Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดักแด้...(ตอนเดียวจบ) ติดต่อทีมงาน

ดักแด้  
GTW

      คุณว่าไข่พูดได้ไหม

ผมหมายถึงไข่ อย่างควรเป็นไข่ จริงๆ จะเรียกว่าไข่ที่เป็นใบ หรือฟองอะไรก็ได้ ไม่ใช่ไข่ทองคำหรือไข่วิเศษในเทพนิยาย

ผมเคยเห็นไข่พูดได้มาแล้ว สวย น่ารัก ไม่แพ้คน

เดือนก่อนผมซื้อไข่มาจากรถขายไข่ซึ่งวิ่งผ่านหน้าบ้านเป็นประจำ รถพวกนี้จะขายไข่ราคาถูกกว่าร้านค้าธรรมดา แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ มันต้องเสี่ยงกับไข่ที่ไม่มีตราของ อย.รับรองเลยสักฟอง แถมไม่รู้ว่าเป็นไข่ของไก่แบบไหน และหนึ่งในจำนวนจากไข่หลายสิบใบ ผมพบว่ามีไข่ใบหนึ่งประหลาดกว่าเพื่อน มันมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ผิวเป็นมันแวววาวจนผมไม่แน่ใจว่าเป็นไข่ของไก่พันธุ์ไหน บางทีอาจจะเป็นไข่ห่านหรือไข่หงส์อะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ใจคือผมคิดว่าจะนำไข่สวยใบนั้นมาทอดเป็นไข่ดาวกระเทียมพริกไทยให้อร่อย

แต่ในขณะผมกำลังหยิบไข่ไปชูเหนือกระทะซึ่งมีน้ำมันกำลังร้อนได้ที่ กระเทียมกำลังส่งกลิ่นหอม มือข้างหนึ่งเงื้อซ้อนเตรียมเคาะลงเปลือกไข่

“อย่าฆ่าฉันเลยค่ะ”

ผมได้ยินเสียงแบบนั้นจริงๆครับ เสียงดังอยู่ในความรู้สึกชัดเจน ชัดเจนเกินการรับฟังด้วยหูธรรมดาด้วยซ้ำ ผมสะดุ้งด้วยความตกใจจนไข่แทบหล่นจากมือ

“ระวังหน่อยสิคะ...เดี๋ยวฉันก็หล่นลงไปในกระทะหรอกค่ะ”

คราวนี้ผมจับทิศทางได้ชัดเจนเลย และความรู้สึกบอกว่าเสียงนั้นดังออกมาจากไข่ในมืออย่างจริงแท้แน่นอน

“ไข่...เอ้ย...คุณไข่..คุณพูดได้”

ผมเอ่ยตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้นจนระงับสติและอารมณ์ไม่ได้ เกิดมาก็เพิ่งได้ยินไข่พูดได้เป็นครั้งแรก

“พูดได้สิคะ...คุณวางฉันลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน อย่าลืมปิดเตาไฟฟ้าด้วยค่ะ มันน่ากลัวสำหรับฉันมาก”

เสียงของไข่สาวมีแววอ้อนวอนจนผมใจอ่อน ก็ไข่ออดอ้อนขนาดนี้ใครจะกินได้ลงคอ และอีกอย่างผมก็ไม่กล้ากินไข่ที่พูดกับผมได้ลงคอหรอกครับ คุณเองก็คงเหมือนกัน

ผมปิดกระทะไฟฟ้าทั้งที่หิวข้าวจนปวดท้อง แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะกินไข่ใบอื่นต่อเพราะไม่แน่ใจว่าไข่พวกนั้นจะมาอ้อนวอนขอความเมตตาจากผมอีกสักกี่ใบกันแน่ หรือหนักเข้าอาจจะกระโดดวิ่งหนีหายไปต่อหน้าต่อตา ผมยังจะมีหน้ากล้าไปบอกใครได้ว่าเห็นไข่วิ่งหนี

ผมเดินออกจากห้องครัว วางไข่สาวเสียงใสลงบนโซฟาห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง

“ขอบคุณมากค่ะ....”

น้ำเสียงของไข่มีแววพอใจ” นึกว่าจะโดนคุณกินเสียแล้ว”

“ใครจะกินลงล่ะครับ ไข่พูดได้แบบนี้ กินลงไปแล้วไม่รู้ว่าจะเป็นพิษเป็นภัยอะไรหรือเปล่า ว่าแต่ ไข่..เธอ..เอ่อ..คุณ เป็นอะไรกันแน่ครับ”

“คุณเห็นฉันเป็นอะไรมากกว่าเป็นไข่หรือคะ....”

แน่ะ...มีย้อน เดี๋ยวก็จับไปตอกลงกระทะเสียหรอก ผมนึกในใจ

“อย่าใจร้ายแบบนั้นสิคะ ไข่ก็มีหัวใจเหมือนกันนะคะ กลัวถูกทอด จะเป็นไข่ดาวไข่เจียวก็ทำให้ตายเหมือนกัน ใจคอคุณจะกินฉันลงหรือคะ”

ไข่สาวดักคอขึ้นราวกับรู้ความคิดของผม ทำเอาผมสะดุ้งอีกครั้ง อยู่กับไข่ต้องระวังกระทั่งความคิด เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น และภายภาคหน้าผมจะกล้ากินไข่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เจอแบบนี้

คืนนั้นผมนั่งสนทนากับไข่ ฟังดูแปลกๆพิลึก เอาเป็นว่าตัวเธอเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวเองเหมือนกันว่าเป็นไข่มาจากไหน มารู้ตัวก็อยู่บนรถขายไข่เสียแล้ว เธอสามารถอ่านใจของผมได้ในบางครั้ง นั่นทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาบ้าง เพราะการคิดว่าตัวเองมีคนอื่นมารู้ความคิดตลอดเวลาเป็นเรื่องที่ชวนให้อึดอัดใจแน่นอน

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไข่สาวก็โตขึ้นเรื่อยๆจนสัปดาห์ต่อมาเธอก็มีความยาวเกือบสองฟุต เราสนิทสนมพูดคุยอย่างเป็นกันเองมากขึ้น และผมเองก็เริ่มสนุกและสนใจติดใจในการพูดคุยกับไข่สาวโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายราวกับว่ากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปแล้ว มิตรภาพไร้ขอบเขตจริงๆ ไม่ละเว้นแม้กระทั่งไข่กับมนุษย์

ต่อมาผมเริ่มพบว่าไข่สาวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง รูปร่างของไข่เริ่มยืดยาวออกไป ผิวไข่ขาวนวลเนียนเริ่มแปรสภาพเป็นขาวใสเหมือนวุ้นและยังขยับไหวไปมาได้เหมือนมีชีวิต ความจริงเธอก็มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะพูดจะคุยกับผมได้อย่างไรแม้จะเป็นการพูดทางจิตก็ตาม

“คุณรังเกียจฉันไหมคะ..ที่ฉันเป็นแบบนี้”

เธอบอกกับผมอย่างกังวลใจเมื่อเธอมีสภาพเหมือนตัวอ่อนของแมลงลำตัวใสเป็นวุ้นเหมือนเจลนิ่มๆมีระยางค์ออกมาด้านข้างสามคู่ ซึ่งเธอสามารถใช้ในการเคลื่อนที่ไปมาในบ้านของผมได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่...ผมว่าคุณน่ารักดี”

ผมบอกกับเธอขณะเธอไต่ขึ้นมาบนตักในขณะผมนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ ตัวเธอนุ่มนิ่มอบอุ่นอย่างประหลาดและผมก็ชอบความรู้สึกแบบนี้

“นั่นรูปใครคะ”

เธอถามขึ้นเมื่อทำท่าเหมือนจะมองเห็นภาพถ่ายของคนรักเก่าของผมซึ่งวางอยู่บนทีวี

“แฟนเก่าของผมเองล่ะครับ”

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนคะ”

“เธอไม่อยู่กับพวกเราแล้วล่ะครับ” ผมตอบเสียงเรียบๆ แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บวูบขึ้นมากับความทรงจำเก่าๆซึ่งกลายเป็นเพียงภาพเงาของอดีต

“เธอไม่หายใจแล้ว...”

“ครับ”

“คุณคงคิดถึงเธอ”

น้ำเสียงนั้นมีแววเห็นใจ ผมฝืนยิ้มพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร เธอทำเสียงเหมือนจะรับรู้และเงียบหายไปพักหนึ่ง แต่ต่อมาร่างกายของเธอก็เปลี่ยนไปทีละน้อยแล้วกลับกลายเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ผมแสนคุ้นเคยมานอนอยู่บนตักของผมราวกับมนตร์มายา

ผมตกตะลึง

นั่นคือคนรักเก่าของผมที่ตายจากไปนานแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งรูปร่างหน้าตาท่าทางแบบนี้จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ วูบนั้นผมรู้สึกตัวเย็นเฉียบ ไม่ใช่เพราะความกลัว ผมจะไม่มีวันกลัวคนที่ผมรัก ไม่ว่าเธอจะอยู่หรือตาย แต่ผมแปลกใจและไม่คาดฝันกับเหตุการณ์แบบนี้ต่างหาก

ผมลองจับใบหน้าของเธอดู สัมผัสแบบนี้ กลิ่นกายสีหน้าแววตาแบบนี้เป็นคนรักเก่าของผมอย่างแน่ชัด แต่ผมรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

“คุณทำอะไร.....”

ผมถามเสียงแหบพร่าและสะท้านไปด้วยความรู้สึก และเสียงที่ตอบมาก็เป็นเสียงของเธออย่างไม่ต้องสงสัย

“ฉันเพียงแต่อยากช่วยให้คุณเจอเธอ...”

ผมพยายามสงบจิตใจอันพลุ่งพล่านลงอย่างยากลำบาก ฝืนยิ้มพลางพูดแผ่วเบาว่า

“ขอบคุณครับ แต่นี่เป็นเงาของเธอเท่านั้น ไม่ใช่เธอจริงๆ”

“เธอจริงๆก็อยู่ภายในใจของคุณแล้วนี่คะ มันจะต่างกันตรงไหน”

เธอพูดถูก

ตัวตนจิตใจที่แท้จริงของคนที่เรารักจะอยู่ในหัวใจในความรู้สึกนึกคิดของเรานานเท่านาน แม้บางครั้งเลือนรางแต่ไม่จางหาย เพียงรอวันเวลาอันเหมาะสมเท่านั้นก็จะกลับมาสว่างกระจ่างชัด

“ฉันขออยู่ในร่างนี้ในสายตาและความรู้สึกของคุณได้ไหมคะ” เธออ้อนวอน

“เอ่อ....ผม”

“นะคะ...ฉันจะอยู่ในระยะนี้ไม่นานก็จะแปรสภาพแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการและเต็มใจฉันก็จะสามารถอยู่ไปแบบนี้ได้อีกนาน ขึ้นอยู่กับคุณ ฉันเพียงต้องการเรียนรู้รับรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอคนนี้ ฉันอยากรู้สึกอยากรู้จักกับความรักในแบบฉบับของพวกคุณ..นะคะ”

ผมถอนใจการเห็นเงาของคนรักทำให้รู้สึกเจ็บลึกแต่ในอีกด้านหนึ่งก็รู้สึกมีความสุขและดีใจเมื่อได้เห็นเงาแห่งความทรงจำอีกครั้ง คงเหมือนคนบางคนซึ่งยอมเก็บภาพคนที่รักเอาไว้แม้รู้ว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสเจอะเจอใกล้ชิดก็ตาม

“ก็ได้ครับ...”

ผมตัดสินใจให้เธออยู่ในร่างของคนรักเก่าได้ ดูเธอมีสีหน้าท่าทางสดชื่นดีใจขึ้นมาทันที รอยยิ้มและประกายตาวับวาวพราวพรายแบบนั้นก็เป็นประกายตาของเธอชัดๆ

“ขอบคุณค่ะ”

ว่าพลางเธอก็ลุกขึ้นกระโดดกอดคอผมทำเอาผมใจเต้นระทึก นี่ไม่ใช่เธอ...นี่ไม่ใช่เธอ..แต่ ใช่..ใช่ แบบนี้เธอชัดๆๆ แต่ไม่...แต่ว่าใช่ กลิ่นกายหอมๆและลมหายใจแบบนี้...ความรู้สึกสับสนปนเปประดังจนทำอะไรไม่ถูก ผมเริ่มกลัวตัวเอง กลัวที่จะหลงไปกับเงาของความทรงจำ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สัมผัสได้ทางกายภาพก็เป็นเธอคนนั้นชัดๆ ไม่มีอะไรผิดแผกแตกต่างเลยแม้แต่น้อย

“ที่รัก....”

ผมเผลอเรียกเธออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยความรู้สึกราวกับกำลังเรียกหาเธอผู้จากไปนานแล้วทว่ากลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

“คะ...”

เธอเลิกคิ้วทำหน้ายิ้มๆ แบบนี้ก็เป็นบุคลิกภาพส่วนตัวที่ผมคุ้นเคยเหลือเกิน ผมซบหน้าลงกับฝ่ามือพยายามตั้งสติพักหนึ่งจึงลดมือลงหันไปยิ้มให้เธอบอกว่า

“ลองทำตาเขให้ผมดูสิครับ”

ผมบอกเธอเช่นนั้นเพราะมีแต่เราที่รู้กันว่าเวลาเธอแกล้งทำตาเขจะดูน่ารักขนาดไหน และผมจะขอร้องให้เธอทำให้ดูบ่อยๆ

เธอยิ้มและทำตาเขให้ดูทันที ผมอ้าปากค้าง นั่นเธอชัดๆ ไม่มีใครจะสามารถทำตาเขได้น่ารักเท่าเธออีกแล้วในโลกนี้

“คุณจริงๆ..” ผมพึมพำอย่างเหม่อลอย

“ใช่สิคะ.....ก็ฉันเอง จะเป็นใครคนอื่นไปได้”
เธอยิ้มและหัวเราะในแบบที่แสนคุ้นเคยอีกแล้ว ผมรู้สึกทั้งดีใจ ประหลาดใจและสับสน

“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ผมหาทางออกไปตั้งหลักกับความคิดของตัวเอง

“ค่ะ...ฉันจะทำอาหารไว้รอคุณนะคะ”

“เฮ้ย...”
คราวนี้ผมร้องเสียงหลง

“คุณเป็นไข่ แล้ว ทำอาหารเป็นหรือครับ”

เธอยิ้มจนดวงตาเป็นประกายอีกแล้ว มองแล้วทำให้ใจสั่นขึ้นมา จนอยากกระโดดกอดให้รู้แล้วรู้รอด

“ทำไมจะไม่เป็นล่ะคะ...ก็ฉันเคยทำให้คุณทานบ่อยไปเมื่อหลายปีก่อน จำไม่ได้หรือคะ...”

ทำไมผมจะจำไม่ได้...ที่รัก ผมไม่เคยลืมอะไรที่เกี่ยวกับตัวของคุณเลย แต่นี่ไม่ใช่คุณ...แต่ว่าดูแล้วก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้นอกจากคุณ...ผมคร่ำครวญในใจและรีบเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะคิดอะไรฟุ้งซ่านสับสนมากกว่านั้น
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน จู่ๆ คนรักเก่าที่ตายไปแล้วก็กลับเข้ามาอยู่กับผม ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์เหมือนกันทุกอย่างเท่านั้น ฝีมือทำกับข้าว นิสัยใจคอ รายละเอียดต่างๆก็ถอดมาจากพิมพ์เดียวกันโดยไม่มีผิดเพี้ยน แบบนี้จะไม่ทำให้ผมสับสนได้อย่างไร แต่ผมก็ยอมรับว่าผมมีความสุขแม้จะมีความขัดแย้งอยู่ภายในใจก็ตาม

ช่วงดึกของวันนั้น หลังจากนั่งคุยกับเธอจนดึกดื่น ผมขอตัวเข้านอน โดยลืมนึกไปว่า “เธอ” ควรจะนอนที่ไหนอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเธอเป็นไข่ หรือเป็นตัวอ่อน นอนอยู่บนโซฟาห้องรับแขกทุกคืน แต่วันนี้เธอเดินตามผมมาในห้องนอน ผมหันหน้าไปมองอย่างสงสัย เธอทำหน้าอ้อนวอนแถมยังพูดอย่างต่อว่า

“คุณจะให้ฉันนอนห้องรับแขกแบบนี้หรือคะ”

ผมอึกอัก พูดอะไรไม่ถูก ผู้หญิงซึ่งอยู่ข้างหน้าตอนนี้รูปลักษณ์และความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนรักของผมอย่างเหลือเกิน

ผมส่ายหน้า ถอนใจ แต่ในที่สุดก็เอ่ยปากอนุญาตอย่างลำบากใจ

“ได้ครับ...แต่คุณห้ามแตะเนื้อต้องตัวผมเด็ดขาด”

เธอฟังแล้วหัวเราะเสียงใสขึ้นมาทันที

“ได้ค่ะ..คุณจะเอาหมอนข้างมากั้นไว้ก็ได้ รับรองว่าฉันจะไม่ข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาเหนือไปหรอกค่ะ”

คืนนั้นไม่มีใครข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ และผมก็หลับสบายทั้งคืน

++++

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 17:34:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com