บทที่ ๒
งานฉลองพิธีเปลี่ยนร่าง [1/4] ลานหินกว้างโอ่อ่าของพระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์กิเลนยามนี้ มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะจากทั่วทุกสารทิศ ด้วยว่าวันรุ่งคือวันมหามงคล วันที่แปดเดือนแปด วันอันถูกกำหนดให้เป็นวัน พิธีเปลี่ยนร่าง ของโอรสกิเลนสวรรค์ทั้งสองที่จะมีอายุครบแปดเดือนพอดิบพอดี วันอันแสนสำคัญตามธรรมเนียมของชนชาวกิเลนเยว่จินหรงที่ทารกกิเลนน้อยจะเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นร่างกายมนุษย์
ร่างกิเลนเมื่อแรกเกิดนั้นคือพื้นฐานแห่งพลังชนชาวกิเลน นับจากนั้นร่างทารกกิเลนน้อยจะค่อยๆ เติบโตจนกระทั่งถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ขีดจำกัดแห่งพลังที่มีจะบังเกิดมากขึ้นจนมีผลให้ร่างกิเลนต้องเปลี่ยนร่างไปเป็นรูปกายมนุษย์ นับจากนั้น กายมนุษย์และร่างกิเลนจะเสมือนภาชนะรองรับพลังอันไม่รู้จบของชนชาวกิเลนแห่งพิภพสวรรค์
คณะทูตจากหลากหลายเผ่าพันธุ์สูงศักดิ์ในดินแดนสวรรค์ล้วนพากันอัญเชิญของกำนัลมาร่วมแสดงความยินดี จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าเชื้อพระวงศ์กิเลนที่พร้อมใจกันออกมาต้อนรับด้วยไมตรีและสีหน้ายิ้มแย้ม
ด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางรถม้าเทียมเกวียนและฝูงชนมากมายที่มาร่วมงาน เหล่าสามัญชนจึ่งล้วนได้ยลโฉมราชินีกิเลนแห่งบุปผาที่ยืนยิ้มต้อนรับอย่างอ่อนหวานราวดอกไม้ผลิบาน หลังจากถูกประทาน หน้าที่ นี้มาอย่างจงใจโดยราชินีกิเลนแห่งวารี และราชันกิเลนแห่งปฐพี
มู่ตานกุ้ยฮวาขยับก้าวเดินเยื้องย่างอย่างสง่างาม ใบหน้างามพิสุทธิ์เหลียวซ้ายแลขวาพลางโปรยรอยยิ้มพิมพ์ใจแสนหวานอย่างถ้วนทั่ว พาให้หัวใจของเหล่าคณะทูตจากทุกดินแดนพองโต นางทอดสายตากวาดมองเรียบเรื่อยก่อนชะงักงันด้วยเสียงอื้ออึง ผู้คนต่างพากันแหงนหน้ามองท้องฟ้า ชี้ชวนให้มองตามปลายนิ้วไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์
ผินไปทางทิศตะวันออก ราชรถเทียมอาชาคันงามลอยล่องลงมาจากท้องฟ้าสีครามสดใสอย่างนุ่มนวล ตัวรถที่สร้างด้วยไม้สักสีน้ำตาลเข้มถูกขัดลงยาอย่างประณีตจนเนื้อไม้เปล่งประกายเงาวับ สะท้อนแสงตะวันร้อนแรงยามเที่ยงวัน อีกทั้งลวดลายสลักอาชาสวรรค์วิ่งอย่างองอาจรายรอบคันรถนั้นช่างวิจิตรบรรจงสมจริงราวกับทะยานออกมา
ม้าหนุ่มเทียมรถรูปร่างองอาจสองตัวสะบัดหัวไปมาอย่างมีชีวิตชีวา ตัวแรกขนสีขาวบริสุทธิ์แลดูอ่อนนุ่มดุจปุยเมฆสวรรค์ อีกตัวนั้นขนสีดำนิลกาฬพลิ้วไหวราวเมฆทึบยามฝนทะมึน กีบเท้าม้าทั้งสองใหญ่โตเท่ากับฝ่ามือชายฉกรรจ์ ที่กีบเท้าแต่ละข้างและล้อเกวียนมีปุยเมฆบางเบาลอยอ้อยอิ่ง ทั้งหมดนี้ฉายชัดว่าทั้งรถทั้งม้ามิใช่ธรรมดา สายตาทุกคู่บนลานหินกว้างที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน รถ และเกวียน จึงพากันจับจ้องมาที่ ราชรถวิเศษ นี้อย่างช่วยไม่ได้
ไม่เว้นแต่มู่ตานกุ้ยฮวาที่มองขาดถึงความพิเศษจนต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง นางกิเลนบุปผาบัดนี้อยู่ในชุดคลุมสีแดงสด ผมดำเป็นเงาถูกรวบขึ้นกลัดด้วยปิ่นหยกสีอำพันแซมด้วยดอกเหมยสีอ่อน ทุกย่างก้าวมีกลิ่นหอมจรรโลงใจแผ่ออกมาสดชื่นเหมือนกลิ่นมะลิป่า ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของทวิอาชาจนหมดสิ้น
หลังจากพินิจพิเคราะห์ลักษณะอันโดดเด่นของอาชาทั้งสอง นางอดห้ามใจไม่สัมผัสกล้ามเนื้อหนาหนั่นภายใต้ขนเรียบลื่นไม่ได้ มู่ตานกุ้ยฮวาเงยหน้าขึ้นพลางทอดสายตามองอย่างชื่นชม มือขาวเนียนยื่นมาด้านหน้าจนปลายแขนเสื้อผ้าไหมสีเดียวกับดวงตาขยับพลิ้วไหวราวกลีบดอกโบตั๋น สัมผัสสีข้างม้าทั้งสองทีละตัวอย่างนุ่มนวลพลางแย้มยิ้มพอใจ ด้วยนางเป็นผู้ฝักใฝ่ในการยุทธ์จึ่งรู้ดีว่า ยอดอาชาควรคู่แก่การเคารพยกย่อง
เจว่ชิง คารวะราชินีกิเลน ท่านนี้คงเป็นเทพพิทักษ์สงคราม ท่านมู่ตานกุ้ยฮวา... ช่างงดงามดุจดั่งราชินีบุปผาสมคำร่ำลือนัก เสียงชายหนุ่มที่ดูหนักแน่นแต่แฝงความถ่อมตนในทีเอ่ยขึ้น ภายหลังควบม้าลงมาจากฟากฟ้าตามหลังราชรถมาเพียงอึดใจ เขาคือราชทูตผู้นำของขวัญมาจากพิภพมนุษย์
องค์จักรพรรดิให้ผู้น้อยนำขบวนรถม้าพร้อมยอดอาชาที่เป็นเลิศที่สุดในแดนมนุษย์มากำนัลแด่องค์ชายทั้งสองเนื่องในโอกาสวันพิธีเปลี่ยนร่าง
ยอดอาชามิใช่คำกล่าวเกินจริง และอาจกล่าวได้ว่าอาชาแห่งพิภพมนุษย์นั้นชั้นเลิศที่สุด ม้าหนุ่มรูปร่างสมบูรณ์ลักษณะถูกต้องตามตำราสองตัวนี้ กำเนิดจากสายพันธุ์อาชาสวรรค์กับอาชาพิภพมนุษย์ ทั้งยังถูกเลือกเฟ้นและเลี้ยงดูด้วยยอดหญ้าอมน้ำค้างบริสุทธิ์ที่ผ่านการปลุกเสกอาคมจนทำให้มีความสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ม้าทั้งสองเป็นสินค้าขึ้นชื่อคู่ควรแผ่นดิน และมักถูกปล้นชิงจากชาวพิภพมารผู้รักการศึก บางคราก็ถูกลักลอบนำเข้าพิภพเทพด้วยมูลค่าสูงลิบลิ่วจนถึงกับมีคำกล่าว หนึ่งอาชาแลกหนึ่งเมือง
และเป็นที่แน่นอนว่า... ต่อไปในกาลภายหน้า อาชาวิเศษคู่นี้จะเป็นสัตว์พาหนะคู่ใจขององค์ชายกิเลนทั้งสอง ร่วมทุกข์ร่วมสุขเคียงข้างนายอย่างซื่อสัตย์ตราบจนวาระสุดท้าย...
=== มีต่อค่ะ ===
จากคุณ |
:
WriterZZ & ฟารา (นู๋ครีมสด)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ม.ค. 54 21:25:51
|
|
|
|