Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - 28 - การไถ่ถอน ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9875051/W9875051.html
15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892519/W9892519.html
16
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9907488/W9907488.html
17
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9916888/W9916888.html
18
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html
21
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10002038/W10002038.html
22
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10021934/W10021934.html
23
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10051706/W10051706.html
24
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10085054/W10085054.html
25
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10107249/W10107249.html
26
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10121033/W10121033.html
27
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10132938/W10132938.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ดีใจที่ชอบลูเธียนนะครับ :)


* * * * *


บทที่ ๒๘
การไถ่ถอน


ซากศพโชกเลือด ทั้งยังขยับเขยื้อนได้และส่งเสียงร้องโหยหวนกรูเข้ารุมล้อมรอบด้าน

อาเมียร์พยายามสะบัดพวกมันออกไป...แต่ไร้ผล เงื้อมมือเย็นเยียบไร้ชีวิตนั้นกลับแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งกว่ามือของนักรบ ฉุดรั้งเขาลงไปในความมืด ทว่าที่สะกดตรึงยิ่งกว่ากลับเป็นภาพใบหน้าบิดเบี้ยวของผู้หญิงและเด็กเหล่านั้น...กลิ่นคาวเลือด...และเสียงร้องโหยหวน

...ไยจึงลืม...ไยจึงลืม...

...ลืมได้อย่างไร...สิ่งที่ทำให้ข้าเป็นข้า...และเจ้าเป็นเจ้า...

...สิ่งที่ทำให้ ‘เรา’ เป็น ‘เรา’...


ถ้อยคำย้อนย้ำซ้ำเดิม เสียดแทรกประสานเสียงกรีดร้อง ถ้อยคำอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ...ความช่วยเหลือซึ่งเขาไม่เคยให้

เหมือนครั้งนั้น...ปิดตา ขดตัว หวาดกลัว ไม่ทำสิ่งใด...และบอกตนเองว่าไม่อาจทำ

...ชดใช้สิ! ... เด็กชายคนหนึ่งกรีดร้องกราดเกรี้ยว ...ชดใช้ให้ข้า! ชดใช้ให้พวกเขา! เจ้ามันไม่ใช่ทัมมุซ! เจ้าก็แค่ซากไร้ชีวิตที่ไม่ควรมีอยู่! เสพสุขสงบจนพอแล้วก็หายไปเสียเถอะ!

ให้ข้ากลับมา...ให้ข้าได้ช่วยพวกเขา...ทวงหนี้ชีวิตเหล่านี้ คนที่ทิ้งความโกรธแค้นอย่างเจ้า...คนที่ไม่หวังอำนาจอย่างเจ้ามันไร้ค่าที่สุด!


อาเมียร์ไม่อาจตั้งสติ อารมณ์ความรู้สึกต่างหากที่แล่นพล่าน ผิดถ้อยคำชะงักงัน เหล่าภูตพรายกดเขาลงไป เหมือนหลายมือที่กดและบีบอัดเขาลงในถัง เหมือนบรรยากาศที่เค้นคั้นยิ่งกว่านั้น

กดลงไปในห้วงโลหิต ให้มันหลั่งไหลเข้าปากและจมูก ท่วมท้นแทนที่อากาศ ให้ขาดใจตาย...

ทัมมุซควรมีชีวิตอยู่ อาเมียร์ควรตาย ทัมมุซจะรอด อาเมียร์จะตาย...

อาเมียร์!” เสียงเฉียบขาดดังขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับแสงสว่าง

แสงนั้นแหวกทุกสิ่งอันมืดดำ ไขว่คว้าเขา และจับมืออันสั่นเทาไว้แน่น

“ไหนท่านว่าจะสู้เพื่อข้าไม่ใช่เหรอ! จะสู้เพื่อช่วยข้ากับธีร์ดีเร...แก้ไขสิ่งที่จิตอีกด้านของท่านทำลงไป! อย่ายอมแพ้สิ!”

“...แอช...”

เพียงเรียกเท่านั้น ถ้อยคำทั้งมวลก็ถูกกลืนกิน ด้วยสัมผัสแผ่วเบาอบอุ่น ประทับยังที่ที่ควรเอ่ยมันออกมา ราวกับเติมเต็มอากาศที่ขาดหายจากคนจมน้ำ

อาเมียร์เห็นแจ่มชัด แอชอยู่เบื้องหน้า สว่างพร่างพรายราวกับอาบทอด้วยแสงตะวัน ขจัดปัดเป่าทุกสิ่งอันมีที่มาแต่ความมืด และขับไล่เหล่าภูตพรายที่หมายกลืนกินเขาไปจนสิ้น

ครั้นแล้ว เธอก็พาเขาขึ้นไป ประหนึ่งลอยตัวจากก้นหุบเหวสู่แสงสว่างเบื้องหน้า ราวกับเทพธิดาผู้มีปีกสีขาวแผ่สยาย...


* * * * *


ชายหนุ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็น

มันหนาวเสียจนเหงื่อบนร่างเย็นเฉียบ ...แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงเหงื่ออย่างเดียว แผ่นหลังของเขาเอนราบไปกับพื้นดินปนหินและหญ้าชื้นน้ำค้าง แสงตะเกียงสลัวตรงหน้าส่องให้เห็นแม่มดที่กำลังรีบควานหากล้องยา และพระมหาเถระที่หอบอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ดื้อไม่เข้าเรื่องจริงๆ “ เป็นคำแรกที่มาลิอาพูดหลังจากสูดยาเข้าไป “บอกให้พักบ้างก็ไม่ยอมเชื่อ”

อาเมียร์ยังงุนงงอยู่อีกครู่

“นี่ข้า...”

“เกือบโดนมันกินเข้าไปแล้ว” แม่มดดำยังทำเสียงเขียวน่ากลัว “ถ้าข้ากับนักบวชนี่ไม่ดึงขึ้นมา ก็เตรียมราตรีสวัสดิ์โลกนี้ชั่วนิรันดร์ได้เลย”

“ข...ข้าขอโทษ” ชายหนุ่มก้มหน้าเจื่อนๆ “ข้าไม่คิดว่ามัน...จะหนักหนาขนาดนี้”

“เอาเถอะ” ลูเธียนเอ่ยขึ้นบ้าง “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อย่าประมาทเป็นครั้งที่สองก็พอ”

“อือม์” อาเมียร์พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้และเริ่มประหลาดใจ “แต่เมื่อครู่ ข้าเห็นเจ้าหญิง...”

“ข้าเอง” มาลิอากลอกตา พลางใช้นิ้วป้ายริมฝีปากของตน “อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นมากนักเลย เจ้าชาย ข้าเพียงแต่เลือกวิธีที่จะดึงสติท่านคืนมาอย่างได้ผลที่สุดเท่านั้นเอง”

“...เอ่อ...” ชายหนุ่มเริ่มร้อนวาบไปทั้งหัว ดับหนาวในทันที

“และท่านสอบตก” แม่มดดำตอบหน้าตาย “ปฏิกิริยาตอบรับไม่ได้เรื่อง แน่ใจนะว่าผ่านจูบแรกไปแล้ว”

อุณหภูมิอันสูงผิดปกติกระจายไปทั้งตัว ...พร้อมกับความต้องการที่จะแทรกแผ่นดินหนีอย่างพิกล หากว่าคู่สนทนาที่เหลือจะไม่โพล่งขึ้น ด้วยสีหน้าตายพอๆ กับคนก่อนหน้า

“ยายแม่มดขี้แกล้งเอ๊ย ไม่คิดว่าตัวเองล้อเล่นแรงไปหน่อยรึ” พระมหาเถระพูดหน้าตาย ก่อนจะหันมาทางอาเมียร์บ้าง “ท่านก็อย่าคิดมากกับคำพูดของนางเลย อะไรที่เกิดขึ้นในความฝันก็เท่ากับไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ความรับผิดชอบของท่านทั้งนั้น”

“ใจร้าย!” มาลิอาสะบัดเสียงพร้อมกับใบหน้า “ข้าอุตส่าห์สละริมฝีปากที่ถนอมมาให้คนคนเดียวเพื่อท่านแท้ๆ นะ”

“อย่ามุสาไปหน่อยเลย ยายแม่มด” ลูเธียนยังไม่เลิกรา “แค่นี้เจ้าชายยังรู้สึกผิดไม่พออีกหรือ”

“งั้นท่านนักบวชก็ช่วยฟังเขาสารภาพบาปเสียสิ จะได้หายรู้สึกผิดนั่นอย่างไร” แม่มดดำเอ่ยเท่านั้นก็ลุกขึ้นยืน หมุนตัวไปยังทางลงเขา และก้าวยาวๆ ผละไปในทันที

ทิ้งให้นักบวชหนุ่มโคลงศีรษะ ก่อนจะกำชับให้อาเมียร์อย่าถือสาคำพูดของเธอให้มากนัก และกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนกลับเข้าไปในใจตนครั้งก่อนหน้า

“อย่างที่มาลิอาบอก นึกถึงเป้าหมายและคนที่ท่านต้องการช่วยเหลือไว้ ข้าเชื่อว่าเจ้าหญิงย่อมเป็นกำลังใจให้ท่านเช่นกัน” พระมหาเถระทิ้งท้าย


* * * * *


เจ้าหญิงจะทรงเห็นด้วยกับข้า...ใช่ไหม

ดูลัสมองหญิงสาวที่ก้าวช้าๆ ไปข้างกาย ท่ามกลางแมกไม้ที่เป็นสีเขียวลึกล้ำเมื่อใกล้คิมหันต์ แซมช่อดอกไม้บางชนิดซึ่งผลิบานในปลายฤดูใบไม้ผลิ

เธอแทบไม่พูดอะไรเลย นอกจากเอ่ยปากชวนเขามาดื่มน้ำชาในสวนยามบ่ายเอง และพูดเรื่อยเปื่อยเรื่องดินฟ้าอากาศ ซึ่งยิ่งอบอ้าวขึ้นทุกที เมื่อฤดูร้อนใกล้มาถึง

ชายหนุ่มเดาว่าอีกฝ่ายคงต้องการชดเชยเรื่องในห้องหนังสือวันนั้น และเขาก็ต้องการอย่างเดียวกัน จึงตอบรับตามสมควร และกระทั่งตอบแบ่งรับแบ่งสู้แทนที่จะปฏิเสธให้เด็ดขาด เมื่อเจ้าหญิงทรงเลียบเคียงให้เขามาเป็นคู่ซ้อมดาบบ้างหากมีเวลาว่าง

เขายังคงไม่เห็นด้วย ที่พระองค์จะทรงฝึกวิชาการต่อสู้ หรือทรงม้า สิ่งพวกนั้นไม่จำเป็นเลยสำหรับเจ้าหญิง เขาจะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองพระองค์เองไม่ใช่หรือ

นี่ไม่ใช่ ‘มารในใจ’ อย่างที่มาดายพูด ปีศาจนั้นลวงหลอก มันต้องการให้เจ้าหญิงทรงหลงนึกไปว่าพระองค์ทำทุกสิ่งด้วยตนเองได้ ปกป้องคุ้มครองตนเองได้ ...ทั้งที่ในความเป็นจริง สตรีย่อมไม่มีกำลังพอที่จะสู้กับบุรุษได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ

แล้วยังเรื่องบริหารราชการ ต่อให้พระดำริของพระองค์ในเรื่องใดๆ นั้นเหมาะสมแล้ว หากไม่มีบุรุษรับรองหรือสั่งการให้ เช่นท่านผู้สำเร็จราชการหรือราชาในอนาคต เหล่าขุนนางก็ย่อมจะไม่เชื่อฟังนัก ถึงอย่างไร เจ้าหญิงก็ต้องมีผู้ปกครองร่วมที่เป็นชาย เป็นผู้ช่วยดูแลราชบัลลังก์อยู่ดี

ดูลัสคิดถ้วนถี่เพื่อพระองค์แล้วไม่ใช่หรือ จึงได้ข้อสรุปเช่นนี้

เขารอเวลา จนกระทั่งดื่มน้ำชาเสร็จแล้วจึงไปเดินเล่นในอุทยานชั้นในด้วยกัน ขณะที่เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านเป็นยามเย็น ผ่านคูน้ำและทิวต้นหลิว ไปจนถึงผาริมทะเลที่มุมหนึ่งของอุทยาน นำพาเสียงคลื่นซัดสาดมาพร้อมกับลมเย็นชื่น ใต้ท้องฟ้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง

“กระหม่อม...มีสิ่งที่ต้องการถวายให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

เขาเอ่ยแผ่วเบา เมื่อทั้งสองอยู่ไกลจากเหล่านางกำนัล และราชองครักษ์ที่ตามมาอารักขาห่างๆ

“อะไรหรือ” เจ้าหญิงทรงเงยพระพักตร์ขึ้นสบตากับเขา

แทนคำตอบ ดูลัสหยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าใบเล็กที่เขานำมา และส่งให้กับมือของพระองค์

สิ่งนั้นเป็นแผ่นเหล็กสีเทาเข้มเกือบดำ รูปทรงดูแวบแรกคล้ายวงรีอันยาว แต่มีปลายด้านหนึ่งเป็นมุมแหลม และปลายอีกด้านยาวเป็นท่อกลวงขนาดเล็ก เหมือนไว้ใส่บางสิ่ง

“...หัวลูกศร...หรือ” เจ้าหญิงทรงสันนิษฐาน หลังจากหยิบมันขึ้นพลิกดูไปมาครู่หนึ่ง “ของ...พวกอัสลาน ใช่ไหม”

“ทรงทราบได้อย่างไร”

“รูปทรงแบบนี้ไม่ใช่หัวลูกศรของธีร์ดีเร เนื้อเหล็กก็ไม่ใช่ ...ข้าอ่านในหนังสือ พบว่าลูกศรของพวกเขาทำจากทรายเหล็ก สีเลยเข้มกว่าโลหะปรกติ และมันก็มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก สามารถใช้แทนเข็มทิศได้ในบางเวลาด้วย ถึงจะไม่ได้แม่นยำนัก”

“ทรงค้นคว้ามาละเอียดจริงๆ” ดูลัสอดไม่ได้ที่จะชม

“แต่ท่านจะมอบมันให้ข้าทำไมหรือ” เจ้าหญิงแอชลีนน์ตรัสถาม

“นี่เป็นหัวลูกศรที่กระหม่อมเก็บได้จาก...พระศพขององค์ราชินี” ชายหนุ่มตอบตามความจริง ...ไม่จำเป็นต้องพูดปดในเรื่องนี้ “กระหม่อมเก็บมันมาตลอด เพื่อเตือนตนเองถึงความบกพร่องครั้งนั้น กระหม่อมสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง และจะลากตัวคนร้ายที่หนีรอดไปกลับมาลงโทษให้สาสมให้จงได้ กระหม่อมอยากให้องค์หญิงทรงเก็บมันไว้ เพื่อเป็นพยานของคำสาบานนี้”

ครั้นอีกฝ่ายยังคงมองเขาอย่างสงสัย ดูลัสก็เอ่ยต่อไปอย่างหนักแน่น

“ศัตรูของฝ่าบาทคือศัตรูของกระหม่อม และไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม กระหม่อมก็จะกำจัดมันเสีย เพื่อพระองค์”

ใช่ ศัตรูของเจ้าหญิงกับเขาคือคนคนเดียวกัน ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม

ชายหนุ่มคุกเข่าลงเบื้องหน้าหญิงสาว เอื้อมหามือเล็กซึ่งกำหัวลูกศรไว้ ครั้นแล้วก็ประทับริมฝีปากลงบนหลังมือนั้น ราวกับใช้การกระทำนี้เป็นเครื่องสาบาน

หากว่าไอ้คนทรายนั้นยังคิดทำสิ่งใดอีก มาดาย หรือท่านพ่อวางแผนใช้เจ้าหญิงของเขาเพื่อเป้าหมายส่วนตนอย่างใดก็ตาม...เขาเองจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก

ขอให้ตนมีอำนาจที่จะต่อกรกับพวกมันได้เสียก่อน หลังจากนั้น ต่อให้ต้องล้างบิดาบังเกิดเกล้า ดูลัสก็ยิ่งกว่าเต็มใจปลิดชีพไอ้กบฏหยาบช้าด้วยมือของตน

ขอเพียงเขาได้อยู่เคียงข้างพระองค์ ปกป้องพระองค์...

นี่คือหนทางที่จะเอาชนะมารร้ายในใจ แก้ไขสิ่งที่บิดาของเขากับมาดายทำผิดต่อพระองค์ไม่ใช่หรือ

“ขอบคุณนะ” เจ้าหญิงตอบเบาๆ ก่อนจะชักมือของตนกลับไป “แต่เวลานี้ยังมีศัตรูที่สำคัญกว่าเผ่าอัสลานมากนัก ก็ขอให้ท่านช่วยข้ากำจัดพวกมันด้วยนะ”

ดูลัสเงยมองหญิงสาวอย่างสงสัย พบเธอทอดสายตาไปไกล

...ไกลเสียจนเขาเผลอหวั่นเกรง ว่าจะไม่อาจตามไปถึงสิ่งใดก็ตาม ซึ่งเจ้าหญิงของเขาทอดมองจนสุดสายตานั้นได้...

“ความทุกข์ยากของชาวธีร์ดีเร ความอยุติธรรมทั้งมวลที่พวกเขาประสบ ข้าหวัง...ว่าจะช่วยแก้ไขเรื่องพวกนั้นได้ ร่วมกับท่านด้วย”

เธอเก็บหัวลูกศรนั้นไว้ในมือซ้าย ก่อนจะยื่นมือขวาที่ว่างเปล่าให้กับเขา

พระคู่หมั้นนิ่งงันอยู่อีกครู่ จึงได้สัมผัสมือเล็กๆ นั้น ...เวลานี้มันมิได้นุ่มนวลเช่นที่เคยเป็น ทว่าสากกร้านจากการฝึกซ้อมอาวุธ

พระหัตถ์บอบบางขององค์หญิงไม่ควรแตะต้องอาวุธ หรือบาดเจ็บด้วยเรื่องรุนแรงที่ไม่เหมาะกับสตรีหรอกพ่ะย่ะค่ะ... ดูลัสนึกถึงคำพูดของตนเมื่อปีก่อนขึ้นมา แต่ก็พบว่าตนเองไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้

มือนั้นคล้ายจะสั่นเล็กน้อยในทีแรก แต่ไม่ช้าก็บีบมือของชายหนุ่มไว้แน่น ขณะที่เขาลุกขึ้นยืน สบกับดวงเนตรอันอ่อนโยนที่มองตรงมา

ช่างคล้ายกับพระราชินีที่เขาไม่อาจปกป้องเสียเหลือเกิน

มืออีกข้างของชายหนุ่มเอื้อมไป หมายจะแตะที่ไหล่ของร่างเบื้องหน้า แต่แล้วก็ยั้งไว้อย่างลังเล

เจ้าหญิงแอชลีนน์ดูเหมือนจะสังเกต พระพักตร์ของพระองค์ผินไปทางมือของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนกลับมา และพยักพระพักตร์น้อยๆ

ดูลัสกอดพระองค์ไว้

ใช่ เขาอยากกอดพระองค์แนบแน่น ทว่าขณะเดียวกันก็ยังกลัวไปหลายสิ่ง ...อาจไม่บังควร...อย่างน้อยก็ก่อนเข้าพิธีสมรส หรือมิเช่นนั้นเจ้าหญิงก็อาจจะทรงไม่พอพระทัย หากตนจะทำประหนึ่งฉวยโอกาสเยี่ยงนั้น

กลับเป็นเจ้าหญิงเองที่ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น พระเนตรสีน้ำตาลพยายามมองตรงมา พระเศียรผงกช้าๆ ...แม้มีแววสั่นไหว

ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลง ริมฝีปากประทับพระฉวีอันนุ่มนวล

มิใช่ที่ริมโอษฐ์...ทว่าเป็นพระนลาฏกลมมน

เจ้าหญิงแอชลีนน์มองเขาอย่างประหลาดใจ ทว่าดูลัสก็ตอบพระองค์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ขณะบีบพระหัตถ์บอบบางแน่นขึ้นครู่หนึ่ง

เขารู้...พระองค์ยังไม่อาจลืมใครบางคนนั้น แต่ทั้งสองต่างก็มีสิ่งที่ต้องปกป้องร่วมกันไม่ใช่หรือ

“จุมพิตเมื่อครู่ แทนคำสัญญาพ่ะย่ะค่ะ”

ขอเพียงเท่านี้ เพียงสัญญาว่าเขาจะปกป้องพระองค์ตลอดไป ขณะที่พระองค์อยู่เคียงข้างเขา ขจัดมารในใจนั้นออกไป

ขอเพียงเท่านี้เอง


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 22:19:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com