รวมเรื่องสั้นวันจากลา เรื่องที่ 1 ถนนเส้นนี้คือทางกลับบ้าน
|
|
น้ำตาไหลรดสองข้างแก้ม ฉันรีบเช็ดมันออกจากตาเพราะกลัวคนที่นั่งข้าง ๆ จะสังเกตเห็น ขณะนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็น ฉันกำลังโดยสารอยู่บนรถบัส 32 ที่นั่งเพื่อกลับบ้านเกิด บรรยากาศรอบ ๆ กำลังทุกคนกำลังหลับไหลเนื่องจากรถวิ่งมาได้ 3 ชั่วโมงเข้านี่แล้ว โชคดีที่ได้ที่นั่งติดหน้าต่างมันช่วยแก้เบื่อได้มาก เพราะหลังจากตื่นแล้วไม่รู้จะทำอะไรสิ่งที่ฉันชอบก็คือมองวิวสองข้างทาง หันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนค่อนไปทางแก่หน้าตาอิดโรยกร้านแดดนั่งสัปหงกตามแรงวิ่งของรถ ฉันนั่งคิดว่าเธอกำลังจะไปไหนนะ กลับบ้านเกิดเหมือนอย่างฉันหรือไปทำธุระที่ไหน เธอมีลูกหรือยังนะ ประมาณอายุขนาดนี้เธอน่าจะมีลูกได้แล้ว เพราะถ้ายังไม่มีก็เห็นจะแก่เกินไปซะแล้ว
เฮ้อ นั่งวิเคราะห์แต่เรื่องคนอื่นเรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย คิดแล้วก็น้ำตาจะไหล ทำไมชีวิตมันช่างเส็งเคร็งอย่างนี้นะ เมื่อเช้านี่เองฉันเพิ่งลาออกจากงาน งานที่ทนทำมาหลายปีเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ โดนเจ้านายโขกสับแทบจะทุก ๆวัน ไม่ได้ลาออกหรอกนะ โดนเขาไล่ออกต่างหากละ
กริ๊งงงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งเตือนเวลาเช็คงานดังขึ้นฉันรีบปิดมันก่อนที่จะรบกวนการนอนของคนอื่น ปิดซะ:-)เลยโทรศัพท์เฮงซวยทีนี้ชีวิตจะได้เป็นอิสระปลอดพันธะเสียที เบื่อเต็มทนแล้ว
เฮ้อ นี่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน คิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าแล้วก็หดหู่ ทำไปได้ยังไงวะฉัน เอามือจิกผมหัวหน้าแล้วเอากำปั้นทุบปากมันสามทีด้วยความคั่งแค้น เนื่องจากอยู่ ๆ ก็ด่าเราอย่างไม่มีเหตุผล ด่าเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองไปอย่างงั้น ที่จริงเจ๊ก็ด่าทุกวันนั่นแหละ แต่วันนี้โชคดีนาทีทองตรงที่ฉันเองเก็บอารมณ์ไม่อยู่ก็เลยโดนซะเต็ม ๆ หลังจากที่ฉันจินตนาการก่อนนอนทุกคืนว่าได้ต่อยยัยเจ๊นี่ ฝันเพิ่งมาเป็นจริงก็วันนี้ เป็นฝันที่ไม่อยากจะตื่นเลยจริง ๆ เพราะตื่นขึ้นมาเหมือนอยู่ในนรกชัด ๆ นังเจ้านายปากเน่าร้องออกมาไม่เป็นภาษาด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ไว้ซะฉันนี่นักมวยหญิงเก่า ถ้าโลกอยู่ในยุคหินแกจะต้องเป็นทาสฉันเพราะถ้าแกไม่ทำฉันจะซ้อมแกทุกวัน ยังไง ๆ แกก็สู้ฉันไม่ได้รู้ไว้ซะ เพราะฉันแข็งแรงกว่าแกเป็นไหน ๆ แกมันนังผู้ดีตีนแดง
คิดแล้วเสียดายเมื่อเช้าน่าจะพูดแบบนี้ให้นังนี่มันรู้ตัวไว้ซะบ้าง เสียดายจริงแต่ใครจะกล้าอยู่เดี๋ยวก็เอาตำรวจมาลากคอฉันเท่านั้นเอง พอต่อยได้สามทีก็รีบหนีความชุลมุนออกมาเลย คิดแล้วก็สะใจลูกน้องตั้งหลายคนแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ถ้าจะให้พูดจริง ๆ นะทุกคนคงอยากจะช่วยฉันมากกว่า แทบอยากจะปรบมือให้ตอนฉันเดินออกมาเชียวละ ถึงขนาดพี่คนนึงเดินมากระซิบว่าทำได้ดีมาก ฉันนะอดที่จะปลาบปลื้มตัวเองไม่ได้ ปลาบปลื้มที่ในที่สุดก็ตกงานจนได้ ทีนี้จะเอาอะไรกินเข้าไปละ ลำพังไอ้ที่ต้องกินนี่ก็ไม่เท่าไหร่อดเข้าจริง ๆจะขุดหัวเผือกหัวมันขึ้นมากินให้ดู แต่ไอ้หนี้สินที่ล้นพ้นตัวจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ยืมหลวงท่านไปเรียนปริญญานี่ซิจะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้เขาหมด ออกมาทำงานเงินเดือนวุมิปริญญาตรีเด็กราชภัฏสตาร์ทน้อยนิด เพียงแค่พอยาไส้เท่านั้น เลี้ยงพ่อแม่เลี้ยงน้องก็แทบจะหมดเดือนชนเดือน ไหนจะค่าเช่าห้อง ค่ากิน ค่าอยู่สารพัด เฮ้อ ทำไมโลกมันไม่แตกซะวันนี้เลยนะ แล้วดูซิยังจะมีใครตามมาทวงหนี้อีกใหม
ปังงง อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังออกมาจากใต้ท้องรถ พร้อมกับอาการสั่นกระตุกของเจ้ารถบัส เออวะคำอธิฐานมันช่างรุนแรง แน่จริง:-)ระเบิดไปทั้งคันเลยซิ ดูซินรกมันจะหน้าตาเป็นยังไง เลวร้ายไปกว่าโลกมนุษย์สักแค่ไหน ไม่แน่นั่งอยู่ในกระทะทองแดงอาจจะเหมือนแช่น้ำอุ่นจากอ่างจากุชชี่ของคนรวย ๆ เขาก็ได้ ใครจะไปรู้ ไม่เห็นมีใครตายแล้วกลับมาบอกสักคน
รถเป็นอะไรพี่ ผู้โดยสารอีกคนตะโกนถามโชเฟอร์หน้าตาดุดัน หลังจากรถจอดนิ่งสนิท
ไม่รู้มัน เห้ยไอ้น้อยเป็นอะไรวะ แกตะโกนถามกระเป๋ารถอายุไม่น่าจะเกิน 20 แต่หน้าตากร้านแดดกร้านลมเหลือเกินของแก ที่ลงไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ ใต้ท้องรถ
ไม่รู้พี่ ฉันเป็นช่างที่ไหนเล่า ฉันมันแค่กระเป๋ารถนะ พี่ลงมาดูเองซิ
ไอ้นี่ กูก็เป็นแค่โชว์เฟอร์เหมือนกันละวะ รถเวรทำไมต้องมาเสียค้างเติ่งอยู่บนเขาด้วยวะ
เออ ช่างดีแท้ไอ้กระเป๋ารถกับโชเฟอร์นี่ เอ็งทั้งสองคนไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเสียแล้วเอ็งจะให้ใครรู้วะ อยากจะถามทั้งสองพระหน่อเหลือเกิน แอบคิดในใจดัง ๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมาหรอกนะ กลัวมันทั้งสองจะจับหมกป่า
สงสัยหัวเทียนบอดมั้งพี่ เด็กวัยรุ่นปากยียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างเอ่ยขึ้น หลังจากที่เห็นโชเฟอร์และเด็กรถซุบซิบหารือกันอย่างเคร่งเครียด
แล้วเมื่อไหร่รถจะได้ไปละเนี่ย ป้าแก่ ๆคนหนึ่งถามขึ้น
เรียกช่างแล้วป้า เดี๋ยวก็มาน่า ใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้ เด็กรถตอบ
ทุกคนก็ทยอยลงมาจากรถเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ซะบ้าง เฮ้อ อากาศยามเย็นบนยอดเขา นี่ฉันห่างมันมานานเท่าไหร่แล้วนะ กลับบ้านครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็กลับด้วยความทุลักทุเลแทบไม่มีรถขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล แออัดยัดเยียดในรถยิ่งกว่าปลากระป๋องสามแม่ครัว อารมณ์สุนทรีย์สูดอากาศบริสุทธิ์อย่าได้หวัง เพราะสูดเข้าไปก็มีแต่กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวของมนุษย์ผู้ประเสริฐ
นาน นานมากแล้วซินะ นานจนจำความรู้สึกแทบไม่ได้ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะที่เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก้อนหิน ดินทราย แม่น้ำ จำไม่ได้แล้วจริง ๆ คงตั้งแต่ตัวนำหน้าเป็นเด็กหญิงนู่นซิ ที่ไปลงปลักโคลนหาปลาตามประสาเด็ก กระโดดลงไปในสระโคลนที่ท่วมมาถึงครึ่งน่องเพื่อแข่งจับปลาเอาไปอวดพ่อกับแม่ หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นสาวไม่มีซะหรอกที่จะโดดลงไปในดินโคลนอย่างนั้น ก็กลัวผิวจะดำอย่างนู้นอย่างนี้ คิดแล้วก็ขำ คนเราจะดำมันก็ดำอยู่ดี แล้วดำมันผิดที่ตรงไหน ใครเอาความขาวเข้ามาฝังในหัวเราก็ไม่รู้ จนวันนี้ความอยากขาวก็ยังอยู่เมื่อไหร่มันจะหายไปจากหัวสมองสักทีก็ไม่รู้ซิ
ในที่สุดช่างก็มาถึง ดี ๆ รีบซ่อมไปจะได้กลับถึงบ้านไม่มืดนัก นี่ก็ไม่ได้โทรกลับบ้านซะด้วยซิ ไม่รู้จะพูดกับเขายังไง ไว้กลับไปเซอร์ไพรเขาเลยดีกว่า ให้ทุกคนตื่นเต้นเล่น กลับไปถึงบ้านจะพูดยังไงดีนะ แม่จ๋า พ่อจ๋า หนูกลับมาแล้วจ๊ะ หนูคิดถึงอยากมาอยู่ช่วยดูแลพ่อกับแม่ ก็เลยลาออกจากงานที่กรุงเทพฯจ๊ะ พูดอย่างนี้พ่อแม่คงจะปลาบปลื้มซินะ แต่ถ้าต่อด้วยประโยค แต่หนูจะขอเงินพ่อกับแม่เพื่อใช้หนี้หลวงท่านที่หนูไปเรียนมายังไงละจ๊ะ ประโยคนี้คงต้องกั๊กไว้ก่อนอย่าเพิ่งบอกจะดีกว่า
ทุกคน ๆ ผมมีข่าวดีจะบอก เสียงโชเฟอร์ประกาศออกมา คือว่าช่างเขาบอกว่ารถคันนี้จะยังไปต่อไม่ได้เพราะต้องซ่อมหม้อนงหม้อน้ำอะไรก่อน เอาเป็นว่าผมขอเวลาสักชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วกันนะ เพราะผมติดต่อไปที่รถคันอื่นแล้ว เขาไม่ว่างมารับนะครับ
เสียงประกาศิตประกาศมาอย่างองอาจ ไอ้โชเฟอร์เวรเอ้ย ช่างกล้านะนี่ แก้ปัญหาได้ดีจริง ๆ แต่ก็เอาเถอะขอภาวนาให้เป็น 2 ชั่วโมงอย่างที่แกว่าเถอะ ไม่ใช่ต้องนอนกันอยู่บนเขาอย่างลิง ค่าง บ่าง ชะนี แล้วกัน
แดดร่มลมตก อากาศบนเขานี่ดีจริง ๆ แต่ท้องมันก็เริ่มร้องหิวโหย ไม่ได้ซื้ออะไรติดมาด้วยซิ แต่ความหิวแค่นี้ทำอะไรกระเพาะเหล็กทองแดงอย่างฉันไม่ได้หรอกย่ะ มันก็เหมือนกับตอนสิ้นเดือนที่ไม่เหลือตังจะกินข้าวจนต้องกินแต่มาม่าจนหน้าซีดหน้าเหลืองนั่นแหละ ทำงานเหนื่อยแทบตาย ไม่มีเวลาเงยหน้าดูเดือนดูตะวัน แต่เจ้านายรวยเอ้า รวยเอา ลูกน้องแค่เงินจะซื้อข้าวกินยังไม่ยืดยาวไม่ถึงสิ้นเดือน
คิด ๆ แล้วก้กลุ้มใจ จะบอกพ่อแม่ว่ายังไงดีนะ เขาอุตส่าห์ส่งให้ร่ำให้เรียน ไอ้เงินหลวงที่ให้กู้มันพอยาไส้ที่ไหนกัน พ่อแม่ก็ใช่จะร่ำรวยส่งให้ลูกสาวเรียนจบมาได้แทบล้มประดาตาย หรือจะยังไม่กลับบ้านดี ไปทำงานที่จังหวัดอื่นแล้วอย่าบอกให้พ่อแม่รู้ดีใหม แต่จะไปจังหวัดไหนดีละ เงินก็ไม่มีจะไปอดตายซะเปล่า ๆ ทางเลือกสำหรับคนจนทำไมมันมีน้อยอย่างนี้นะ คิดไปก็ปวดสมองหลับดีกว่า
บรื้นนน ฉันตื่นงัวเงียขึ้นมาท่ามกลางเสียงดีใจของทุกคน รถคงซ่อมได้แล้วซินะ ก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือเป็นเวลา 2 ทุ่ม นี่มันซ่อมพ่อซ่อมแม่มันกี่ชั่วโมงเนี่ย 2 ชั่วโมงบ้านแกซิไอ้โชเฟอร์หน้าดวกเอ้ย
รถทะยานไปสู่ความมืด ดาวมากมายเต็มท้องฟ้า ดาวที่ฉันหลงลืมไปนานแล้วว่ามันมีอยู่ในโลก อีกสักสองชั่วโมงคงถึง บขส. ที่บ้าน หลับเอาแรงไว้คงจะดี แต่นี่รถเข้าตำบลคงหมดไปแล้วซินะ แล้วจะเข้าไปได้ยังไงละเนี่ย ไม่เป็นไรหรอกไอ้เรามันนอนกลางดินกินกลางทรายได้อยู่แล้ว นอนที่ บขส. สักคืนจะเป็นไรไป นอนมันไอ้ที่นั่งรอรถโดยสารนั่นแหละ ไฟสว่าง ๆ ใครกล้าทำอะไรก็ให้รู้ไปซิ แม่จะจัดการให้เด็ดเลย
พี่ ๆ บขส. โคกกลางถึงแล้วนะ พี่ลงไม่ใช่เหรอ ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้งตามเสียงปลุกของเจ้าเด็กรถหน้าตากร้านโลก ตอบขอบคุณเสียงงัวเงีย รีบเก็บกระเป๋าพร้อมกับใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ถึงแล้วซินะ นี่ก็ใกล้บ้านเข้าไปทุกทีแล้ว ยังไม่รู้จะบอกครอบครัวว่ายังไงดีเลย เอาน่าพรุ่งนี้เช้าค่อยคิดอีกที ฉันเดินไปตามช่องทางเดินของรถพร้อมกับขยี้ขี้ตาไปพลาง ในใจกำลังคิดว่าเมื่อเหยียบแม่พื้นธรณีจะก้มกราบแผ่นดินเหมือนอดีตท่านผู้นำจะดีใหมนะ คงไม่ดีแน่นอนถ้าเกิดไปกราบเจอขี้หมาเข้ามันจะไม่งาม ถึงบันไดขั้นสุดท้ายเมื่อเงยหน้าขึ้นฉันก็อุทานอย่างไม่คาดฝัน พ่อ
ผู้ชายหน้าตากร้านแดด ริ้วรอยย่นบ่งบอกขวบวัยแห่งการมีชีวิตอยู่บนโลกมองหน้าฉันด้วยสายตายินดีอย่างเห็นได้ชัด
จะกลับบ้านทำไมไม่โทรมาบอก คนทางนี้เขาเป็นห่วงรู้ใหม
พอดีโทรศัพท์ฉันแบตหมดนะพ่อ ไม่เห็นต้องลำบากเลย เดี๋ยวฉันก็หาทางกลับเองแหละ นี่พ่อมายืนมองคนลงจากรถทุกคันเลยเหรอ
ก็เออนะซิ เป็นผู้หญิงกลับบ้านค่ำ ๆ มืด ๆ มันอันตราย มาเดี๋ยวค่อยคุยกัน มาทางนี้น้องมันนอนหลับอยู่ใต้ต้นมะขามนู่นแหนะ พากันมารอเอ็งตั้งแต่บ่ายนู่น ทำไมรถมันวิ่งช้านัก
รถมันเสียอยู่บนเขาหนะพ่อ ทำไมพ่อถึงรู้ว่าฉันจะมาละ
ก็เพื่อนเอ็งที่ทำงานหนะเขาโทรมาบอก แม่เอ็งก็สั่งให้มารอเอ็งตั้งแต่บ่าย พากันขับมอเตอร์ไซต์คันเก่าเรานั่นแหละมา เป็นห่วงเอ็งกันทุก ๆ คนนั่นแหละ ถ้าอยู่ที่นู่นไม่มีความสุข ก็กลับมาอยู่บ้านเราซะลูกเอ้ย อย่าไปอยู่เลยกรุงทงกรุงเทพ พ่อมีข้าวให้เอ็งกินไม่ต้องไปง้อใครหรอก
น้ำตาซึมเปื้อนขอบตา ฉันเดินช้า ๆ ตามหลังพ่อไปบนทางลูกรังที่ทอดยาวไปยังต้นมะขามใหญ่ พรุ่งนี้ฉันจะตื่นขึ้นเพราะเสียงไก่ขัน ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุก อาบน้ำจากคลองไม่ใช่ฝักบัว ใช้ชีวิตอย่างสาวชาวบ้าน และเตรียมตัวเป็นเกษตรกรรายย่อยโดยใช้วุฒิปริญญาตรีสาขาบริหารสมัครเข้าทำงาน
แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 54 10:27:23
จากคุณ |
:
tiewcorp
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 54 10:25:28
|
|
|
|