ เพื่อให้เธอได้กลับมาอยู่กับเขาได้อย่างถูกต้อง ให้ความรักของเขาทั้งคู่ ไม่ด่างพร้อยด้วยข้อติฉินนินทา

     สิ่งที่เด็กหนุ่มได้เล่าให้ฟัง ทำให้เขารับรู้ถึงความรักแท้ของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ตอนนี้เขาไม่คิดว่า ลูกน้องวัยหนุ่มของเขา คิดจะรวยทางลัดอีกแล้ว เพราะด้วยตำแหน่งและเงินเดือนที่ลูกน้องตัวดีของเขาในตอนนี้ อาจจะไม่มากมายอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีอนาคตที่สดใสรอคอยอยู่ และด้วยพื้นฐานนิสัยใจคอที่เป็นคนดีของดนัย ทำให้เขาเชื่อว่า พ่อแม่ของแฟนสาวดนัยคงจะยอมรับเหมือนเขาว่า ต่อไปเด็กหนุ่มคนนี้คงสามารถรักและดูแล ลูกสาวได้เป็นอย่างดี 
     “เมื่อคิดได้แบบนี้ แล้วยังมีปัญหาอะไรอีกล่ะ”ธนาถามต่อด้วยความสงสัย เพราะจากเหตุผลที่เขาได้ฟังก็น่าจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว

     “เธอท้องครับ ท้องได้สองเดือนแล้ว”คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้เขาหน้าแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยากอีกครั้ง ธนานิ่งเงียบลงเพราะไม่รู้จะหาคำพูดใดมาพูดได้อีก เขาโยนกระป๋องเบียร์เก่าทิ้งไป ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระปองใหม่มาเปิดดื่ม เพื่อหวังจะให้น้ำเมาชะล้างความรู้สึกที่จุกขึ้นมาในอก

     ทั้งคู่ต่างปล่อยให้ความเงียบเป็นเพื่อนคู่สนทนากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ธนาจะเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

     “หากต้องการให้ฉันเป็นผู้ใหญ่ ไปสู่ขอเธอให้ ฉันก็ยินดีช่วยเหลือนะ”เขาบีบไหล่เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าจมดิ่งกับรูปถ่ายของแฟนสาวที่ควักออกมาจากกระเป๋าเงินและความทุกข์ในใจ ธนาเองก็ได้แต่ปล่อยในเด็กหนุ่มครวญคิดในใจต่อไปโดยไม่รบกวน

     “ไม่ทันแล้วครับ เพราะผมมันไม่ดี ทุกอย่างมันจบลงแล้ว”ดนัยพูดได้แค่นั้น แล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร เด็กหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วก็หันมาตีอกชกหัวตัวเอง จนธนาต้องห้ามเป็นพัลวัน เขากอดรัดเด็กหนุ่มให้หยุดการทำร้ายตัวเอง แต่ปากดนัยยังพร่ำด่าตัวเองว่าโง่ ว่าชั่วต่างๆนาๆ แต่ถ้อยคำสุดท้ายที่ธนาจับใจความได้ก็คือ
     “ลูกจ๋า พ่อขอโทษ”คำพดนี้ทำให้ธนามึนงงเข้าไปอีก แต่ก็เก็บงำความสงสัยไว้ในใจต่อไป เขากะว่า จะปลอบให้ลูกน้องอารมณ์เย็นลงก่อน แล้วจะซักถามต่อ

     แต่จากเสียงสะอึกสะอื้นที่เล่าปะติดปะต่อเรื่องราวต่อมา ทำให้ธนาได้รู้ว่า แฟนสาวของดนัยทนแรงเสียดทานบีบคั้นของครอบครัวไม่ไหว จึงตัดสินใจไปทำแท้งก่อน เพื่อไม่ให้คนที่บ้านล่วงร้ถึงความสัมพันธ์อันเกินขอบเขตของคนทั้งคู่ ซึ่งเด็กหนุ่มเพิ่งจะรู้ว่าแฟนเขาตัดสินใจไปทำแท้งมาวันนี้เอง

     จากเรื่องราวที่ธนาได้ฟังนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มเป็นอย่างดี หัวอกคนเป็นพ่อเข้าใจได้ดีว่า หากวันหนึ่งรู้ว่าตัวเองไม่สามารถดูแลลูกได้มันนั้นเจ็บปวดอย่างไร เขาจึงเสนอตัวจะเป็นคนช่วยให้หากว่าเด็กหนุ่มต้องการ ตัวธนาเองยินดีออกหน้าเป็นธุระจัดการให้เอง ซึ่งเขาเชื่อว่าด้วยหน้าที่การงานของดนัยตอนนี้ก็ไม่น่าจะเป็นรองใคร หากติดเรื่องชาติตระกูล เขาเองก็จะยินดีเป็นผู้ใหญ่ให้เด็กหนุ่มเอง

     จากคำปลอบของเขาทำให้ดนัยสงบลง และก้มลงกราบในความเมตตากรุณาของธนา และสัญญาว่า ต่อไปเขาจะทำให้ได้อย่างที่วาดฝันไว้ ธนาเองก็ได้แต่ชื่นชมลูบไหล่หลังเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู และสายตาก็เหลือไปเห็นกระเป๋าเงินของลูกน้องผู้ใฝ่ดี เขาเอื้อมมือไปเก็บขึ้นมา แต่ยังไม่ส่งคืนให้เด็กหนุ่ม เพราะกะว่าจะขอดูรูปแฟนสาวของดนัยสักหน่อย ว่าหน้าตาเธอน่ารักเพียงใด ถึงทำให้ลูกน้องของเขาหลังรักเธอได้ขนาดนี้
     แต่ขณะกำลังจะก้มดู เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น

     “มีอะไรรึ แม่”ธนาถามคำแรกทันทีที่รับสายเมื่อรู้ว่าภรรยาของเขาโทรมา และก้มหน้าลงจะเปิดดูรูปแฟนสาวของดนัยในกระเป่าเงินที่เขาถือติดมือมาด้วย แต่คำตอบกลับมาของอีกฝ่าย ทำให้เขาหน้าซีดลงทันที ภรรยาเขาไม่ได้โทรมาตามเหมือนอย่างเคย แต่โทรมาแจ้งเหตุร้ายเขา

     “ยัยหนูแดงตกเลือด ลูกสาวเราไปทำแท้งมาจ๊ะพ่อ”น้ำตาของผู้เป็นพ่อล่วงหล่นลงรับกับเสียงที่แตกตื่นเสียใจพอกันทางสายโทรศัพท์ หล่นลงบนรูปสาวน้อยหน้าใสในกระเป๋าเงินที่เพิ่งเปิดออกมา คราบน้ำตาไหลทับไปบนรูป บนใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กสาวในภาพ รูปเด็กสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขาที่อยู่ในกระเป๋าเงินใบนี้ คลี่คลายปมประเด็นเรื่องราวที่เขาได้ฟังทั้งหมดในคืนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าทำไมลูกน้องของเขาถึงเจ็บปวด แล้วทำไมแฟนสาวของลูกน้องจึงตัดสินใจทำเรื่องแบบนั้น

     “ยัยหนูแดง ลูกพ่อ”

แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 54 20:58:03

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 19:45:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com