บทที่ 1 : สาเหตุของโรคไมเกรน
เอี๊ยดดดด ! เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นจากการเบรกกะทันหันทำให้สาวน้อยในชุดนักเรียนคนที่นั่งอยู่ตอนหลังของกระบะถึงกับเซหงายจากแรงเหวี่ยง รถที่เธอโดยสารมานั้นเป็นรถกระบะซึ่งดัดแปลงใส่หลังคาเพื่อสามารถรับส่งผู้โดยสารในลักษณะของรถรับจ้างไม่ประจำทางที่มีอยู่ดาษดื่น สีแดงเข้มๆของรถประเภทนี้ทำให้ผู้คนที่อาศัยในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เคยชินและติดปากที่จะเรียกว่า รถแดง ทันทีที่รถจอดสนิท เด็กสาวร่างโปร่งบางก้าวเท้าลงจากบันไดด้านหลังของตัวรถ เธอเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวในยามเช้าวันศุกร์ที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย สาวน้อยกระโปรงม่วงเดินวกกลับไปทางซ้ายของตัวรถเพื่อจ่ายเงินค่าโดยสาร โดยพร้อมกันนั้นเธอยังตั้งใจจะต่อว่าเรื่องการขับรถที่ทั้งเร็ว ทั้งน่ากลัว ... ถึงแม้รถแดงทุกคันจะขับเช่นในลักษณะนี้จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนชาชินแล้วก็เถอะ แต่กระนั้นเด็กสาวก็ไม่อยากจะยอมรับพอๆกับไม่อยากฝากชีวิตไว้กับโชเฟอร์ตีนผีประเภทนี้
อนงค์น้อยผู้มีดวงหน้างดงามราวกุหลาบแรกแย้ม นวลพักตร์รูปไข่ของเธอขาวนวลและเกลี้ยงเกลารับกับผมยาวสลวยสีดำขลับที่บัดนี้ถูกมัดรวบไว้ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียน และถึงแม้ริมฝีปากรูปงามจะไม่ถูกเติมแต่งแต้มสี แต่กระนั้นก็ยังน่าชวนพิศด้วยงามเรื่อด้วยสีชมพูอ่อนใสตามธรรมชาติ และเหนือถัดขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะพบจมูกโด่งรูปสวยที่มีสันเข้ารูปอย่างไม่ต้องพึ่งพาศัลยกรรมตกแต่ง
แต่ทั้งหมดทั้งหลายยังมิอาจเทียมเท่าส่วนที่มีเสน่ห์มากที่สุด ... ซึ่งนั่นก็คือดวงตา นัยน์ตาดำขลับทว่าสดใสคู่งามประดับอยู่ใต้ต่อคิ้วเข้มที่โค้งงอนราวคันศรของเทพธิดา ดวงเนตรของเธอเปล่งประกายฉายแววเจิดจรัสอยู่เป็นนิจ มันอาจเป็นแววร่างแห่งพลังชีวิตอันสุกใสเฉกเช่นสาวน้อยวัยรุ่น หากแต่มันกลับงดงามยิ่งเสียกว่าผู้คนทั่วไปนับเท่าพันทวี ... ที่คำโบราณขนานนามเปรียบเทียบนัยน์ตาที่งามประดุจดั่งดวงตาเนื้อทรายนั้นคงเป็นเช่นนี้กระมัง
สาวน้อยในชุดนักเรียนกระโปรงสีม่วงสืบเท้าเข้าไปใกล้ประตูข้างซ้ายอันติดกับที่นั่งข้างคนขับ เด็กสาวตั้งใจที่จะจ่ายเงินพร้อมต่อว่าคนขับเสียให้รู้แล้วรู้รอด โชคดีที่เธอเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียว เพราะหากมีผู้โดยสารคนอื่นร่วมทางด้วย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจลงมาร่วมด้วยช่วยกันต่อว่าก็เป็นได้
ร่างในชุดนักเรียนสืบเท้ามาถึงประตูรถ เด็กสาวก้มศีรษะลงเพื่อจะเอื้อมมือเข้าไปจ่ายเงิน ริมฝีปากงามสวยเตรียมง้างเพื่อพร้อมจะต่อว่าตามที่ตั้งใจไว้ ทว่ากลับต้องหยุดความคิดดังกล่าวอย่างปัจจุบันทันด่วน ด้วยเพราะที่นั่งข้างคนขับนั้นมีผู้หญิงอายุวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งก้มหน้านิ่งอย่างไม่สนใจตัวเธอ ... บางทีอาจเป็นภรรยาของคนขับ ?
เอ้า ! จ่ายมาเสียทีสิหนู ยี่สิบบาท ! คนเขาจะรีบทำมาหากิน ตาลุงคนขับเร่งเร้าพร้อมยื่นมือออกมารับเงินค่าโดยสาร ท่อนแขนของเขาเฉียดหน้าผู้หญิงที่นั่งข้างไปเพียงนิดเดียว
ค่ะ ... นี่ค่ะ เด็กสาวหยิบเงินที่เตรียมไว้วางใส่มือของคนขับรถ เสื้อนักเรียนขยับไปมาทำให้คนขับเห็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน ลานนาวิทยาลัย รวมถึงชื่อที่ปักด้วยด้ายสีม่วงอ่อนอันเป็นสีสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน
ประกายแก้ว สกุลสุวรรณ คือชื่อของสาวน้อยผู้กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย เด็กสาวอยู่ในระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน โดยรถแดงที่นั่งมาส่งเธอที่ปากซอยทางแยกที่จะนำเข้าสู่ประตูรั้วโรงเรียน เอ่อ ... พี่คะ ประกายแก้วเอ่ยปากเพื่อจะพูดกับคนขับ ทว่าเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดยั้งความตั้งใจเสียอีกครั้ง เหตุก็เพราะหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับได้เปลี่ยนจากก้มหน้านิ่งมาเป็นหันจ้องตรงมาทางเธอ ดวงตาคมกริบนั้นแข็งกร้าวถมืงทึง
มีอะไรน้อง ? คนขับตีนผีถาม มือซ้ายเข้าเกียร์เพื่อเตรียมทะยานลิ่วตามประสารถแดงที่มีทั่วไปตามอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ป .. เปล่าค่ะ ประกายแก้วตัดสินใจที่จะไม่พูดต่อ และนั่นทำให้หญิงสาวที่นั่งข้างคนขับเลิกจ้องมองตัวเธอและหันกลับไปนั่งก้มหน้าอีกครั้ง
บรึ้น ! บรึ้น ! บรื้นนนนน !!! รถแดงเบิ้ลคันเร่งเสียสองจังหวะก่อนที่จะกระชากตัวออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เขาต้องยุ่งเกี่ยวหรือรอคอย
ทว่า ... เอี๊ยดดดดดดด ! โครม !
รถแดงที่ประกายแก้วนั่งมาเมื่อครู่ บัดนี้ถูกชนอย่างแรงจนหมุนคว้างสองสามตลบ มันถูกกระแทกและพลิกขึ้นไปอยู่บนขอบถนนไม่ห่างไปจากจุดที่ประกายแก้วลงจากรถ สาเหตุของอุบัติเหตุยามเช้าเกิดจากการที่รถแดงซิ่งพุ่งเข้าตัดหน้ารถหกล้อในระยะประชิด ราวกับโชเฟอร์ตีนผีมองไม่เห็นรถที่กำลังวิ่งสวนมาด้วยความเร็ว ?
ประกายแก้วตัวชาดิก เด็กสาวค่อยๆเดินจากปากทางแยกไปสู่จุดเกิดเหตุซึ่งจริงๆแล้วก็อยู่ไม่ห่างจากที่เธอกำลังยืนอยู่ สาวน้อยกระโปรงม่วงไม่กล้าข้ามถนนเข้าไปดูใกล้ๆ เด็กสาวยืนอีกฝั่งถนนซึ่งบัดนี้เริ่มคลาคล่ำไปด้วยบรรดาไทยมุงที่จับกลุ่มรวมตัวกันอย่างไม่ได้นัดแนะ แต่ละคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุบัติเหตุตรงหน้าอย่างออกรส
หน่วยกู้ภัยมาถึงในเวลาไม่นาน ประกายแก้วได้ยินประโยคสนทนาอย่างชัดเจน มันทำให้เธอต้องปิดปากไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน ตายแล้ว คาที่เลยว่ะ ! คนเดียว ? ตายคนเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ ... เคราะห์ดีที่นั่งมาคนเดียวไม่มีผู้โดยสารอื่น
คนเดียว ? ... ใช่ ถูกต้องตามที่หน่วยกู้ภัยพูด รถแดงนั้นมีคนนั่งมาเพียงคนเดียวซึ่งก็คือคนขับ เด็กสาวรู้ดี ... เธอรู้แต่แรก รู้ตั้งแต่ที่เห็นหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับแล้ว
แม้จะพยายามบอกโชเฟอร์ผู้มีชะตาขาด ... ทว่าประกายแก้วไม่อาจมีความกล้าหาญเพียงพอ หญิงสาวที่นั่งข้าง หญิงสาวคนนั้นหันมาจ้องตาเธออย่างถมืงทึง ดวงตาสีดำไร้แววราวลูกแก้วไร้ชีวิตนั้นส่องประกายกร้าวด้วยต้องการไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระที่ไม่จำเป็น
เด็กสาวกระโปรงม่วงสับสนในใจ ... เธอทำถูกแล้วหรือ ?
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ม.ค. 54 09:02:15
|
|
|
|