บทที่ 2 : ปอบผีสิง
แก้ว ... แก้ว ... โสตสัมผัสรับรู้เสียงเพรียกจากที่ไกลแสนไกล เด็กสาวรู้สึกรำคาญเล็กน้อยด้วยกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งนิทรารมณ์
แก้ว ... แก้ว ... เสียงเรียกเริ่มชัดเจนขึ้น โสตสัมผัสที่ในทีแรกเป็นเพียงเสนาะสำเนียงเสียงบางเบา ทว่าตอนนี้เสียงเรียกชื่อค่อยๆดังถี่ขึ้นจนได้ยินชัดแจ้ง ประกายแก้วรู้ถึงสัมผัสที่ต้นแขน ใครบางคนกำลังเขย่าตัวพร้อมเรียกชื่อด้วยความเป็นห่วง
เด็กสาวมัธยมปลายโรงเรียนลานนาวิทยาลัยเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทในทีแรก แสงสว่างที่แล่นเข้าทางรูม่านตาส่งกระแสจักษุประสาทให้รับรู้ด้วยสมองว่าเจ้าของเสียงเรียกนั้นไม่ใช่ใครอื่น ... ศศิรัตน์หรือมิ้นท์ เพื่อนรักของเธอนั่นเอง ยายมิ้นท์เรียนกับเธอมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ทั้งสองทำอะไรด้วยกัน เรียนๆเล่นๆด้วยกันมาตลอด แม้แต่ความลับของประกายแก้วเอง ... มิ้นท์ก็รู้
แก้ว เป็นอะไรไหม ? ศศิรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วง เด็กสาวรู้สึกดีใจที่เพื่อนได้สติ นี่เป็นครั้งแรกที่ประกายแก้วเป็นลมในห้องเรียน ... ถึงแม้แก้วจะไม่ได้เป็นนักกีฬา แต่เพื่อนเกลอก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดเป็นลมเป็นแล้งง่ายๆ
มิ้นท์ ... แก้วเอ่ยชื่อเพื่อนรัก เด็กสาวไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ เธอมองไปรอบๆจึงรู้ว่าขณะนี้กำลังนอนอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียน นาฬิกาที่ฝาผนังบอกให้รู้ว่าเวลาประมาณเกือบๆบ่ายสองเท่านั้น
รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ หนูเป็นลมไปน่ะ น้ำเสียงเย็นๆถามไถ่อาการ ประกายแก้วหันไปทางต้นเสียงก็พบอาจารย์ประจำห้องพยาบาลกำลังจ้องมองเธอด้วยความเป็นห่วง เด็กสาวค่อยๆชันกายลุกขึ้น เธอยกมือไหว้อาจารย์ด้วยความเคารพก่อนที่จะบอกว่าตัวเองรู้สึกสบายดี
ถ้ารู้สึกไม่ดีอย่างไรให้บอกนะจ๊ะ ยังไงหนูจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้นะ ครูจะให้คนขับรถไปส่ง ครูพยาบาลผู้มีอายุล่วงเข้าวัยกลางคนกล่าวด้วยความเป็นห่วง นั่นสิ ยายแก้ว ไปตรวจเสียก็ดีนะ มิ้นท์ ศศิรัตน์บอกเพื่อน ทว่าประกายแก้วส่ายศีรษะและยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก
ขอบคุณค่ะครู แค่หนูสบายดีแล้วล่ะค่ะ สงสัยเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ร่างกายเลยไม่ไหวน่ะค่ะ แก้วพยายามอ้างเหตุผล เธอไม่อยากไปโรงพยาบาล สถานที่ที่มีทั้งเชื้อโรค ทั้งความทุกข์ รวมถึงเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับที่ยากแก่การพิสูจน์
อย่างนั้นก็ได้จ้ะ นี่หนูยังโชคดีกว่าครูฝึกสอนคนนั้นนะ อาจารย์พยาบาลกล่าวขณะหันไปเขียนยิกๆลงในสมุดบันทึกเหตุการณ์ของห้องพยาบาล คราวนี้ประกายแก้วหูผึ่ง ครูฝึกสอนคนที่อาจารย์พยาบาลกล่าวถึงนั้นหมายถึงใคร ?... หรือจะหมายถึงครูรตีที่เธอได้เห็นเหตุการณ์น่าสะพรึงขวัญเมื่อสักครู่ ใช่ ! มีผีตัวหนึ่งตามติดมากับครูฝึกสอนที่ชื่อรตี !?
ผีสาวที่ตอนแรกหน้าตาอ่อนเยาว์และสะสวย ทว่าพริบตาต่อมาใบหน้ากลับเหี่ยวย่นและน่าเกลียดน่ากลัว แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าเมื่ออาการโรคไมเกรนของครูรตีกำเริบ
มีเพียงประกายแก้วเท่านั้นที่ มองเห็น ว่าสาเหตุของโรคไมเกรนนั้นแท้จริงเกิดจากอะไร ... เกิดจากผีตัวนั้น ! มันยืดลิ้นยาวและแหลมคมเสียบแทงเข้าในรูหูของครูรตี !!
ประกายแก้วรู้สึกสั่นสะท้าน ความหนาวยะเยือกแล่นเป็นริ้วขึ้นทางไขสันหลัง เด็กสาวพยายามสงบหัวใจไม่ให้เต้นระรัวผิดจังหวะ กระชับมือแน่นเพื่อสะกดอาการสั่นสะท้าน ส่วนน้ำเสียงก็พยายามปรับแต่งให้ราบเรียบราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ครูฝึกสอนที่ชื่อครูรตีหรือคะ ? ประกายแก้วถาม
อาจารย์พยาบาลปิดสมุดบันทึก พยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ หญิงวัยกลางคนเดินไปรินน้ำเย็นใส่แก้วใสก่อนที่จะนำมาให้เด็กสาวดื่ม เห็นว่าเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนมานานน่ะ แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นหนัก ถึงขั้นล้มลงไปกองกับพื้นทีเดียว ก็หลังจากที่แก้วเป็นลมนั่นแหละ คราวนี้ทั้งห้องเลยโกลาหลกันใหญ่ โดยเฉพาะครูศรีสุดาที่ต้องจัดการสองคนป่วยที่มาเป็นเอาพร้อมๆกัน มิ้นท์เล่ายาวเหยียดในฐานะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ เด็กสาวยังไม่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอเป็นลมเพราะได้เห็นสิ่งแปลกๆ
แก้วอยากไปเยี่ยมครูรตีน่ะ มิ้นท์ไปด้วยกันไหม เด็กสาวตัดสินใจชวนเพื่อนรัก แม้จะกลัววิญญาณร้าย ทว่าเด็กสาวก็อยากจะเชื่อว่าการที่วิญญาณปรากฏกายให้เธอเห็นนั้นบางทีอาจเพราะต้องการความช่วยเหลือ
ทว่าความคิดที่คนป่วยจะไปเยี่ยมคนป่วยนั้นถูกทั้งเพื่อน ทั้งครูห้ามกันยกใหญ่ หากแก้วรู้สึกไม่สบายแล้วจะไปโรงพยาบาลนั้นก็ยังพอรับได้ แต่การจะไปเยี่ยมไข้คนอื่นนั้นคงไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายที่น่าจะต้องพักผ่อน
คุยกันไปมาอีกสักพัก เมื่อครูพยาบาลเห็นว่าประกายแก้วสบายดีแล้วจึงอนุญาตให้กลับห้องได้ เธอแนะนำเด็กสาวให้ลาครูประจำชั้นเพื่อกลับบ้านไปพักผ่อนเสียครึ่งวัน ประกายแก้วไม่อยากกลับแต่ศศิรัตน์เห็นดีด้วยจึงรับคำว่าจะไปส่งให้ถึงบ้าน ... ...
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ม.ค. 54 10:18:34
|
|
|
|