Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ป้ามาลี ติดต่อทีมงาน

อ่านของคนอื่นมาเยอะเลยเอาของตัวเองมาให้อ่านบ้าง
อ่านเล่นๆ แก้เซ็ง(เอ๊ะ หรือจะยิ่งเซ็ง)กันนะครัย


ยามเย็นในช่วงเวลาที่แสงสุดท้ายกำลังจะลาลับขอบฟ้า วายุกำลังเงยหน้ายืนมองตึกแถวสองชั้นเก่าๆ ที่แม่บอกว่าเขาเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่พักหนึ่งตอนอายุประมาณหกขวบ แต่เขาไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย

ตึกที่อยู่ติดกันทางด้านซ้ายดูเหมือนจะเป็นตึกร้างที่ไม่มีใครอยู่ มีแผ่นไม้ กับสังกะสีถูกตีปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา น่าแปลกที่ที่ว่างด้านหน้าตึกกลับไม่มีอะไรวางเกะกะอย่างที่มันควรจะเป็น

ส่วนตึกที่อยู่ทางด้านขวามือก็

“เฮ้ย”

วายุเผลออุทานออกมาเบาๆ เมื่อหันมาเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงสูงอายุคนหนึ่ง ที่กำลังยืนอยู่หน้าตึกแถวห้องนั้น พร้อมกับจ้องมองมาทางเขา ‘ตกใจหมดเลย คงจะเป็นป้ามาลีสินะ’

“สวัสดีครับป้ามาลี”

เขารีบยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทาย แม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับป้ามาลีที่อยู่ตึกข้างๆ ให้เขาฟัง เธอยังบอกอีกว่าตอนนั้น เขาชอบออกไปเล่นกับป้าคนนี้บ่อยๆ แต่ยิ่งได้เห็นหน้าป้าชัดๆ ความเย็นเยียบก็แล่นไปตามไขสันหลังทันที 'ผู้หญิงอะไรหน้าตาน่ากลัวเป็นบ้า’

รอยยับย่นต่างๆ นั้น ดูเหมือนจะมีความลึกอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือดวงตาของเธอ  แววตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก มันมองดูคล้ายๆ กับใบหน้าของฆาตกรโรคจิตที่พบเห็นได้ทั่วไปในหนังสยองขวัญตามท้องตลาดนั่นเอง

“เธอเป็นใครน่ะ”

พอป้าเริ่มพูด ความแปลกประหลาดบนใบหน้าของเธอก็จางลง แต่ยังคงไม่หายไปอยู่ดี

“ผมวายุครับป้า ที่เคยอยู่ที่ตึกนี้ตอนเด็กๆ ไงครับ”

ป้ามาลีทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา ฟันที่เหลือง และไม่เป็นระเบียบยิ่งทำให้หน้าตาของป้าดูแย่ลงไปอีก

“จำได้แล้ว พ่อวายุนี่เอง โตเป็นหนุ่มแล้วสิ”

วายุเดินตรงเข้าไปหาเธอ ก่อนจะยื่นถุงส้มที่บังเอิญมีติดมือมาพอดี

“ผมเอาส้มมาฝากด้วยครับป้า”

“เออ ขอบใจมาก แต่คราวหลังไม่ต้องหรอกนะ แค่วายุแวะมาเยี่ยมให้เห็นหน้า ป้าก็ดีใจแล้ว”

“คุณป้าสบายดีไหมครับ”

เขาไม่ได้ห่วงใยอะไรจริงจัง ก็แค่เอ่ยถามออกไปตามมารยาทเท่านั้นเอง

“โอ๊ย สบงสบายอะไรกัน คนแก่ก็เจ็บออดๆ แอดๆ เป็นนู่นเป็นนี่กันทั้งนั้นแหละ”

“แหม คุณป้ายังดูแข็งแรงดีอยู่เลยครับ”

วายุบอกกับป้ามาลีว่า เขาแค่มาอาศัยอยู่เพียงคืน สองคืนเท่านั้น เมื่องานเสร็จแถวนี้แล้ว เขาก็จะรีบกลับทันที ‘เฮ้ย’ มือของเขาสัมผัสเข้ากับมือของป้าที่ยื่นมารับถุงส้ม มันเย็นจนเหมือนกับแก้วที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้ เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงสีหน้าแปลกๆ ออกไป และรีบคิดหาวิธีเพื่อจบบทสนทนานี้ลงโดยเร็ว

“ผม...ขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบจัดของครับ”

ซึ่งความจริงแล้วเขาไม่มีข้าวของอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้า กับของใช้ส่วนตัวอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาแค่คิดจะใช้บ้านเก่าหลังนี้เป็นที่ซุกหัวนอน เพื่อไม่ต้องเดินทางไกลๆ มาทำงานเท่านั้นเอง

“อ้อ พ่อวายุ ระวังตึกข้างๆ นั่นหน่อยนะ”

ป้ามาลีชี้มือเหี่ยวๆ ของเธอไปยังตึกแถวข้างๆ ที่ถูกปิดตายเอาไว้

“มันถูกปิดเพราะเคยมีขี้ยามาอาศัย และก่อเรื่องเอาไว้ ป้ายังเห็นพวกมันบางคนมาวนเวียนอยู่ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลตอนกลางค่ำกลางคืน ก็เรียกตำรวจดีกว่านะ”

@@@@@

วายุยังคงเก็บของทั้งหมดเอาไว้ในเป้ ก่อนจะซุกตัวเข้าไปในถุงนอน อากาศในค่ำคืนนี้นับว่าเย็นดีทีเดียว เขาเพียงแค่เปิดหน้าต่างห้องทั้งหมดก็สามารถนอนได้อย่างสบายแล้ว เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อาจเป็นเพราะความแปลกที่จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไรนัก

วายุคิดว่าแถวนี้มีคนอาศัยอยู่น้อยเกินไป ตึกแถวเกือบสิบห้องที่เขานอนอยู่ก็มีเพียงป้ามาลีคนเดียวเท่านั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้างร้านเก่าๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่เลยในเวลากลางคืน ‘มันเงียบเกินไปแล้ว’

ในเวลาที่วายุกำลังจะงีบหลับ เขาก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังจากลานหน้าตึก เขารีบขยับตัวอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ แอบมองลงมาจากหน้าต่าง มีเงาของคนหลายคนกำลังดึงใครคนหนึ่งเข้าไปในตึกแถวที่ถูกปิดตายนั้น ‘ป้ามาลีนี่หว่า หรือว่าพวกขี้ยาจะกลับมาแก้แค้นแก’

วายุรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาลงไปชั้นล่าง ก่อนจะย่องไปยังตึกแถวห้องนั้นอย่างเงียบเชียบที่สุด สังกะสีแผ่นหนึ่งถูกเปิดออกเหมือนกับเป็นประตู ‘มีบานพับติดอยู่ด้วย’ พวกมันคงแอบทำเอาไว้เพื่อหลอกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ให้นึกว่าตึกยังถูกปิดเอาไว้เหมือนเดิม

วายุเหลือบไปเห็นไม้ท่อนหนึ่ง ที่มีขนาดเหมาะมือ แต่เดิมมันคงเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงที่ใช้ตีปิดหน้าตึกแถวนั่นเอง ‘เอาวะ แค่ขี้ยาไม่กี่คน’ วายุคาดว่าถ้าเขาฟาดใครสักคน ให้พวกนั้นได้เห็นเลือดก็คงจะรีบแยกย้ายกันหลบหนีแน่ เขาค่อยๆ ย่องผ่านช่องที่เป็นประตู โดยพยายามทำให้เกิดเสียงดังน้อยที่สุด

วายุยืนตะลึงมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ป้ามาลีถูกจับมัดนอนหงายกางแขนกางขาอยู่บนพื้น รอบตัวป้ามีเทียนไขจุดตั้งอยู่หลายแท่ง โดยมีพวกขี้ยาหกคนขุกเข่าอยู่รอบๆ พร้อมกับท่องบ่นส่งเสียงงึมงำอย่างน่ากลัว ภาพที่เห็นทำให้เขานึกไปถึงพวกลัทธิบูชาปีศาจที่เคยเห็นจากภาพยนตร์หลายเรื่อง

‘ฝันไปหรือเปล่าเนี่ย’ ขี้ยาคนหนึ่งลุกขึ้นตรงเข้ามาหาเขา ภายใต้แสงเทียนที่ไหววูบวาบ ทำให้ใบหน้าของชายคนนี้ยิ่งหน้ากลัวขึ้นกว่าเดิม วายุรีบสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้ทำไปตามแผน ‘ทีเดียวจังๆ แล้วพวกที่เหลือก็จะหนีกันไปเอง’

วายุหวดไม้ออกไปสุดแรง หัวของขี้ยากระเด็นหลุดออกไปในขณะที่ร่างของมันยังคงเดินเข้ามาหาเขา วายุแหกปากร้องอย่างลืมตัว อีกห้าร่างที่เหลือลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาหาเขา เขาหวดไม้ใส่ร่างแรกที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ยั้ง เขาอาจจะพึ่งนึกเสียใจขึ้นมาที่ไม่ได้โทรแจ้งตำรวจ อย่างที่ป้าแกเตือนไว้ตั้งแต่แรก

วายุหวดซ้ายป่ายขวาอย่างจ้าละหวั่น ก่อนที่ร่างที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามากลุ้มรุมรอบตัวเขา พวกมันมีสภาพเหมือนกับซอมบี้ไม่มีผิด เขากัดฟันหวดไม้ใส่พวกมันไม่ยั้ง และโชคดีที่เขาเคยฝึกมวยไทยมาก่อน เมื่อจวนตัวเข้า หมัดเท้าเข่าศอก ก็ถูกงัดออกมาประเคนใส่พวกมันแทน

ผ่านไปเพียงชั่วครู่ร่างเหล่านั้นก็ล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น วายุรีบตรงเข้าไปหาป้ามาลี พวกมันยังคงขยับได้อยู่ และเขาก็ไม่รู้ว่าพวกมันยังทำอะไรได้อีกบ้าง ดังนั้นการรีบพาป้าหนีออกไปก่อน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่พอเท้าของวายุก้าวเข้าไปในวงของเทียนไขที่อยู่รอบๆ ป้ามาลี เขาก็รู้สึกชาไปทั่วร่าง กระดิกตัวแทบไม่ได้ แต่ยังคงมีสติสมบูรณ์ดีอยู่ ‘เกิดอะไรขึ้น’

ร่างของป้ามาลีค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นต่อหน้าต่อตาวายุ ก่อนจะกลายร่างเป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้า และรูปร่างงดงาม แต่มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความดำมืด ดวงตาที่เหมือนกับสัตว์ที่พึ่งตาย ดวงตาที่ไม่มีชีวิต เธอค่อยๆ แสยะยิ้ม จนเห็นเขี้ยวขาวเรียงสวยงามอย่างกับใบเลื่อย

“ป้าเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่ง”

วายุจ้องดูใบหน้าของเธอ ก่อนจะรวบรวมสติรีบว่าบทสวดที่เขาท่องจำได้อย่างขึ้นใจ  ซอมบี้ทั้งหกร่างค่อยๆ ลุกขึ้นมาเก็บเศษชิ้นส่วนร่างกายของตนมาต่อกันใหม่อีกครั้ง พวกมันตรงเข้ามาหาวายุ บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความหิวกระหาย

“ถอยไป รอให้ข้ากินเลือดมันหมดก่อน พวกแกค่อยเก็บกวาดที่เหลือ”

ซอมบี้ทั้งหกร่างแม้มีท่าทางไม่ยินยอม แต่ในที่สุดก็ยอมถอยออกมาโดยดี สาวน้อยฟันเลื่อยส่งยิ้มเยียบเย็นให้กับวายุ

“รู้ไหมว่าข้าชอบกินเลือดหนุ่มๆ จากส่วนไหนมากที่สุด”

วายุไม่สนใจ เขาท่องบทสวดที่เหลือจนจบ ร่างของเขาพลันหลุดพ้นจากการสะกด สาวน้อยฟันเลื่อยมองดูเขาด้วยความแปลกใจ คนทั่วไปไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ ‘นอกจากว่า’ เธออ้าปากกว้างส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับพุ่งเข้าหาเขา

วายุแยกแยะไม่ออกว่าเสียงร้องนั้นบ่งบอกถึงสิ่งใดกันแน่ ความโกรธ ความเกลียด หรือความกลัว เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อ พร้อมกับตวัดมืออย่างรวดเร็ว ในมือของเขามีมีดเล่มหนึ่งเพิ่มมาด้วย ใบมีดเป็นสีดำสนิท มีลวดลายเป็นยันต์หลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวด้ามนั้นทำมาจากกระดูกแกะสลัก

สาวน้อยฟันเลื่อยรีบถอยห่างแต่ก็ช้าเกินไป วายุแทงมีดเข้าที่กลางหน้าอกของเธอ ปากก็รีบว่าคาถาที่ได้ร่ำเรียนมา ซอมบี้ทั้งหกร่างพยายามจะเข้ามาช่วยนายสาวของพวกมัน แต่ทันใดนั้นเสื้อที่วายุสวมใส่อยู่ก็ปรากฏลวดลายของยันต์ที่เหมือนกับบนใบมีดขึ้นมาเช่นกัน ทำให้พวกมันไม่อาจเข้าใกล้เขาได้

เสียงกรีดร้องของสาวน้อยฟันเลื่อนขาดหายไปพร้อมๆ กับที่ร่างของเธอสลายกลายเป็นอากาศ เหล่าซอมบี้ทั้งหลายก็กลับกลายเป็นเพียงกองกระดูกเก่าๆ เท่านั้น

วายุรอจนถึงเวลาเช้าก่อนจะออกเดินทาง เขายังสงสัยว่าสาวน้อยฟันเลื่อยนั้นจะใช่ป้ามาลีตัวจริง หรือเป็นเพียงการสวมรอยของปีศาจสาว แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว ‘งานเสร็จแล้ว’

วายุได้แต่สงสัยว่างานครั้งต่อไป ในฐานะของ นักล่าปีศาจ นั้น จะนำพาเขาให้ผ่านไปยังสถานที่ในความทรงจำเก่าๆ ของตนอีกหรือไม่

แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 16:33:16

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 15:05:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com