บทที่ 3 : โรงเรียนยามค่ำคืน
บรรยากาศโรงเรียนยามบ่ายช่างน่าง่วงเหงาหาวนอนยิ่งนัก ประกายแก้ว สกุลสุวรรณนั่งเหม่อมองออกไปนอกห้องเรียน เด็กสาวปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามสายลม มโนสำนึกคิดเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ... ครูฝึกสอนจากคณะศึกษาศาสตร์ ครูรตีเสียชีวิตที่ห้องคนไข้ โดยผลการชันสูตรพลิกศพนั้นพบว่าครูรตีเสียชีวิตจากภาวะตกเลือดในสมอง เห็นว่าสาเหตุนั้นเกิดจากการแตกของเส้นโลหิตแดงที่โป่งพองผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด ส่วนอาจารย์พยาบาลพบเป็นศพอยู่ในห้องพักของตัวเองโดยมีข่าวลือสะพัดถึงผลการชันสูตรศพที่พบว่าอวัยวะและเครื่องในของครูพยาบาลหายไปบางส่วน โดยส่วนที่ยังเหลือก็ปรากฏว่าเน่าเหม็นราวกับเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน
ส่วนสามีของครูพยาบาล ... เมื่อชายโฉดได้เห็นศพของภรรยา เขาถึงกับเลื่อนลอยเพล้อคลั่งและขาดสติ โดยบัดนี้เขาได้รับการรักษาตัวและบำบัดจิตในห้องแยกเดี่ยวของโรงพยาบาลสวนปรุงซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช
เรื่องที่ผ่านมาก็ดูน่ากังวล ดูน่ากลัวอยู่หรอก ... ทว่าสิ่งที่ประกายแก้วหวาดหวั่นก็คือช่วงเวลานี้ราวกับตัวเธอสามารถสัมผัสภูตผีวิญญาณได้ง่ายขึ้น ซึ่งแต่เดิมเด็กสาวก็เคยมีประสบการณ์ที่น่าสะพรึงมาบ้าง ... แต่ก็ไม่บ่อยมากมายสักเท่าไร เรียกได้ว่านานๆเจอที ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่เริ่มถี่ยิบมากขึ้น ?
ก็สองสัปดาห์ก่อน แค่วันเดียวประกายแก้วต้องได้รับประสบการณ์ทางวิญญาณถึงสามครั้ง ครั้งแรกคือผีผู้หญิงในรถแดงที่เกิดอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตา ครั้งที่สองคือปิศาจร้ายที่เข้าสิงร่างอาจารย์พยาบาลและทำร้ายครูผู้ฝึกสอน
ส่วนอีกครั้งก็คือเธอได้เห็นใครบางคนที่เข้ามาคุย ... คนๆนั้นมีหน้าตาเหมือนยายมิ้นท์ ศศิรัตน์ ทว่าใครคนนั้นกลับไม่ใช่สหายสนิทตามสายตาที่มองเห็น และแน่นอนว่านั่นจะต้องเป็น ... ผีหลอก !?
ทำไมเธอต้องมาเจอกับประสบการณ์ที่ไม่อยากพบ เจอกับภาพการณ์ที่ไม่อยากเห็น โดยเมื่อก่อนนั้นดูเหมือนความสามารถนี้จะปรากฏไม่แน่นอน นานๆทีเธอจะเห็นร่างผู้มาเยือนเสียครั้ง
ทว่า ... บัดนี้ ด้วยเหตุอันใด ? หรืออาจเพราะมีบางอย่างที่เข้ากระตุ้น สาเหตุนั้นจึงทำให้พรสวรรค์วิเศษตื่นขึ้น !? บางอย่างที่น่าพรั่นพรึง ...
... ...
ที่ป่าละเมาะแห่งหนึ่ง แถบรอบนอกของอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มันเป็นป่าละเมาะที่ไม่รกมากเนื่องเพราะอยู่ติดถนนในซอยหมู่บ้านเล็กๆ โสตสำเนียงยังได้ยินเสียงรถราวิ่งมาแต่ไกล
ใครบางคนในชุดขาวสะพายย่ามสีแดงเลือดหมู เขาเดินแหวกหญ้าคาที่สูงราวๆหัวเข่า จุดมุ่งหมายนั้นอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า ต้นไม้ใหญ่ ... ที่โคนต้นมีศาลเจ้าร้างวางทิ้งไว้ !
ชุดขาวคนนั้นยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ เขาเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาข้างในศาลออกมา มันเป็นตุ๊กตาธรรมดาที่ปั้นจากปูนปลาสเตอร์เป็นรูปผู้หญิง ทว่าที่น่าแปลกคือตุ๊กตาตัวนั้นถูกระบายด้วยหมึกพิมพ์สีดำเป็นอักขระขอมแปลกๆที่หากไม่ใช่ผู้ที่ได้ร่ำเรียนวิชาแล้วจะไม่มีวันรู้ว่าอักขระเหล่านั้นถูกเขียนไว้ว่าอย่างไร
ทำได้ดีมากลูกพ่อ เอาไว้เจ้าอิ่มจากเครื่องในเสียก่อน แล้วเดี๋ยวพ่อจะฆ่าไก่ให้เจ้ากินเป็นรางวัล สำเนียงสูงวัยกล่าวก่อนที่จะพันตุ๊กตาประหลาดไว้ด้วยม้วนผ้าสีดำที่สลักอักขระบางอย่าง เมื่อพันเสร็จเรียบร้อยจึงหย่อนใส่ลงในย่ามก่อนที่จะเดินออกมา ... ...
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.พ. 54 09:03:45
|
|
|
|