Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 30 - ดวงใจที่สื่อถึง (จบภาค) ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9875051/W9875051.html
15
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9892519/W9892519.html
16
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9907488/W9907488.html
17
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9916888/W9916888.html
18
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9927562/W9927562.html
19
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/11/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html
21
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10002038/W10002038.html
22
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10021934/W10021934.html
23
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10051706/W10051706.html
24
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10085054/W10085054.html
25
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10107249/W10107249.html
26
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10121033/W10121033.html
27
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10132938/W10132938.html
28
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10149703/W10149703.html
29
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10166956/W10166956.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne กับคุณ นาเรเซรัน สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ก็คิดว่าพ่อลูกตบกันครั้งนี้ได้ผลแบบ win-win ทั้งคู่แหละฮะ ^^a

น้องแตม - มาทีจุใจเลย ^^

(บทที่ 14) แหะๆ หลังๆ พี่ก็มารู้ตัวว่าต่อให้เขียนเรื่องเบาๆ ก็ยังอดกัดอะไรบางอย่างไม่ได้อยู่ดี ส่วนเรื่องภาษาที่ทักมา จะเก็บไปรีไรท์ให้กระชับขึ้นฮะ :)

(บทที่ 18) เรื่องนั้นในที่สุดก็คลี่คลายลงด้วยดีแหละนะ ถึงดาร์คอาเมียร์จะซ่าส์ไป (ไม่) หน่อยก็เถอะ ^^a

(บทที่ 22) ดูลัสเองก็มีปมในใจที่ใหญ่และซับซ้อนอยู่แหละนะ โดยเฉพาะเรื่องที่เห็นตำตาว่าแอชมีใจให้อาเมียร์ เลยกู่ไม่กลับซะแล้ว...

(บทที่ 29) HBD จ้ะ ขอให้มีความสุขมากๆ นะ :)

เรื่องทำความเข้าใจ พี่คิดว่าคงต้องใช้เวลาแหละนะ ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ว่าอาเมียร์จะเป็นลูกของใคร ในเรื่องของจิตใจก็คงเคารพทั้งเนมอสกับดอร์มินเหมือนพ่อทั้งคู่แหละนะ

ฉากฐานในใจ ตอนนั้นนึกถึงฉากแนวๆ ในผู้เสกทรายของพี่ปันแฮะ (คาซีในหอแห่งปัญญา) แต่อันนี้คงหม่นๆ แบบปนสีฉูดฉาดอย่าง The Cell ด้วย ^^a

ภาคหน้าดราม่าและสงครามกันยาวนานแน่นอน (ฮา) เตรียมเรื่องไว้ทรมานตัวละครในสต็อคกันอย่างหนุกหนานทีเดียว -w-

คุณน้ำตาล - จะรอพี่วัวกับอัลเธียนะครับ ไม่ว่าจะเขียนเรื่องไหนก็ขอให้สู้ๆ นะครับ :)


* * * * *


บทที่ ๓๐
ดวงใจที่สื่อถึง


“ท่านมีอะไรจะพูดกับข้าหรือ” อาเมียร์เอ่ยถาม ขณะตามท่านอาออกมายังสวนหลังบ้าน ใต้ฟ้ายามค่ำหลังมื้ออาหารเย็น

ชายหนุ่มคาดเดาไว้ว่าคงเป็นคำตักเตือนหรือสั่งสอน ทำนอง “ทำไมลืมพื้นฐาน” “ทำไมใช้วิธีเสี่ยงตายอย่างนั้น” ...แต่ถ้อยคำที่ตามมาผิดความคาดหมายทั้งมวล

“เจ้าสู้ได้ดี”

...หา?...

อีกฝ่ายเอนหลังพิงรั้วไม้แข็งแรง ใช้มือขวายันไว้อีกข้าง ไม่ได้หันมามองเขา

“ดีอย่างไร” อาเมียร์อดถามไม่ได้ “ท่านคาดหวังว่าข้าจะแพ้งั้นหรือ”

ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็ชะงักไป ...เขาไม่ได้ตั้งใจกล่าวหาอย่างนั้น

...แต่ไม่จริงหรือ ท่านอาเก่งกาจเพียงนี้ กระทั่งนักรบหน่วยเรเวนห้าคนก็ยังเอาชนะได้ด้วยมือเปล่า ขณะที่ตัวเขามีดาบอยู่ในมือ กลับล้มพวกนั้นลงไม่ได้เลยสักคน ทำได้เพียงปล่อยให้แอชถูกจับตัวไปต่อหน้าต่อตา...

...คนระดับท่านอา คนที่ยืนอยู่บนยอดเขา ไม่มีสิทธิ์คิดอย่างนั้นกับคนที่ได้แต่พยายามปีนป่ายอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเขาหรือ...

หากไม่ใช้กลโกง หรือยอมเสี่ยงเข้าแลก อาเมียร์ยังจะเอาชนะมาได้อย่างไร

“ข้าไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองคาดหวังอะไร” คู่สนทนาเอ่ยช้าๆ “หากเจ้าจะหาว่าข้าออมมือให้ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้ ที่จริง ถึงปากบอกว่าจะทดสอบเจ้าด้วยการสู้กันเหมือนอยู่ในสนามรบ ข้าก็ตั้งใจไว้แล้ว ว่าไม่ว่าเจ้าจะชนะหรือแพ้ ข้าก็จะอยู่ช่วยเจ้ากับธีร์ดีเร ...สิ่งที่ข้าต้องการพิสูจน์ คือเจ้าตั้งใจจะทำเรื่องนี้จริงๆ และสู้ให้เต็มที่เท่านั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชัยชนะในสนามรบจะพิสูจน์ได้”

ชายหนุ่มกำมือแน่น บังคับตนเองไม่ให้กระทบกระเทียบ ว่าต่อให้เขาแพ้คาดาบแรก ท่านอาก็คงจะยังบอกว่าเขาชนะ ...ใช่ เขาเองก็รู้ว่าตนทุ่มเทความตั้งใจจริงและความพยายามจนสุดตัว ไม่ได้กล่าวอ้างเพื่อโอ้อวด แต่นั่นเป็นสิ่งที่วัดได้หรือ ว่าสิ่งที่เขาต้องการทำจะสำเร็จ ว่าเขามีความสามารถพอที่จะฟันฝ่าไปถึงการนั้น

อาเมียร์ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ แล้วก็แอบถอนใจ ...ขุ่นเคืองอย่างแทบไม่อาจอธิบาย ทั้งๆ ที่เข้าใจดีว่าความพยายามสุดชีวิต ไม่ได้รับประกันว่าตนจะประสบความสำเร็จในเรื่องใดได้เลยแท้ๆ

ข้าต้องการอะไรจากท่านอากันนะ

ชายหนุ่มถามตนเอง เมื่อก่อนเขาอยากให้ท่านอาใช้ความสามารถของท่านช่วยยาร์ลาธและธีร์ดีเร ไม่สิ ที่สำคัญคือช่วยปกป้องผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย บรรเทาผู้ถูกกดขี่ข่มเหงทั้งหลาย แต่ตอนตั้งใจว่าจะช่วยแอชก็กลับคิดอีกทางไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่ให้ท่านต้องมายุ่งเกี่ยวและลำบากด้วยอีก

แค่พวกเรเวนคุกคามครอบครัวของเขาครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

“และเจ้าก็ชนะข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ชนะอย่างขาวสะอาดที่สุด”

คำพูดกะทันหัน ฉุดอาเมียร์ขึ้นจากห้วงความคิด

“...หมายความว่ายังไง”

อดีตนักรบเหลือบมาทางเขา ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

“การเอาชัยชนะ ไม่ใช่ทำได้ด้วยกำลังอย่างเดียว และต่อให้ชนะได้ด้วยกำลัง ก็ไม่ใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่หรือยั่งยืนเท่ากับการเอาชนะใจคนได้หรอก”

คงเพราะชายหนุ่มยังนิ่งงันอยู่ อีกฝ่ายจึงได้ขยายความ

“ข้าตัดสินใจช่วยเจ้าเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูด ที่ว่าข้าไม่ควรนิ่งดูดาย มีขยะกองอยู่ในบ้านก็ต้องเก็บกวาด...เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ”

“อา...” อาเมียร์เพิ่งนึกได้ “แต่...ท่านบอกว่าจะอยู่เพราะเป็นห่วงข้า...”

“คนเราจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร มีได้แค่เหตุผลเดียวรึ จะมีสักกี่เหตุผล หรือไม่มีเหตุผลเลย มันก็คือการตัดสินใจของตัวเองเหมือนกัน” ท่านอาหันกลับไป “ก็เหมือนกับเจ้า อยากช่วยธีร์ดีเร อยากช่วยเจ้าหญิง อยากช่วยผู้คน นั่นหลายเหตุผล หรือว่าเป็นเหตุผลเดียวกันล่ะ”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มยักไหล่ “แต่ก็อย่างที่ท่านบอก ถึงอย่างไรมันก็คือการตัดสินใจของข้าเอง”

“และข้าก็ดีใจ...ที่เจ้าต้องการทำเพื่อเด็กคนนั้น”

เป็นครั้งแรก...ที่อาเมียร์ได้ยินซิอ์บุลพูดถึงแอชอย่างนี้

“นางทำเพื่อช่วยเจ้าถึงขนาดนี้ และเจ้าก็รู้เรื่องของนางมากขนาดนี้แล้ว หากนิ่งดูดายต่างหาก ข้าถึงจะยิ่งผิดหวัง...เด็กคนนั้นไม่ควรถูกทิ้งไว้กับเรื่องทั้งหมดนี้ และนางก็คือผู้ที่สมควรปกครองอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพราะมีสายเลือดราชวงศ์ แต่เพราะนางมีความกล้าหาญ และความสามารถที่จะนำทางอาณาจักรนี้ด้วยตนเองได้แน่นอน” ชายวัยกลางคนเอ่ยต่อไป “เจ้ารักนาง...ข้ารู้ มาลิอาบอกแล้ว ข้าจะไม่บอกว่าเจ้ากับนางควรทำอย่างไรต่อไป กับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองกำลัง หรือความรับผิดชอบของข้า แต่อยากทำสิ่งใดเพื่อนาง ก็ทำให้เต็มที่เถอะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง”

บางทีท่านอาคงนึกไปถึงเรื่องนั้น...เรื่องของเสด็จแม่กับเสด็จพ่อ ซึ่งท่านไม่อาจแก้ไขได้

แต่ก็คงจะมีเรื่องอื่นๆ อีกมากด้วยกระมัง

“ไม่ต้องห่วงหรอก” สุดท้าย ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเอ่ย “ข้าเองก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”

ต่อจากนั้นคือความเงียบ กระทั่งได้ยินเสียงใบไม้ไหวเบาๆ ในสายลม

อาเมียร์นึกถึงเรื่องที่จะพูดกับท่าน...แต่ก็ยังไม่อาจนึกเรื่องใดเช่นเคย กลับเป็นท่านอาที่เริ่มต้นอีกครั้ง

“แล้วอย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงชีวิตแบบวันนี้อีก ต่อให้มีคัมภีร์คอยป้องกันอยู่”

“หือม์?” ชายหนุ่มรับอย่างสงสัยในครั้งนี้ “ป้องกัน...ตอนไหน ข้าจำได้ว่าไม่ได้ใช้อำนาจของคัมภีร์เลยนี่”

อดีตนักรบหันกลับมา

“หมายความว่าเจ้าไม่รู้ตัวหรอกหรือ”

อาเมียร์สั่นศีรษะ

อีกฝ่ายท่าทางจะอยากถอนใจ

“ดาบสุดท้าย” ชายผู้มากวัยกว่าเอ่ยช้าๆ “...ข้ารั้งไว้ไม่ทันจริงๆ”

ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้น

เขารู้ความร้ายแรงของสิ่งที่ท่านอาต้องการสื่อดี กระทั่งเป็นดาบมีฝัก...ตีเข้าเต็มแรงอย่างนั้น ซี่โครงของเขาก็อาจเดาะหรือถึงแก่หักได้ง่ายๆ เช่นกัน

ใช่ว่าอาเมียร์ไม่เคยคาดคิดว่าตนต้องบาดเจ็บ แต่ครั้นรู้ว่าเพิ่งรอดพ้นจากการบาดเจ็บหนักขนาดนั้นมาได้อย่างฉิวเฉียด...ก็ให้รู้สึกโชคดีประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

“เอาเถอะ คัมภีร์เป็นสิทธิ์ของเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ดีเกินกว่าจะต้องให้ข้าบอก ว่าควรใช้มันอย่างไร ที่จริงข้าดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่มีมันคุ้มครองเจ้าตลอดมา”

“นึกว่าท่านจะหาว่าข้าโกงเสียอีก ที่มีโล่ล่องหนไว้คุ้มกันตัว”

“หึ” ซิอ์บุลกลับหัวเราะ “ก็พอๆ กับที่เจ้าคงหาว่าข้าโกง ที่มีฝีมือเหนือกว่าเพราะประสบการณ์ผิดกันกระมัง”

“...ก็จริง” ชายหนุ่มรับ

“แต่บอกตามตรง บางครั้งข้าก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน ว่าฝีมือการต่อสู้ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ และก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ข้ามีความสุขเลยด้วยซ้ำ” เสียงของชายผู้มากวัยกว่าเรียบเรื่อย “ทีแรกที่ข้าฝึกวิชาต่อสู้เป็นเรื่องเป็นราว ก็แค่เพราะอยากทำเพื่อคนที่ตัวเองรักเท่านั้นเอง”

“...ยังไง”

ผู้ที่อาจเป็นบิดาพูด และผู้ที่อาจเป็นบุตรชายฟัง

อาเมียร์ไม่รู้ว่านานเท่าใด แต่สุดท้ายเขาก็มายืนพิงรั้วอยู่ข้างอีกฝ่าย ลมราตรีเย็นเสียจนต้องกอดอก แต่ความหนาวก็หาได้ทำให้รำคาญแต่ประการใด ในเมื่อใจไปจดจ่อเสียกับเรื่องที่คู่สนทนาเล่า

อาจเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเพิ่งตระหนัก...แม้หลังจากเคยรับรู้ชีวิตของคนอื่นผ่านอำนาจเวทมนตร์มาแล้ว...ว่าแม่ ท่านอา กับเสด็จพ่อยังมีหลายๆ ด้านของชีวิตที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเช่นกัน และพวกท่านก็อาจจะไม่กล้าเล่าให้เขาฟังมาก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุประการต่างๆ

ใช่...เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านอามีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก หรือแม่ของท่านเสียไปก่อนเวลาอันควรอย่างไร ไม่เคยรู้เลยว่าท่านอาพบเสด็จพ่อ ผูกมิตรเป็นสหายกัน และมีความทรงจำที่ดีต่อกันอย่างไร

อาเมียร์อดถามไม่ได้...เวลานี้ท่านไม่โกรธแค้นเสด็จพ่อแล้วหรือ และกับคำถามนั้น...ท่านอาก็บอกว่าอีกฝ่ายสำนึกผิด และได้ไถ่โทษอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งเวลานับพันปีที่ผ่านมาก็ยาวนานเกินกว่าจะถือโทษโกรธแค้นกันไม่ใช่หรือ

เขายังได้รู้ว่าท่านอาอ้างว้างอย่างไร...ในเวลาที่ถูกพรากจากแม่ ในเวลาที่ท่านตัวคนเดียวแบกรับทุกสิ่ง...หลังการระเบิดพลังของเขา และอาการของแม่ซึ่งทำให้พวกเขาต้องอาศัยเวทกักขังกาลเวลานานนับเพื่อแก้ไข

และก็คงเพราะได้รู้ในคืนนี้กระมัง ผลแพ้ชนะในเวลาชั่วครู่สั้นๆ จึงไม่มีความสำคัญอย่างใดต่อไป ราวกับเพียงใบหญ้าที่ปลิดปลิวในกระแสลม ผ่านพ้นและอันตรธาน

ก็เพียงเท่านั้นเอง

คงเกือบเที่ยงคืนแล้วกระมัง...ที่แม่ถือตะเกียงออกมาถามว่าทั้งสองยังไม่เข้านอนกันหรือ อาเมียร์ปล่อยให้ท่านอาตอบรับว่าสักครู่จะตามไป ดูเหมือนแม่จะบ่นกึ่งพูดเล่นเล็กน้อยว่าทำราวกับสองหนุ่มหลงเสน่ห์นั่งนับดาวเดือน รอมาลิอากลับมา ดูเหมือนจะคาดหวังว่าคืนนี้แม่มดดำเองก็คงหายแล้วหายลับอย่างพิกล

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะเก่งขึ้นได้อีกมาก เก่งจนเป็นเลิศในทางหนึ่ง...ไม่สิ...หลายๆ ทาง อาจไม่ใช่ในทางเดียวกับข้า แต่ก็ยังเป็นทางที่ยิ่งใหญ่เสียจนข้าเทียบไม่ติด” ท่านอาแหงนมองฟ้า เอ่ยอีกสักเล็กน้อย หลังบอกว่าควรรีบกลับเข้าร่มได้แล้ว หากไม่อยากเป็นหวัด “ขอเพียงเจ้าระลึกไว้เสมอ ว่ากำลังสู้เพื่อสิ่งใด...หรือใครเท่านั้นเอง”

“ฮื่อ” อาเมียร์พยักหน้ารับ ก่อนจะยันร่างขึ้นจากรั้ว

...เพียงเพื่อพบความอบอุ่นห้อมล้อมกายโดยไม่คาดฝัน

“...ท่าน...” ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อชายผู้มากวัยกว่าสวมกอดเขาไว้ ไม่ได้รัดแน่น...แต่ก็ไม่คุ้นชิน

ท่านอาไม่เคยกอดเขาอีกเลย...ตั้งแต่วันที่อาณาจักรล่มสลาย วันที่คนสามคน แขนห้าข้าง สวมกอดกันแน่นพลางร่ำไห้ด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งเจ็บปวด โศกเศร้า...แต่ขณะเดียวกันก็ยังโล่งใจที่มีกันและกัน

ก็คงเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่าตนเป็นเด็กกระมัง

แต่ถึงอย่างไร อาเมียร์ก็ตระหนักว่าตนยังเป็นเด็กอยู่มาก ...ไม่จริงหรือ ต่อให้มีอายุที่แท้จริงนับพันๆ ปี ก็ยังตั้งคำถามแบบเด็กๆ น้อยใจแบบเด็กๆ และโกรธด้วยความที่เป็นเด็ก มองแต่ในมุมของตัวเช่นนั้นเอง

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อายุน้อยกว่าท่านอยู่ดีไม่ใช่หรือ

ชายหนุ่มตัดสินใจกอดตอบเบาๆ ...กระทั่งได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู

“เจ้า...เป็นลูกชายที่พ่อรักและภูมิใจเสมอนะ อาเมียร์”

อาเมียร์หลับตาลง ระบายลมหายใจยาวนาน

...และตอบออกไป

“ข้าก็รักและภูมิใจในตัวท่านเช่นกันขอรับ...ท่านพ่อ”

เป็นครั้งแรก ที่สามารถเอ่ยคำว่า “ท่านพ่อ” กับชายตรงหน้า ด้วยความรู้สึกที่ควรมอบให้แก่คำคำนั้นอย่างแท้จริง ...ไม่ว่าเลือดในกายของเขาครึ่งหนึ่งจะเป็นของอีกฝ่ายหรือไม่ก็ตาม


* * * * *


“แน่ใจนะ ว่าข้าไม่ต้องไปด้วย”

เป็นคำถามจากชายคนหนึ่ง ถึงชายอีกคนบนเส้นทางลงสู่ใต้ดิน

“ยิ่งกว่าแน่ใจ”

ชายหนุ่มผมแดงผู้ถือไต้กลอกตากับคำตอบไร้เยื่อใย

“จะไปหาสาวเลยลืมเพื่อนชัดๆ”

“ใครสาวใครเพื่อน เจ้าพูดให้มันดีๆ” ชายผมดำผู้สวมผ้าคลุมอย่างนักเดินทางเอ่ยเสียงแข็ง พร้อมกับตรวจสัมภาระเล็กน้อยที่มีติดตัว

“ก็รู้ๆ กันอยู่” รูอาร์คยักไหล่ “อย่าหาว่างั้นงี้เลย ข้ากลัวเจ้าหลงทาง จนบริจาคร่างให้หนูท่ออิ่มหนำกันอยู่ในนี้นั่นหรอก”

“ข้าว่าความจำข้าแม่นกว่าเจ้าเยอะนะ อย่างเรื่องที่ลีชาพูดกับเจ้าเมื่อสี่วันก่อน หรือเรื่องที่มาลิอา—”

“โอย...” อีกฝ่ายทำเป็นครางพลางกุมหัวใจ “ซึ้งแล้วขอรับ จะไม่สงสัยคนความจำดีอีกแล้วขอรับ”

“ฝากดูแลคนที่บ้านข้าด้วย” อาเมียร์เห็นควรพูดจริงจัง (เสียที) “แล้วก็อย่าทำอะไรให้ท่านเบเรคเป็นห่วง ต่อให้มีข่าวว่าข้าถูกจับก็ห้ามไปช่วยเด็ดขาด เจ้ากับใครก็ตามที่ยาร์ลาธจะติดร่างแหไปด้วยไม่ได้”

“...เล่นพูดแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงเล่า” รูอาร์คขมวดคิ้วทันควัน “เจ้ามั่นใจอะไรนัก ถึงได้คิดจะไปฉายเดี่ยวกลางถิ่นศัตรู มีแผนการอะไรรึ...นอกจากวิ่งเข้าไปค้านพิธีแต่งงาน พลางยืดอกตัวเองรับหอกเล่นๆ”

เจ้ามณฑลยาร์ลาธก็กังวลอย่างนั้นเช่นกัน ท่านไม่เข้าใจว่าคนทรายตัวคนเดียวจะสามารถลักลอบเข้าไปในพระราชวังใกล้เวลาอภิเษก...ซึ่งย่อมต้องมีเวรยามหนาแน่นขึ้นไปด้วย และพาตัวเจ้าหญิงพระองค์เดียวแห่งธีร์ดีเรรอนแรมข้ามมณฑลออกมาได้อย่างไร แต่ก็เข้าใจความแรงร้ายของสถานการณ์ในกรณีที่คนของยาร์ลาธถูกซัดทอดว่ามีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี...โดยเฉพาะเมื่อพรรคพวกของรองเจ้ามณฑลการ์วอนจับตามองอยู่

“เอาเป็นว่าข้ามีวิธีของข้าก็แล้วกัน” ชายผมดำกลับยิ้มน้อยๆ และเอ่ยพร้อมดวงตาที่เป็นประกายแฝงนัย “ไว้รอดกลับมา...จะเฉลยให้เจ้าฟังก็ได้”

“เหอะ งั้นข้าจะรอฟังเรื่องสนุกๆ พาเจ้าหญิงเปี๊ยกกลับมาให้ได้ล่ะ” รูอาร์คจับมือเขาบีบแน่น “ถ้าเป็นไปได้ ก็ฝากถีบหน้าไอ้ดูลัสให้เสียโฉมหมดหล่อ โดนตัดสิทธิ์พระคู่หมั้นด้วยยิ่งดี”

“ข้าต้องพาแอชกลับมาได้แน่” อาเมียร์รับ “เตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับนางไว้ล่ะ”

“งานแต่งเสียเลยเป็นไง”

“เอางานแต่งของเจ้ากับลีชาให้รอดเสียก่อนเถอะ”

“...ชะ”

เจ้าชายแห่งความมืดหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะปล่อยมือจากเพื่อนตาย แล้วตบไหล่กระรอกตัวยุ่งเบาๆ

“รักษาตัวด้วย”

เพียงเท่านั้น เขาก็ใช้มือขวาแตะผนังอุโมงค์ใต้ดินเป็นหลักบอกทาง ต่างฝ่ายเดินจากไป...พร้อมกับแสงไต้ที่ลับหาย และเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาลงทุกที

อุโมงค์จากใต้จวนเจ้าเมืองยาร์ลาธมีช่องทางนำไปถึงอ่าวเล็กๆ ซึ่งไม่ไกลจากเคนมารานัก เป็นทางหนีทีไล่ที่เจ้าของจวนทำไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้หลบหนีไปขึ้นเรือได้สะดวก

ทว่าในวันนี้ มันไม่ได้ถูกใช้เพื่อการหลบหนี...แต่เป็นการ ‘แทรกซึม’

กระทั่งการเดินทางออกจากเมืองหรือมณฑล อาเมียร์ยังต้องทำให้รัดกุมที่สุด เขาไม่แน่ใจว่าในยาร์ลาธยังมีสายลับของมณฑลอุลทูร์ หรือพวกของรองเจ้ามณฑลจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่หรือไม่ เมื่อใดที่ชายหนุ่มออกเดินทาง พวกนั้นอาจส่งข่าวไปให้ทางมณฑลหลวงเพิ่มมาตรการการป้องกันขึ้น ยิ่งหากท่านเบเรครับรู้การเดินทางของเขา...พวกนั้นก็ย่อมคิดเชื่อมโยงกันได้ไม่ยาก ชายหนุ่มจึงต้องเดินทางมายังจวนของเจ้ามณฑลอย่างลับที่สุด และออกไปจากมณฑลอย่างลับที่สุดเช่นกัน

เมื่อได้รู้ว่ามีทางลับใต้ดินจากจวนไปถึงอ่าวนั้น อาเมียร์ก็ได้ความคิด ท่านเบเรคกับรูอาร์คเข้าใจกันว่าเขาจะเดินทางไปยังอ่าว เพื่อหาทางเข้านิคมชาวประมงแถบนั้น และขอติดเรือไปยังมณฑลหลวง จากนั้นจึงค่อยหาทางไปจนถึงเมอร์คาห์

ท่านเบเรคไม่วายติง ว่าพวกชาวประมงอาจเห็นผิดสังเกตที่เขาเป็นคนต่างชาติ หรือเคยเห็นหน้าของเขาในประกาศจับมาก่อน แต่เมื่ออาเมียร์ ‘ปลอมตัว’ เป็นพวกพ่อค้าเร่ขายเครื่องมือเหล็กเล็กๆ น้อยๆ จำพวกตะปู เข็มหมุด หรือเข็มกลัดมาถึงหน้าจวนให้ท่านดู อีกฝ่ายก็จำต้องยอมรับว่าจำเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และยอมตามแผนการนั้น

ในขณะเดียวกัน อาเมียร์ก็ขอความช่วยเหลือจากมาลิอาในบางเรื่อง ก่อนจะรายงานต่อท่านเบเรคว่าพบคนทรายที่สามารถ ‘ปลอมตัว’ และ ‘อยู่เป็นตัวแทนของเขา’ ที่บ้านเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตได้ ...ทุกสิ่งคงดูลงตัวเหมาะเจาะกันไปสักหน่อย แต่เจ้ามณฑลก็ไม่ได้ตั้งคำถามมากนัก

ชายหนุ่มยอมรับว่าตนเองอาจจะพึ่งพาเวทมนตร์มากเกินไป แต่ในระยะเวลาที่เหลืออยู่เพียงเกือบสองเดือนก่อนพิธีอภิเษกในกลางฤดูร้อน ก็มีแต่ต้องฝึกฝนใช้ความสามารถที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์เต็มที่ ก่อนออกเดินทางในวันนี้เอง เมื่อเข้าสัปดาห์สุดท้ายก่อนพิธี

อาเมียร์วางมือลงบนผนังหินเย็นชื้น นึกถึงเส้นทางแผนที่ซึ่งท่านเบเรคให้เขาจำไว้ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลำบากนัก ท่ามกลางความมืดมิด...ซึ่งนัยน์ตาที่กลายเป็นสีทองยามใช้มนตร์สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ประหนึ่งสัตว์กลางคืน

แอช...รอข้าสักหน่อยนะ


* * * * *

แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 02:45:30

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 02:44:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com