Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โลกต่างมิติ (ปรับปรุง) ติดต่อทีมงาน

โลกต่างมิติ

ทฤษฎีเอ็มซึ่งเป็นทฤษฎีที่ได้รับการปรับปรุงจากทฤษฎีสตริงกล่าวไว้ว่า

...การรวมกันของแรงและมวลสารต้องอาศัยอวกาศสิบมิติและเวลาอีกหนึ่งมิติ นั่นหมายถึงกาลอวกาศสิบเอ็ดมิติ...

รู้สึกสงสัยเมื่อได้รับรู้แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากมายนักกับกาลอวกาศสิบเอ็ดมิติ ไม่ได้รู้สึกแต่อย่างใดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในหัวสมองก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ในเมื่อไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็แปลว่ามันอาจจะเป็นไปได้ ประโยคดังกล่าวผ่านพ้นไปอย่างที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ

ในเย็นวันนั้นขณะที่กำลังสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนๆ จู่ๆ คำพูดหรือประโยคที่เคยผ่านหูผ่านตาจากที่ไหนสักแห่งก็ผ่านเข้ามาในห้วงความคิด

...ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนถือกำเนิด ล้วนมีรากฐาน ล้วนมีแก่นความรู้มาจากสิ่งๆ เดียวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าแต่ละสิ่งนั้นจะมีรูปลักษณ์แตกต่างกันอย่างไร แต่นั่นก็ล้วนมาจากสิ่งๆ เดียวกัน...

ในขณะนั้นความคิดเรื่องกาลอวกาศสิบเอ็ดมิติก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง และในครั้งนี้ผมกลับเริ่มเชื่อมโยงความนึกคิดต่างๆ ของตนเองเข้าไว้ด้วยกัน

ในเมื่อทุกสิ่งล้วนมาจากสิ่งเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นความรู้หนึ่ง ข้อพิสูจน์หนึ่ง ก็อาจจะสามารถอธิบายอะไรอีกอย่างได้เช่นกัน

ภาพโครงสร้างอะตอมในสมัยเมื่อครั้งยังเรียนที่ประกอบด้วย นิวตรอน โปรตอน และอิเล็กตรอน ผุดขึ้นมาอย่างยากลำบากเต็มที

นิวตรอนและโปรตอนอยู่กึ่งกลางอะตอมโดยมีอิเล็กตรอนวิ่งอยู่ด้านนอกในแต่ละระดับชั้นพลังงาน

ระดับชั้นพลังงานที่ใกล้นิวเคลียสมากที่สุด คือ ระดับชั้นพลังงานที่หนึ่ง หรือแทนด้วยสัญลักษณ์ K ถัดไปเป็นชั้นพลังงานที่สอง สาม และต่อๆ ไป ซึ่งก็แทนด้วยสัญลักษณ์ L M N ไล่เรียงกันไปตามลำดับ

เป็นไปได้หรือไม่ว่าแต่ละมิติจะเป็นเหมือนระดับชั้นพลังงานของอะตอม และสิ่งมีชีวิตในแต่ละมิตินั้นก็เปรียบเหมือนกับอิเล็กตรอนในแต่ละระดับชั้นพลังงาน

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่าในแต่ละมิติก็ล้วนมีสิ่งมีชีวิตอยู่ทั้งสิ้น ไม่เพียงแต่โลกสามมิติที่เราอยู่กันทุกวันนี้

เพียงแต่ด้วยเงื่อนไขของระดับชั้นพลังงานหรือมิติที่แตกต่างกันนั่นเอง ทำให้สิ่งมีชีวิตในแต่ละมิติไม่อาจพบกันได้ และก็ทำให้เราเองไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่แตกต่างจากเราเลย

คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วสิ่งมีชีวิตในมิติอื่นจะมีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรกัน และก็เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวที่เคยผ่านตาเข้ามามีบทบาท

หากเราเปรียบโลกสองมิติเหมือนหน้ากระดาษแล้ว เมื่อเราวาดรูปคนลงไปบนหน้ากระดาษ นั่นหมายความว่าคนบนโลกสองมิติจะเคลื่อนที่ได้เพียงในแนวระนาบของหน้ากระดาษเท่านั้น

และเช่นนั้นเอง หากมีคนนำปากกาวาดวงกลมซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงล้อมรอบตัวคนบนหน้ากระดาษนั้น แน่นอนว่าเขาจะออกมาจากวงกลมนั้นไม่ได้อีกเลย

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเราที่อยู่ในโลกสามมิติ สำหรับเราแล้ว เมื่อถูกล้อมกรอบด้วยกำแพงแบบนั้นเราก็ยังสามารถปีนหรือแม้กระทั่งขุดดินออกมาได้

แสดงให้เห็นว่าโลกสามมิติมีมุมมองที่มากกว่าโลกสองมิติ หรืออีกนัยหนึ่งคือยังมีมุมมองอื่นๆ หรือบางสิ่งบางอย่างที่โลกสามมิติมองเห็นแต่โลกสองมิติมองไม่เห็น

...แล้วโลกที่เหนือขึ้นไปกว่าสามมิติล่ะ...

จะเป็นไปได้รึเปล่าที่ยิ่งมิติสูงขึ้นก็จะยิ่งมีมุมมองที่มากขึ้น ยิ่งมิติสูงมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งเห็นในสิ่งที่คนในโลกสามมิติไม่สามารถเห็นได้มากขึ้น

เราซึ่งอยู่ในโลกสามมิติอาจมองเห็นโลกสองมิติได้ชัดเจน เราอาจจะจินตนาการถึงโลกสี่มิติหรือสิบเอ็ดมิติได้ แต่เราไม่อาจมองเห็นได้อย่างที่มันเป็นจริง

เช่นเดียวกับที่คนบนโลกสองมิติไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริงในแบบของโลกสามมิติ

ดังนั้น โลกมิติที่สี่อาจจะมองทะลุเนื้อหนังได้ และเช่นนั้นเองเนื้อหนังจึงอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ต้องเห็นสำหรับโลกในมิติที่สี่อีกต่อไป

ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี แต่อาจจะไม่ใช่รูปลักษณ์ในแบบที่คนในโลกสามมิติรู้จัก

...อาจเป็นเพียงอากาศ อาจเป็นเพียงชั้นโปร่งใส...

โลกมิติที่ห้าอาจจะสามารถมองทะลุเส้นเลือด เห็นการไหลเวียนของเลือด และเช่นนั้นเส้นเลือดก็ไม่จำเป็นต้องเห็นอีกต่อไป

โลกในมิติที่เก้าอาจจะเห็นความเป็นไปของเวลา เมื่อนั้นเขาก็จะรับรู้ได้ถึงกระแสความเปลี่ยนแปลง ทุกความเป็นมาและเป็นไปของห้วงเวลา

โลกมิติที่สิบอาจจะเห็นได้ถึงจิตใจของผู้อื่น และเมื่อนั้นก็จะไม่มีการคิดดีคิดร้ายใดๆ เกิดขึ้นอีก

และโลกในมิติที่สิบเอ็ดนั้นเป็นโลกที่รู้เท่าทันทุกสิ่ง และเมื่อรู้เท่าทันทุกสิ่งก็จะหลุดพ้นจากทุกสรรพสิ่งด้วยเช่นกัน

รูปลักษณ์ ความเป็นไปกลับกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นอีกต่อไป เป็นที่ๆ เวลาและสิ่งอื่นใดไม่อาจมีอิทธิพล

ที่แห่งนั้นจะมีแต่ความว่างเปล่าที่ทุกสิ่งหยุดนิ่ง

ไม่เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป

เป็นโลกแห่งการรู้แจ้งและหลุดพ้น

...เอ...

ถ้าอย่างนั้นลองเอาเรื่องพวกนี้มาอธิบายอะไรสักอย่างที่ชวนขนหัวลุกดูดีกว่า

เรื่องที่เมื่อคุณกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วจู่ๆ คุณก็พบว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ต่อหน้าคุณ และชั่วอึดใจต่อมาเขาคนนั้นก็หายไปเสียเฉยๆ ราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่เคยมีใครหรือไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ว่าแล้วก็ต้องย้อนกลับไปที่โครงสร้างอะตอมอีกที

ระดับชั้นพลังงานของอะตอมแต่ละระดับชั้นนั้น มีระดับพลังงานย่อยซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ s p d และ f อยู่

เนื่องจากแรงดึงดูดของนิวเคลียสทำให้ระดับชั้นพลังงานที่อยู่ห่างออกไปมีระยะห่างแคบลงเมื่อเทียบกับระยะห่างของระดับชั้นพลังงานก่อนตัวของมันเอง

และยิ่งระดับชั้นพลังงานห่างออกไปเท่าใด ระดับชั้นพลังงานย่อยก็จะยิ่งมีความซับซ้อนมากขั้นเท่านั้น

นั่นเองที่ทำให้ตั้งแต่ระดับชั้นพลังงานที่สามเป็นต้นไปเริ่มเกิดการเหลื่อมล้ำกันของระดับพลังงานย่อย

และเมื่อใส่พลังงานที่พอเหมาะลงไปเราก็จะพบว่าอิเล็กตรอนสามารถกระโดดจากระดับชั้นพลังงานหนึ่งไปอีกระดับชั้นพลังงานหนึ่งได้

...แล้ว...

ถ้าเกิดมีพลังงานที่พอเหมาะเกิดขึ้นในมิติใดมิติหนึ่งที่มีระดับพลังงานสูงขึ้นไปกว่าโลกสามมิติซึ่งมีการเหลื่อมล้ำของระดับพลังงานย่อยอยู่ล่ะ

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้จู่ๆ คนๆ หนึ่งก็จะโผล่ขึ้นมาตรงหน้า ก่อนที่สมดุลจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นอย่างเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

และกว่าที่เราจะตั้งสติได้ทัน เราก็พบว่าคนๆ นั้นหายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว

...สิ่งที่เราเห็นและกลัวอาจจะเป็นคนละอย่างกับสิ่งที่เราคิด...

หลังคิดไปคิดมาอยู่นาน ผมก็สรุปความคิดของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้สินะที่เราจะสามารถไปยังโลกมิติอื่นๆ ได้ แต่ก็คงจะไม่ใช่ด้วยการเดินทางเหมือนอย่างที่เราๆ ทำกันอยู่ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้

...หากแต่ว่า บางที การฝึกจิตเพื่อเพิ่มระดับจิตใจและระดับพลังงานจากภายในต่างหากที่เป็นคำตอบ...

แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 08:07:19

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 54 22:37:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com