วายุอัสนี (ป้ามาลีแปลงร่าง)
|
|
วายุอัสนี
ความทรงจำที่หายไป
ยามเย็นในช่วงเวลาที่ลำแสงสุดท้ายกำลังจะลาลับขอบฟ้า วายุเงยหน้ายืนมองตึกแถวสองชั้นเก่าๆ ที่ในสมุดบันทึกบอกว่าเขาเคยมาอาศัยอยู่ที่นี่พักหนึ่งตอนอายุสิบหกปี แต่เขากลับไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
ตึกที่อยู่ติดกันทางด้านซ้ายดูเหมือนจะเป็นตึกร้างที่ไม่มีใครอยู่ มีแผ่นไม้ กับสังกะสีถูกตีปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา น่าแปลกที่ที่ว่างด้านหน้าตึกกลับไม่มีอะไรวางเกะกะอย่างที่มันควรจะเป็น
ส่วนตึกที่อยู่ทางด้านขวามือนั้น
เฮ้ย
เขาเผลออุทานออกมาเบาๆ เมื่อหันมาเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงสูงอายุคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่หน้าตึกแถวห้องนั้น กำลังจ้องมองมาทางเขา ตกใจหมดเลย หรือว่าจะเป็น เขานึกถึงชื่อของคนคนหนึ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในหน้าเดียวกันของสมุดบันทึกเล่มนั้น
สวัสดีครับ ป้าชื่อมาลีหรือเปล่าครับ
เขารีบยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายออกไป ในใจก็เต็มไปด้วยความคาดวัง เธออาจรู้เรื่องอะไรบ้างก็เป็นได้ รอยยับย่นบนใบหน้านั้นเริ่มขยับเขยื้อน พอเธอเริ่มเอ่ยปากพูด ความรู้สึกแปลกประหลาดในตอนแรกก็จางหายไป
เธอเป็นใคร รู้จักชื่อฉันได้ยังไง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเธอทำให้เขาต้องผิดหวัง เธอก็ไม่รู้จักเรา
ผมชื่อวายุครับป้า ที่เมื่อก่อนเคยอยู่ในตึกนี้ไงครับ
เธอทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า
เคยมีคนมาอยู่ในตึกนี้ตั้งหลายคน แต่ฉันจำเธอไม่ได้เลย เธอมาอยู่เมื่อไรล่ะ แล้วอยู่นานไหม...ตึกนี้ถูกปิดไปนานแล้วเหมือนกันนะ
เขาไม่รู้จะตอบคำถามของเธออย่างไร เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้นั้น มันตั้งแต่เมื่อไร และมันจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยป้ามาลีก็มีตัวตนอยู่จริง ดังนั้นสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นที่เดียวกันอย่างแน่นอน
ผมจะมาค้างที่นี่สักคืนสองคืนนะครับป้า
เธอยังคงทำหน้าสงสัย และคอยจับตามองเมื่อ เขาเดินไปที่ประตู แต่เมื่อเธอเห็นเขาล้วงกุญแจออกมาไขเปิดประตู ท่าทางที่ระมัดระวังของเธอก็ดูจะลดลงจากเดิม เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงเรียกก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในตึก
ระวังตึกข้างๆ นั่นหน่อยนะ
เธอชี้มือเหี่ยวๆ ของเธอไปยังตึกแถวข้างๆ ที่ถูกปิดตายเอาไว้
มันถูกปิดเพราะเคยมีขี้ยามาอาศัย และก่อเรื่องเอาไว้ ฉันยังเคยเห็นพวกมันบางคนมาวนเวียนอยู่ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลตอนกลางค่ำกลางคืน ก็เรียกตำรวจดีกว่านะ
@@@@@
วายุยังคงเก็บข้าวของทั้งหมดเอาไว้ในเป้ มีเพียงถุงนอนเท่านั้นที่ถูกนำออกมา อากาศในค่ำคืนนี้นับว่าเย็นดีทีเดียว เขาเพียงแค่เปิดหน้าต่างห้องทั้งหมดก็สามารถนอนได้อย่างสบายแล้ว เขายังคงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหันไปรื้อค้นของจากในเป้
เขาหยิบสมุดบันทึกหน้าปกสีดำออกมาเล่มหนึ่ง พร้อมกับข้าวของแปลกๆ อีกหลายชิ้น ซึ่งรวมถึงกุญแจที่พึ่งใช้ไขเข้ามาในตึกหลังนี้ด้วย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขามี สิ่งที่เขาเคยเป็น สิ่งที่อาจบอกเล่าถึงอดีตทั้งหมดของเขา
เขาพึ่งตื่นขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ในห้องของโรงแรมถูกๆ แห่งหนึ่ง ทุกอย่างในร่างของเขาเป็นปกติดี ทุกอย่าง ยกเว้นอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาอยู่ในห้องของโรงแรมแห่งนั้นได้อย่างไร
เขาพบเพียงข้าวของทั้งหมดนี้ พร้อมกับซองใส่เงินจำนวนมากที่ไม่มีที่มา เขารีบพลิกดูในสมุดบันทึก มีรูปวาด ข้อความ ตัวเลข และสิ่งแปลกประหลาดนานาชนิด ขีดเขียนอยู่ในนั้น แต่มันไม่อาจปะติดปะต่อรวมกันเป็นอะไรขึ้นมาได้เลย มันเหมือนกับสมุดบันทึกของคนที่เสียสติ
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงยังคงเยือกเย็นอยู่ได้ เขาใช้เงินในซองนั้นซื้อหาข้าวของจำเป็น แล้วตัดสินใจออกสืบค้นอดีตด้วยตัวเอง บันทึกในหน้าสุดท้ายนั้นมีที่อยู่ของสถานที่แห่งนี้ พร้อมกับรูปกุญแจวาดอยู่ และในกองข้าวของประหลาด ก็มีกุญแจอยู่ดอกหนึ่งพอดี และเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยเมื่อพบว่ามันสามารถใช้ได้จริงๆ
น่าเสียดายที่ป้ามาลีซึ่งมีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกในหน้าเดียวกันนั้นกลับไม่รู้จักเขา แต่เขาก็ไม่ได้หวังว่าอะไรๆ มันจะสำเร็จได้ง่ายๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาอาจต้องค้นหาไปจนถึงหน้าแรกของสมุดบันทึกเลยก็เป็นได้ กว่าจะรู้ความจริงถึงความเป็นมาของตัวเอง
เขาเก็บข้าวของพร้อมกับซุกตัวเข้าไปในถุงนอน ก่อนที่ความคิดจะล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย แถวนี้มีคนอาศัยอยู่น้อยเกินไป ตึกแถวเกือบสิบห้องที่เขานอนอยู่ก็มีเพียงป้ามาลีคนเดียวเท่านั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้างร้านเก่าๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่เลยในเวลากลางคืน มันเงียบเกินไปแล้ว
ในเวลาที่เขากำลังจะงีบหลับ ก็มีเสียงผิดปกติดังมาจากลานหน้าตึก เขารีบขยับตัวอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ แอบมองลงมาจากหน้าต่าง มีเงาของคนหลายคนกำลังดึงใครคนหนึ่งเข้าไปในตึกแถวที่ถูกปิดตายนั้น ป้ามาลีนี่หว่า หรือว่าพวกขี้ยาจะกลับมาแก้แค้นแก
เขาตัดสินลงไปที่ชั้นล่าง ก่อนจะย่องไปยังตึกแถวห้องนั้นอย่างเงียบเชียบที่สุด สังกะสีแผ่นหนึ่งถูกเปิดออกเหมือนกับเป็นประตู มีบานพับติดอยู่ด้วย พวกมันคงแอบทำเอาไว้เพื่อหลอกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ให้นึกว่าตึกยังถูกปิดเอาไว้เหมือนเดิม
เขาเหลือบไปเห็นไม้ท่อนหนึ่ง ที่มีขนาดเหมาะมือ แต่เดิมมันคงเคยเป็นส่วนหนึ่งของโครงที่ใช้ตีปิดหน้าตึกแถวนั่นเอง เอาวะ แค่ขี้ยาไม่กี่คน วายุคาดว่าถ้าเขาฟาดใครสักคน ให้พวกนั้นได้เห็นเลือดก็คงจะรีบแยกย้ายกันหลบหนีแน่ เขาค่อยๆ ย่องผ่านช่องที่เป็นประตู โดยพยายามทำให้เกิดเสียงดังน้อยที่สุด
วายุยืนตะลึงมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ป้ามาลีถูกจับมัดนอนหงายกางแขนกางขาอยู่บนพื้น รอบตัวป้ามีเทียนไขจุดตั้งอยู่หลายแท่ง โดยมีพวกขี้ยาหกคนขุกเข่าอยู่รอบๆ พร้อมกับท่องบ่นส่งเสียงงึมงำอย่างน่ากลัว
ฝันไปหรือเปล่าเนี่ย ขี้ยาคนหนึ่งพลันลุกพรวดพร้อมกับตรงเข้ามาหาเขา ภายใต้แสงเทียนที่ไหววูบวาบ ทำให้ใบหน้าของชายคนนี้ยิ่งหน้ากลัวขึ้นกว่าเดิม วายุรีบสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้ทำไปตามแผน ทีเดียวจังๆ แล้วพวกที่เหลือก็จะหนีกันไปเอง
เขาหวดไม้ออกไปสุดแรง หัวของขี้ยาคนนั้นกระเด็นหลุดออกไปในขณะที่ร่างของมันยังคงเดินเข้ามาหา เขาแหกปากร้องอย่างลืมตัว อีกห้าร่างที่เหลือลุกขึ้นแล้วเดินตรงมา เขารีบหวดไม้ใส่บริเวณลำตัวของร่างแรกที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ยั้ง
เขาหวดซ้ายป่ายขวาอย่างจ้าละหวั่น ก่อนที่ร่างที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามากลุ้มรุมอยู่รอบตัวเขา ร่างของพวกมันแห้งสนิท ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเลยแม้แต่น้อย และพวกมันก็ไม่สนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย เขาเริ่มเหนื่อยแต่ก็ยังกัดฟันหวดไม้ใส่พวกมันไม่หยุด
เมื่อจวนตัวเข้า หมัดเท้าเข่าศอก ของเขาก็ถูกงัดออกมาประเคนใส่พวกมันแทน ดูเหมือนว่าร่างกายในอดีตของเขาอาจจะเคยฝึกมวยไทย หรือวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวชนิดอื่นๆ มาก่อน และนับเป็นโซคดีที่เขายังคงสามารถต่อสู้ได้เองอย่างแปลกประหลาด
ดูเหมือนว่าวิชาการต่อสู้นี้จะได้ผลดีกว่าไม้เมื่อครู่มากนัก เพราะผ่านไปเพียงครู่เดียว ซอมบี้เหล่านั้นก็ร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น เขารีบตรงเข้าไปหาป้ามาลี แม้จะลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว แต่พวกมันยังคงขยับได้อยู่ และเขาก็ไม่รู้ว่าพวกมันยังทำอะไรได้อีกบ้าง ดังนั้นการรีบพาเธอหนีออกไปก่อน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่พอเท้าของเขาก้าวเข้าไปในวงของเทียนไขที่อยู่รอบๆ ร่างของเธอ เขาก็รู้สึกชาไปทั่วทั้งร่าง กระดิกตัวไม่ได้ แต่ก็ยังคงมีสติสมบูรณ์ดีอยู่ เกิดอะไรขึ้น
ร่างของป้ามาลีค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นต่อหน้าต่อตาวายุ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้า และรูปร่างงดงาม แต่ดวงตาของเธอกลับมีเพียงความดำมืด เป็นดวงตาที่เหมือนกับของสัตว์ที่พึ่งตาย ดวงตาที่ไม่มีชีวิต เธอค่อยๆ แสยะยิ้ม จนเห็นเขี้ยวขาวเรียงสวยงามอย่างกับใบเลื่อย
ป้ามาลีเคยเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่ง
เขาจ้องดูใบหน้าของเธอ และนึกแปลกใจที่ตัวเองกลับไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจมากเท่ากับเมื่อตอนแรก บทสวดแปลกๆ พลันโผล่ขึ้นมาในความทรงจำ เขาเริ่มท่องมันในใจทันที
ซอมบี้ทั้งหกร่างค่อยๆ ลุกขึ้นมาเก็บเศษชิ้นส่วนที่เคยเป็นร่างกายของตนมาต่อกันใหม่อีกครั้ง พวกมันค่อยๆ เข้ามาหาเขา บนใบหน้านั้นฉายเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
ถอยไป รอให้ข้ากินเลือดมันหมดก่อน พวกแกค่อยเก็บกวาดที่เหลือ
ซอมบี้ทั้งหกร่างแม้มีท่าทางคิดขัดขืน แต่ในที่สุดก็ยอมถอยออกมาโดยดี สาวน้อยฟันเลื่อยส่งยิ้มเยียบเย็นให้กับเขา
รู้ไหมว่าข้าชอบกินเลือดหนุ่มๆ จากส่วนไหนมากที่สุด
เขาไม่สนใจคำพูดของเธอ แล้วรีบท่องบทสวดที่เหลือจนจบ ร่างของเขาพลันหลุดพ้นจากการสะกดของพลังลึกลับ สาวน้อยฟันเลื่อยมองดูเขาด้วยความแปลกใจ คนทั่วไปไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ นอกจากว่า เธออ้าปากกว้างส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับพุ่งเข้าหาเขา
เขาแยกแยะไม่ออกว่าเสียงร้องนั้นบ่งบอกถึงสิ่งใดกันแน่ ความโกรธ ความเกลียด หรือความกลัว มือของเขาพลันขีดวาดเป็นเครื่องหมายรูปสายฟ้าขึ้น ความเคลื่อนไหวทั้งหมดราบลื่นเป็นไปอย่างธรรมชาติโดยที่เขาไม่ทันได้คิดอะไรทั้งสิ้น
มีดเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของเขาใบมีดนั้นเป็นสีดำสนิท มีลวดลายเป็นยันต์เป็นรูปสายฟ้า กับอักขระประหลาดกำกับอยู่ ส่วนที่เป็นด้ามของมันเหมือนทำขึ้นมาจากกระดูกแกะสลัก
สาวน้อยฟันเลื่อยรีบถอยห่างแต่ก็ช้าเกินไป เขาแทงมีดเข้าที่กลางหน้าอกของเธอ ปากก็รีบว่าคาถาอีกบทหนึ่งที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในความทรงจำของเขาเช่นกัน
ซอมบี้ทั้งหกร่างพยายามจะเข้ามาช่วยนายสาวของพวกมัน แต่ทันใดนั้นเสื้อที่วายุสวมใส่อยู่ก็ปรากฏลวดลายของยันต์ที่เหมือนกับบนใบมีดขึ้นมาเช่นกัน ทำให้พวกมันไม่อาจเข้าใกล้เขาได้
...อัสนี...
แสงสีฟ้าพลันสาดกระจายออกมาจากมีดเล่มนั้น สาวน้อยฟันเลื่อยส่งเสียงกรีดร้องออกมา ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกแสงนั้นแผดเผาจนสลายกลายเป็นอากาศ เหล่าซอมบี้ทั้งหลายก็ล้มลงกลับกลายเป็นเพียงกองกระดูกเก่าๆ เท่านั้น
@@@@@
วายุนั่งเหม่อมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆ ลอยขึ้นจากหมู่ตึก แสงสว่างของมันสามารถขับไล่บรรยากาศแปลกๆ ออกไปจากหมู่ตึกแถวเก่าๆ เหล่านี้ แต่ก็ไม่อาจจะส่องทะลุผ่านความทรงจำที่ยังคงดำมืดภายในใจของเขาได้
เหตุการณ์ประหลาดเมื่อคืนยิ่งทำให้เขาเกิดความสงสัยในตัวเองมากขึ้นไปอีก เขาเป็นใคร หรืออะไรกันแน่ แล้วปีศาจพวกนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับเขา แต่ความรู้สึกบอกกับเขาว่าหากยังคงต้องการค้นหาความทรงจำของตัวเอง เขาคงต้องได้พบเจอกับพวกตัวประหลาดเหล่านี้อีกแน่
เขาก้มลงมองมีดสีดำที่อยู่ในมือ เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาจำชื่อมันได้แล้ว มีดเล่มนี้มีชื่อว่าอัสนี และเขาก็สามารถฆ่าปีศาจตัวเมื่อคืนได้ด้วยการเอ่ยชื่อของมันออกไปเท่านั้น
เมื่อแสงสว่างในยามเช้าเข้มข้นขึ้น มีดอัสนีในมือของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปเหมือนกับมันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน แต่เขากลับไม่รู้สึกตกใจเลย ใช่มันควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว มีดเล่มนี้ไม่ถูกกับยามกลางวัน มันเป็นมีดราตรี และเขารู้สึกมั่นใจว่าสามารถที่จะนำมันออกมาใช้ได้อีก เมื่อความจำเป็นมาถึง
อย่างน้อยสถานที่แห่งนี้ก็ได้คืนความทรงจำบางส่วนให้กับเขาแล้ว วายุเริ่มเปิดสมุดบันทึกสีดำเล่มนั้นอีกครั้งเพื่อค้นหาว่าจุดหมายปลายทางต่อไปนั้น จะเป็นสถานที่แห่งใด และจะมีสิ่งประหลาดชนิดใดรอคอยเขาอยู่กันแน่
จากคุณ |
:
zoi
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ม.ค. 54 13:23:56
|
|
|
|