๏ ยะเยือกและเย็นยิ่ง...............ประโลมร่างที่ราแรง ลมโบกระบัดแปลง..................กระหน่ำซอกซ่านผิวโชย
๏ กลิ่นร่ำที่รำบาย...................ระเบงหมอกเมื่อหม่นโรย แทรกซุกจนโอดโอย...............ระอุเนื้ออณูฝัง
๏ ไฟฟืนที่ผิงผ่าน...................ควันหมอกม่านปริ่มประดัง ผสมผสานยัง.........................ณ ห้วงแห่งอรุณหนาว
๏ หญ้าดอกแยงประดับ............แซงพื้นซับน้ำค้างวาว เรียงดอกดังดื่นดาว.................ระบัดเรื่อระเบียงดิน
๏ แพงพวยแพลมโผล่ยอด........แย่งใบสอดรับเพลงพิณ- ภู่เช้าที่เคยชิน........................ชมดอก,คลุ้งริมฝั่งคลอง
๏ บางใบระโบยอาบ................เรียงรายราบถึงฝั่งหนอง เย็นร่ำหมอกรำยอง.................ระยับปลั่งยามแดดปราย
๏ แดดตื่นตอนเช้าตรู่...............สาดแสงลู่เป็นลำฉาย หมอกฝ้าเริ่มคลาคลาย.............ความทึมแผ่ที่ปกคลุม
๏ แดดตามมาไล่ต่อ................ไอหมอกฝ่อหมดแรงสุม ร่ำร่ำผีเสื้อชุม.........................ระเบงดอกที่ดื่นงาม ๏ ลมผ่าวที่คงแผ่ว..................เพลงเช้าแว่วพร้อมโชยหวาม เคยเย็นยะเยือกลาม.................เริ่มถูกฉาบด้วยแสงโชน ๏ ไฟผิงระโรยหลั่ง..................ประกายปลั่งก็ปลดโอน- ยังผิวที่ปูดโปน.......................อาบไออุ่นเช้าอบอวล
๏ แววตากังวลต่อ...................ความหม่นท้อคับจิต,ทวน- ทบเทียบบอกกระบวน...............วีถีบิ่นใจบางบาง
๏ มุมมองที่โรยหม่น................วาดกังวลกับเมินหมาง ร่ำร่ำเห็นลางลาง....................กับชีวิตที่โรยโรย
๏ เดินเดียวทางดุ่มดื่น..............ระหกตื่นฤดูโหย อกเอื้อนกระหน่ำโอย...............ยังกระอักกระอ่วนยาว
๏ เหลือแต่ควันหมอกร่ำ...........โลมกระหน่ำหน่วงใจหนาว ฝังครอบทุกคราคราว...............ยังคงแน่นหนอทุกข์,ครวญ ๚๛
๐๒๐๗ ๐๖๐๒๕๔
จากคุณ |
:
คนสาธารณะ
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.พ. 54 17:00:32
|
|
|
|