Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วยรักและผูกพัน ตอน...ลมหายใจ...ของใครบางคน ติดต่อทีมงาน

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น ที่คนอ่านต้องใช้วิจารญาณในการอ่านเอาเองนะคะ เพราะว่าคนเขียน ได้เขียนจากคำบอกเล่า และประสบการณ์จริงที่ตนเองเคยประสบมา อ่านเอาบันเทิง อย่าคิดมากค่ะ




ด้วยรักและผูกพัน ตอน...ลมหายใจ...ของใครบางคน





เสียงติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ของเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไปในแต่วินาที มันทำให้คนที่นอนไม่หลับอยู่แล้ว ถึงกับต้องลืมตาขึ้นมา แม้ว่าภายในห้องจะมืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นมือของตนเอง ที่ยกขึ้นมาเลื่อนผ้าห่มใต้อกขึ้นห่มตัว เพราะจู่ๆก็รู้สึกหนาววูบ


แต่พอสายตาของเธอปรับเข้ากับความมืดได้ ภาพสลัวรางของดวงจันทร์ที่เห็นแต่เพียงไกลๆ เหนือหลังคาเพื่อนบ้าน ก็ทำให้เธออุ่นใจขึ้น เสียงเข็มนาฬิกายังคงดังต่อเนื่องตามปกติของมัน เพียงแต่ว่าคืนนี้เธอนอนไม่หลับ เลยรู้สึกรำคาญ ใจหนึ่งอยากจะลุกไปปลดมันออกไปวางนอกห้องเพื่อตัดความรำคาญ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ช่างเถอะ มันอยู่ที่เราเองต่างหากที่ฟุ้งซ่าน คงเป็นเพราะเธอเอาเรื่องงานที่ไม่เป็นไปตามเป้า ที่เข้าประชุมตอนบ่ายกลับมาคิดนั่นเอง


ขณะที่เธอกำลังคิดเรื่องงานอยู่เพลินๆนั้นเอง จู่ๆลมก็พัดบานหน้าต่างกระแทกเข้ากับขอบอย่างจัง คงไม่ต้องบอกว่ามันจะดังมากแค่ไหน เพราะว่ามันทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเล่นๆอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปมองหน้าต่างบานนั้นในทันที แต่เธอก็ไม่เห็นว่ามีอะไร


ชั่วอึดใจจึงได้ละสายตากลับมา คิดเรื่องงานแทนจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าครั้งสุดท้ายที่เหลือบมองนาฬิกาเรือนนั้น เข็มสั้นมันชี้ไปที่เลขสองกว่าแล้ว และมารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่รู้สึกเหมือนกับว่ามีลมเย็นๆพัดกรูเข้ามาในห้อง จึงขยับตัวดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงคอ ก่อนจักนอนหลังให้ผนังห้อง ที่ห่างออกไปไม่ถึงฟุตดี


และในเวลานั้นเองที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่า...มีลมหายใจของใครบางคน...ผ่อนออกมารดต้นคอของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึก และได้สติ จนแทบจะลุกพรวดขึ้นนั่ง หรืออยากจะร้องเฮ้ย...อะไรกันวะเนี่ย  ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเธอแน่ใจว่าไม่ควรจะมีใคร อะไร หรือสิ่งใดมาอยู่ร่วมห้องกับเธอในยามวิกาลเช่นนี้ได้ นอกจาก....


คิดแล้ว...ตุ่มหนาวก็บานเต็มสองข้างแขน ขณะที่รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ผมบนหัวมันฟูขึ้นๆมา อาการแบบนี้ชัวร์เลยว่า... มันคืออาการขนหัวลุกนั่นเอง โอ้...พระเจ้า ใจสั่งให้ปากพูดว่าพระเจ้า(ความจริงพูดอยู่ในใจนะคะ ไม่ได้พูดออกมาจริงๆ หรอกค่ะ) แต่หัวกลับคิดถึงบทสวด อะระหังสัมมา แทน


ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไป เพราะกลัวใจตัวเอง และที่สำคัญ กลัวที่จะเจอใครบางคนนั่นเอง เธอก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ลืมตาขึ้นมา แถมไม่กล้าขยับตัว หรือแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำไป เพราะกลัวว่าถ้าหายใจ แล้วคนที่ใช่ หรือไม่ใช่ อาจจะรู้ตัวได้


ก็ไม่รู้คิดแบบนี้ได้ไง รู้แต่ว่าตอนนั้นคิดได้เท่านั้นแหละ หลังจากพยายามท่องบทสวด นะโม ตะสะ...ก็แล้ว อะระหังสัมมา...ก็แล้ว พาหุง...ก็แล้ว สัพเพ สัพตา ก็แล้ว แต่ไอ้เสียงกรากแกรกของใบกล้วยที่ละอยู่ข้างบานหน้าต่าง กับเสียงพัดลมตั้งโต๊ะเล็กๆสีแดงที่ดังเหมือนใบพัดจะหลุดออกมา มันช่างช่วยทำลายสมาธิสิ้นดี ทำให้เธอไม่สามารถที่จะสวดมนต์บทใดๆได้จบเลยสักบทเดียว


ขณะที่เจ้าของลมหายใจนั้น...ก็ยังคงผ่อนรดต้นคอของเธออยู่อย่างต่อเนื่อง มันยิ่งทำให้เธอยากจะร้องกรี๊ดออกมา และวิ่งไปเปิดประตูหนีออกไปเลยทีเดียว ทั้งที่ความจริงประตูห้องนอนห่างไปยังไม่ถึงเมตรดีด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เท่าไม ถึงทำไม่ได้ และไม่กล้าที่จะทำอีกต่างหาก


และแล้วเมื่อความกลัวมาถึงขีดสุด เธอจึงได้แต่นอนหลับตาปี๋ ตัวเกร็งแข็งทื่อจนเมื่อยไปหมด นอนฟังเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมาเสียให้ได้ สลับกับเสียงหายใจของอะไรบางอย่างข้างหลังเธอ


เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าลมหายใจนั้นยังอยู่... มันไม่ได้อุ่นร้อนเหมือนทั่วๆไป แต่มันเย็นยะเยือกและสัมผัสได้ ซึ่งสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เธอโคตรกลัว และเมื่อไม่มีทางเลือก หรืออาจจะมีแต่ตอนนั้นไม่กล้าเลือกเอง...


เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เอาเป็นว่าทำใจยอมรับมันไปเลยก็แล้วกัน(รึเปล่ายังไม่รู้) แม้ว่าจะโคตรกลัวมากขนาดไหนก็ตาม จึงตัดสินใจนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่หันกลับไปมอง ไม่คิด และทำเป็นไม่ได้ยินและรับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั่ง...


จนกระทั่ง...เสียงบานหน้าต่างอีกข้างกระแทกกับขอสับดังกึกๆ ปลุกให้เธอลืมตาขึ้นมา อะ....เช้าแล้วนี่  แค่นั้นแหละ ไม่ถึงนาทีเธอก็วิ่งพรวดออกไปจากห้อง ถลาลงบันได ชนิดที่เรียกว่าไม่คิดชีวิต ไปหาแม่และน้องสาวในทันที


“แม่เมื่อคืน มีใครเข้าไปในห้องหนูป่ะ”


เธอถามเสียงยังสั่นไม่หาย แม่ไม่ได้ตอบทันที เพราะกำลังตักโจ๊กเข้าปาก แต่คนที่ตอบกลับมาเป็นน้องสาวของเธอเอง


“ทำไมเจ้ โดนผีหลอกมาหรือไง หน้าซีดแต่เช้าเชียว”

“รู้ได้ไง รู้อะไรอีกบอกมา เร็วๆ”

“เฮ้ย... อะไรกันเจ้ แต่เช้าเชียว กินข้าวๆ อีกอย่างเจ้ไม่รู้แล้วใครจะรู้”

“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะไอ้...”

“มีอะไรกันหรือจิน”


เสียงแม่พูดตัดบทเมื่อวางช้อนลง เธอจึงเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังอย่างละเอียด แม่ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่นั่งฟังเฉยๆ ขณะที่น้องสาวของเธอเงียบไปเลย


ต้องมีอะไรแน่ๆ เพียงแต่แม่ไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง


ทุกวันนี้เธอเลยยังไม่รู้เลยว่า โดน...อย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า รู้แต่ว่า ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา เธอจะตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระอย่างจริงจัง หลังจากรีบไปตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้ใคร หรืออะไร ไม่รู้ที่มานอนข้างๆเธอในคืนนั้น


กะว่าถ้าเขามาอีก (ซึ่งไม่อยากให้มาเลยนะจริงๆ) จะได้ไม่ต่อว่า ว่าเธอสวดมนต์ผิดถูกๆจนฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่อุตส่าห์ตั้งใจนอนฟังอยู่ตั้งนาน ฮา...(อยากฮาด้วยค่ะ แต่ตอนนั้น มันฮาไม่ออกจริงๆ)


และจนถึงทุกวันนี้ เธอเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า มันคืออะไรกันแน่ และไม่อยากที่จะหาด้วยค่ะ




ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ

แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 54 12:45:51

แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 54 12:27:03

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 12:14:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com