Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปลายฝัน (ปรับปรุง) ติดต่อทีมงาน

ปลายฝัน

ภาพตรงหน้ามีเพียงความโกลาหลของเหล่าชายหญิงในชุดขาวที่ช่วยกันเข็นเตียง เขาซึ่งนอนหมดสติอยู่บนนั้นพร้อมด้วยสายระโยงระยางเต็มไปหมด

เสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ดังมาจากทุกทิศทุกทาง ความสับสนวุ่นวายรอบกายที่ไม่อาจแยกแยะรายละเอียดใดๆ ได้

และเมื่อผ่านพ้นประตูบานนั้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนดับวูบลงราวกับคนละโลกกับเมื่อสักครู่ เหลือเพียงความเงียบเชียบอันน่าหวั่นวิตกที่อยู่เคียงข้างหญิงสาวอีกฝั่งฟากของประตู

ไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่ราวชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึก ไม่มีแม้เสียงลมหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ แล้วในที่สุดหนึ่งในชายชุดขาวก็เดินออกมาจากห้องที่ปิดมิดชิดนั้น

“พวกเราได้พยายามกันเต็มที่แล้ว เสียใจด้วยนะครับ”

คำพูดเพียงไม่กี่คำจากชายชุดขาว ฉุดกระชากวิญญาณของหญิงสาวให้หลุดออกจากร่างอย่างง่ายดาย

“เขากำของสิ่งนี้ไว้แน่น ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นของคุณ”

ชายชุดขาววางสิ่งๆ หนึ่งบนฝ่ามือของหญิงสาว น้ำตารินไหลไม่รู้ตัวเมื่อได้เห็น เสียงสะอื้นไห้ราวขาดใจ มันเป็นแหวนทองเรืองรองอันเป็นสัญลักษณ์ของความรักความผูกพันที่เขาตั้งใจจะให้กับเธอในวันนี้

...ถ้าเพียงทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น...ถ้าไม่เพราะคนขาดจิตสำนึกเพียงคนเดียว...ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...

สิ่งที่ถาโถมเข้ามามันเป็นความเคียดแค้นที่แสดงออกทางสีหน้า แววตา หากแต่หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นความเศร้าสร้อยในทันที

...ไม่...ไม่ใช่...เพราะฉันต่างหาก...

...ใช่แล้ว...เพราะฉันเอง...ถ้าฉันมาตามนัดเร็วกว่านี้...เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น...และเขา...ก็คงไม่ต้องจากไปตลอดกาล...

หลังความคิด รอบกายหญิงสาวหยุดนิ่งทันที ภาพตรงหน้าค่อยๆ บิดม้วนเป็นเกลียวพร้อมกับเลื่อนไหลเข้าหาตัวเธอ เร็วขึ้น เร็วขึ้น จนคล้ายพายุอันบ้าคลั่ง

หญิงสาวหลับตาเพราะไม่อาจจับภาพใดๆ ได้ และเมื่อเธอลืมตาขึ้นบรรยากาศตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนไป

หญิงสาวยืนอยู่ในกลุ่มคนบนบาทวิถีด้านหนึ่งของถนน และอีกฝั่งฟากหนึ่งของถนนนั้น ชายคนรักของเธอกำลังยืนรออยู่

หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู หกโมงห้าสิบแปด เลยเวลานัดมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมง และต่อจากนี้ไปอีกสองนาทีเมื่อเวลาหนึ่งทุ่มตรง สีหน้าตกใจแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอพยายามเบียดแทรกฝูงชนที่รายล้อมเพื่อไปให้ถึงตัวเขา

อะไรบางอย่างขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วสูงที่หางตาด้านซ้ายของเธอ และเมื่อเธอหันไปมอง...

...มันนั่นเอง...มันเคลื่อนที่ราวอสูรกายบ้าคลั่งที่พร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางทางมัน...

ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาแล้ว หญิงสาวดิ้นรนเต็มกำลังครั้งสุดท้ายก่อนจะกรีดร้องออกมาเมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างสายเกินไป อสูรกายตนนั้นกำลังเสียการทรงตัวและพุ่งเข้าหาบาทวิถีฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มหันไปมองอย่างตกตะลึง

“ระวังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”

“เอี๊ยดดดดดด..........ดดดดดดดด โครมมมม...........มมมมมม”

หัวใจสลายในทันที มือเท้าเย็นเฉียบ หญิงสาวได้แต่เหม่อลอยกับภาพตรงหน้า

...ไม่...มันต้องไม่เป็นอย่างนี้...ถ้ามาเร็วยิ่งกว่านี้...ต้องเร็วกว่านี้...

รอบกายเริ่มบิดเบี้ยว เวลาไหลย้อนกลับอีกครั้ง และเมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

...บ่ายโมงห้านาที...

หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในสำนักงาน เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเวลาที่นาฬิกาข้อมือเวลา

...ถ้าเป็นเวลานี้ทันแน่ แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น...

“โอ้ยยยย...ยยย”

เสียงเอะอะดังขึ้นดึงหญิงสาวออกจากภวังค์ เธอหันกลับไปมองและพบว่าเพื่อนร่วมงานของเธอซึ่งขณะนี้ตั้งท้องได้เพียงเจ็ดเดือนกว่าเกิดอาการเจ็บท้องขึ้นมาอย่างกระทันหัน

ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพื่อนสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน และสิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้คืองานสำคัญชิ้นโตที่สามารถตัดสินอนาคตของเพื่อนร่วมงานและความอยู่รอดของบริษัท

“คุณก็รู้ว่างานชิ้นนี้สำคัญกับเรามากขนาดไหน ตอนนี้เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย คุณช่วยทำต่อให้เสร็จด้วยนะ”

“แต่ว่า...หัวหน้าคะ...” หญิงสาวตั้งใจจะปฏิเสธ

“ถือว่าผมขอร้องก็แล้วกันนะ เพื่อความอยู่รอดของพวกเรา” ใบหน้าขึงขังจริงใจนั้นทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ใช่เพียงเธอ มันหมายถึงความอยู่รอด มันหมายถึงปากท้องของทุกคนที่นี่

หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอย่างกังวล

...ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังมีเวลา รีบทำตอนนี้ทันถมเถไป...

เวลาล่วงเลยไปอย่างน่าใจหาย หญิงสาวรีบจัดการงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเร่งรีบจนกลายเป็นร้อนรน จนในที่สุดเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจากกองงานที่ถูกจัดการอย่างเรียบร้อย เธอก็พบว่าท้องฟ้าภายนอกเริ่มทอแสงสีส้มอันหม่นหมองออกมาอย่างเงียบเชียบแล้ว

...ไม่เป็นไร ไปตอนนี้ยังทันแน่นอน...หญิงสาวคิดพร้อมทั้งรีบสาวเท้ายาวๆ ออกจากที่ทำงาน

บนท้องถนนติดขัดกว่าที่ควรจะเป็น หญิงสาวกระสับกระส่ายกับการจราจรในขณะนี้ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลงจากรถโดยสารและออกวิ่งในที่สุด

...หกโมงห้าสิบห้านาที...บนถนนเส้นเดิม...บนบาทวิถีเดิม...

หญิงสาวเบียดแทรกฝูงชนที่กำลังรอข้ามถนนขึ้นมาจนอยู่แถวหน้าสุดอย่างไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้าง เหลือเพียงรอจังหวะข้ามไปฝั่งตรงข้ามและดึงชายคนรักออกมา

แต่จนแล้วจนรอดรถราบนท้องถนนก็ไม่เป็นใจให้เธอทำอย่างนั้นเลย เธอตัดสินใจโบกมือพร้อมป้องปากตะโกนเพื่อให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอรออยู่อีกฟากของถนน

แต่กว่าที่เขาจะรู้ตัวและเดินออกมาจากที่เกิดเหตุ เจ้าอสูรกายตนนั้นก็วิ่งอย่างคดเคี้ยวเข้ามาหาเขาอีกครั้ง

“ระวังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”

“เอี๊ยดดดดดด..........ดดดดดดดด โครมมมม...........มมมมมม”

...อีกแล้ว...อีกครั้งแล้วหรือนี่...ต้องเร็วกว่านี้...ฉันต้องเร็วกว่านี้...

หญิงสาวหลับตา รู้สึกเหมือนกระแสลมพัดผ่านผิวหน้าไป และเมื่อเธอลืมตาขึ้นและมองดูนาฬิกา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

...เจ็ดโมงเช้า...

หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน เธอจัดแจงโทรศัพท์ไปขอลางานโดยอ้างว่าป่วยกะทันหันจนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ หัวหน้างานตำหนิเธอนิดหน่อยก่อนจะอนุญาตให้เธอพักผ่อนได้

...ใช่...อย่างนี้ล่ะดีที่สุดแล้ว...ถึงช่วงบ่ายเพื่อนของเธอจะเจ็บท้องคลอด...ยังไงซะก็จะยังมีคนอื่นที่ต้องอยู่ทำงานแทนอยู่แล้ว...

...ทิ้งทุกเรื่องในวันนี้ไปให้หมด...ขอเพียงให้ผ่านพ้นวันนี้ไปได้เท่านั้น...

หญิงสาวเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายโมง ถึงแม้จะมีอะไรหลายๆ อย่างติดขัดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เธอก็มาถึงสถานที่นัดก่อนเวลาถึงเกือบครึ่งชั่วโมง และที่ตรงนั้นเธอพบว่าชายหนุ่มเองมายืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว

หญิงสาวเดินข้ามฝั่งถนนไปหาชายคนรักด้วยความดีใจ แต่กระนั้นสายตาก็ยังคอยสอดส่องเหตุการณ์รอบข้างอย่างระแวดระวัง

...ไม่มีวี่แววของอสูรกายตนนั้น...

“คุณมาเร็วจังนะครับ” ชายหนุ่มทักทายหญิงสาวด้วยความคุ้นเคย

“แต่คุณมาเร็วกว่าฉันอีกนะคะ นี่มาถึงตั้งแต่กี่โมงคะเนี่ย” หญิงสาวถามด้วยความรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“ก็ตั้งแต่ห้าโมงน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มละไม

“หา ทำไมมาถึงเร็วจังคะ ก็คุณเลิกงานสี่โมงครึ่งไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวทำตาโตและขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงแปลกใจ

“ก็วันนี้ผมบอกคุณแล้วไงว่ามีอะไรพิเศษ ผมไม่มีสมาธิทำงานก็เลยขอลามาตั้งแต่สามโมงครึ่งน่ะครับ” ชายหนุ่มอธิบาย น้ำเสียงบ่งบอกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี

“แล้วอะไรพิเศษที่ว่ามันคืออะไรล่ะคะ” หญิงสาวถามกลับ แอบยิ้มในใจ

“เดี๋ยวเราข้ามฝั่งไปหาอะไรอร่อยๆ กินฝั่งนั้นกันก่อนดีกว่านะครับ แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้” ชายหนุ่มพูดเชิญชวนหญิงสาวคนรัก ก่อนจะค่อยๆ พาเดินข้ามฝั่งถนน

“ก็ดีค่ะ กำลังหิวเลยด้วย” หญิงสาวตอบกลับ ในใจนึกโล่งอกที่จะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้เสียที เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ห้าโมงห้าสิบนาทีเท่านั้นเอง ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ

“ระวังครับ” หญิงสาวหลุดจากภวังค์ เสียงอันดังและเรี่ยวแรงมหาศาลฉุดข้อมือหญิงสาวทำให้เธอรอดพ้นจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าเธอไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด

แต่กระนั้นแรงฉุดของชายหนุ่มก็ทำให้สิ่งที่หญิงสาวกำอยู่ในอุ้งมือมาตลอดปลิวหลุดออกจากมือในทันทีเช่นกัน

เธอหันกลับไปมองวงแหวนสีทองที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศ ประกายของวงแหวนสะท้อนอยู่ในดวงตา มันเชื่องช้าและเนิ่นนานราวกับหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น

ไวกว่าความคิด หญิงสาวกระโจนออกไปหมายจะคว้ามันกลับมาอย่างลืมตัว และเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เธอรู้สึกว่าไหล่เธอถูกรั้งเอาไว้ และเมื่อหันกลับไปมอง ชายคนรักก็พุ่งตัวออกไปหาแสงสีทองเรืองรองเล็กๆ นั้นแล้ว

...ใช่...มันเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น...แต่มันกลับเป็นชั่วนิรันดร์สำหรับเธอ...

น้ำตาไหลซึมออกมาในทันที ภาพชายคนรักที่ค่อยๆ ลอยออกไปสู่เงื้อมมือมัจจุราชที่บัดนี้มันได้มาอยู่ที่นี่อีกครั้งหนึ่งแล้ว

...และ...

“เอี๊ยดดดดดด..........ดดดดดดดด โครมมมม...........มมมมมม”

เหตุการณ์เดิมก็เกิดซ้ำขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หากแต่ในครั้งนี้ปราศจากเสียงกรีดร้องใดๆ จากหญิงสาว เธอทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นถนน หยาดน้ำไหลออกมาราวสายเลือด กัดริมฝีปากอย่างลืมตัว มือไม่สั่นราวคนเสียสติ จิตใจอ่อนล้า เรี่ยวแรงหายไปจนหมดสิ้น

หัวใจแหลกสลายจนเกินทน สมองว่างเปล่าจนรอบกายเหลือเพียงความขาวโพลน

...เพราะฉันเอง...อีกนิดเดียวเท่านั้น...อีกนิดเดียว...

หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง แต่ในคราวนี้เธอกลับรู้สึกเหมือนมีความอบอุ่นบางอย่างกำลังโอบคลุมรอบกาย เมื่อเธอลืมตาและหันกลับไปมองก็พบภาพใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นอีกครั้ง

หญิงสาวกระชับมือและอ้อมกอดของเขาให้แน่นยิ่งขึ้น น้ำเสียงและดวงตาเหม่อลอยออกไป

“อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวฉันก็จะช่วยคุณได้อยู่แล้ว”

“พอได้แล้วล่ะครับ คนดีของผม ยิ่งคุณพยายามเท่าไหร่ ยิ่งคุณคิดถึงเหตุการณ์นี้มากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งบอบช้ำและจมอยู่แต่กับอดีตที่โหดร้ายเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้น” สองมือโอบประคองหญิงสาวไว้

“หยุดทำร้ายตัวเองได้แล้วครับ ไม่ว่าคุณจะพยายามยังไง ที่ปลายทางแห่งความฝันของคุณก็จะยังคงเป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” สายตาอ่อนโยนหากแต่เศร้าหมองมองหญิงสาวในอ้อมกอด

“สุดท้ายแล้วการที่ผมไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว นั่นล่ะครับคือความจริง”

รอบกายทั้งสองมีแต่ความเงียบเชียบ หญิงสาวหันกลับมาจ้องหน้าชายหนุ่มเสมือนต้องการจะแทรกลึกลงไปในดวงตาและจิตใจของเขา

“ทำไม ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย คุณรู้ใช่ไหม...ฉันเจ็บ...” คำพูดปนสะอื้นไห้ของหญิงสาวพร้อมด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ราวกับจะบ่งบอกถึงความบอบช้ำแสนสาหัสภายในใจของเธอ

ชายหนุ่มโอบหญิงสาวกระชับแน่นเข้ากับอกอุ่น

“ใช่...ผมรู้...ผมเองก็เช่นกัน...ความรู้สึกของผมไม่ได้แตกต่างไปจากคุณเลย” มือลูบศีรษะหญิงสาวอย่างทะนุถนอม

“แต่นี่คือสิ่งที่คุณจะต้องผ่านพ้นมันไป คุณยังจะต้องเจอใครอีกมากมาย และสักวันคุณก็จะได้พบคนที่ดีและเหมาะสมกว่าผม” น้ำตาค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากดวงตาอ่อนโยน

“ไปเถอะครับคนดี ได้เวลาที่คุณจะต้องตื่นจากฝันร้ายแล้ว เลิกจมปลักอยู่แต่กับอดีต เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ถึงเวลาที่คุณจะต้องเข้มแข็งขึ้นแล้ว”

ทุกสิ่งพร่าเลือน รอยยิ้ม อ้อมกอด และคำพูดสุดท้ายของชายหนุ่ม ค่อยๆ ไกลออกไป กระแสลมแรงพัดผ่านด้านหลังของหญิงสาว อบอุ่น อ่อนโยนเหลือเกิน

“เดินออกจากอ้อมกอดอันว่างเปล่านี้ไปสู่ที่ๆ จะให้ความอบอุ่นที่แท้จริงกับคุณได้เถอะนะ”

...................................................

ภาพตรงหน้าค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นเป็นลำดับ เธอหันมองรอบๆ กายและพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งในสนามหญ้าเขียวขจีแห่งหนึ่ง

“เป็นอะไรหรือจ๊ะ จะเอาอะไรมั้ย หรือว่าหิว” น้ำเสียงอ่อนแรงหากทว่าอ่อนโยนอย่างยิ่งดังขึ้นใกล้ๆ หญิงสาว เธอหันกลับไปมองยังต้นเสียงนั้น ความรู้สึกหนึ่งเอ่อท้นออกมา

“แม่คะ” เสียงอิดโรยดังแผ่วเบา แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงชราผู้ที่คอยเฝ้าดูแลหญิงสาวอยู่ไม่เคยห่างกายน้ำตารินออกมาได้อย่างง่ายดาย

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ลูก” หญิงชราเอ่ยขึ้นราวเลื่อยลอย สีหน้าราวกับแสดงอารมณ์ออกมาไม่ถูก ทั้งดีใจและตื้นตัน สองมือค่อยๆ เลื่อนเข้าไปโอบประคองใบหน้าของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ราวกับเธอกลัวว่าสิ่งที่เธอได้ยินได้เห็นในขณะนี้จะเป็นสิ่งลวงที่พร้อมจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อที่ถูกสัมผัส

“หนูหายไปนานไหมคะ” หญิงสาวเอ่ย

“นานจ๊ะ นานมาก นานจนแม่คิดว่าจะไม่ได้คุยกับหนูอีกแล้ว” น้ำเสียงสั่นเครือราวกับพยายามจะปกปิดความอ่อนล้าที่อยู่ภายใน

หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นโอบผู้เป็นแม่ น้ำอุ่นรินไหลออกมาจากดวงตา

“หนูกลับมาแล้วค่ะ แม่”

หญิงชราลูบหัวคนในอ้อมกอดอย่างรักใคร่

“จ๊ะ แม่รู้แล้ว กลับมาอยู่กับแม่นะ ที่รักของแม่ ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะลูก”

“ค่ะ แม่”

ลมอุ่นพัดผ่านและโอบคลุมคนทั้งสองเข้าด้วยกันอีกครั้ง หญิงสาวได้หลุดพ้นออกจากภาพฝันอันดูเหมือนไร้ที่สิ้นสุดซึ่งปลายทางของมันมีอยู่เพียงจุดเดียว ภาพฝันที่เริ่มต้นจากจุดจบซึ่งทำให้เธอได้แต่จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความทุกข์ระทม

บัดนี้ เธอเดินออกจากอ้อมกอดอันว่างเปล่าที่เธอสมมติขึ้นเอง และกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง โลกที่เธอต้องยืนหยัดและผ่านพ้นมันไป

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 23:39:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com