Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO FEAR >>> CALL CENTER ติดต่อทีมงาน

หญิงสาวรูปร่างสูง ค่อนข้างอวบแต่ยังคงเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่บ้าง กำลังนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนรถเมล์และยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาเป็นระยะ ๆ...

วันนี้เธอออกจากบ้านผิดเวลาไปห้านาที ทำให้รถติดแม้ว่าจะไม่ใช่เวลาที่คนอื่นเขาทำงานกัน

เมื่อยิ่งใกล้เวลาทำงานมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนรถเมล์จะเคลื่อนตัวได้ช้าลงเรื่อย ๆ หรือบางทีก็จอดสนิทอยู่บนถนนราวสิบนาทีจนเธอรู้สึกหงุดหงิด

แต่เมื่อพ้นจุดที่รถติดนั้น เธอก็มองไม่เห็นว่าจะมีอุบัติเหตุหรือสาเหตุที่ทำให้รถติดเลยสักนิด...ช่างเถอะ...เธอบอกกับตัวเองเมื่อมองไปด้านหน้าแล้วพบว่าถนนค่อนค้างโล่ง

กระทั่งรถเมล์จอดตรงป้ายที่หมายของเธอ ร่างสูงจึงรีบก้าวลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว

เพราะทันทีที่เธอก้าวเท้าซ้ายลงแตะพื้น คนขับก็ดูเหมือนจะเหยียบคันเร่งเตรียมตัวขับต่อไปโดยที่เธอยังไม่ทันจะปล่อยมือจากราวจับเสียด้วยซ้ำ

“โอ๊ย...จะรีบไปตามใครที่ไหนเนี่ย ดีนะที่ไม่ล้มหน้าคะมำไปซะก่อน” หญิงสาวออกปากบ่นอย่างอารมณ์เสีย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

กระทั่งเธอสามารถยืนทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นสูงสีดำวาวได้โดยไม่ล้ม สีหน้าเรียวจึงคลายความบึ้งตึงลง...

แต่เมื่อเธอก้าวไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็ต้องถอนใจเบา ๆ เมื่อเห็นยามหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในโลกส่วนตัวด้วยการฟังวิทยุทรานซิสเตอร์อยู่คนเดียวโดยไม่สนใจที่จะลุกมาเปิดประตูรั้วให้

หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเอื้อมมือออกไปเลื่อนประตูรั้วบริษัทที่หนักอึ้งนั่น

ครืน!!!

เสียงประตูเหล็กอันหนังอึ้งเลื่อนไปตามรางด้านล่างอย่างฝืดเพราะรางเลื่อนเต็มไปด้วยสนิม โดยที่ยามหนุ่มทำเพียงเหลือบตาขึ้นมามองและกลับไปสนใจกับวิทยุทรานซิสเตอร์ของตัวเองต่อ

ไม่สนใจที่จะลุกมาทำหน้าที่ของตัวเองเลยสักนิด ทำเอาหญิงสาวยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่...

ฉันผิดเองแหล่ะที่เกิดมาไม่สวย ชิส์...เธอบ่นในใจ เพราะเธอเคยเห็นยามหนุ่มคนนี้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะตอนเห็นสาวสวยเท่านั้น ก่อนจะเลื่อนประตูรั้วปิดดังเดิมด้วยความโมโห

หญิงสาวสาวเท้าเข้าไปยังอาคารอย่างรวดเร็ว เธอพบเพียงยามสาวนั่งสัปหงกอยู่เพียงคนเดียว

แต่ทันทีที่ยามสาวได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากรองเท้าส้นสูงของเธอก็รีบลืมตาทันควัน พร้อมสะบัดหัวไล่ความง่วงที่กำลังเล่นงานอยู่ก่อนระบายยิ้มแหย ๆ ให้เธอ ซึ่งใบหน้าตอนนี้ดูตลกไม่น้อยในสายตาของหญิงสาวร่างอวบ

เธอเดินขึ้นไปยังที่สแกนบัตรชั้นบนโดยไม่คิดที่จะใช้บริการของลิฟท์ เพราะเธอรู้สึกว่าการขึ้นลิฟท์คนเดียวในเวลาเช่นนี้ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก

และการเดินขึ้นบันไดอาจจะให้ความรู้สึกอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ แม้ว่าทางเดินขึ้นไปนั้นจะมีเพียงแสงไฟสลัว ๆ เท่านั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวเรื่องลิฟท์ค้าง

เมื่อเธอสแกนบัตรเข้างานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างอวบจึงเดินไปหยิบกระเป๋าอุปกรณ์สำหรับการทำงานในค่ำคืนนี้ที่ลอคเกอร์ด้านในสุดด้วยความกระฉับกระเฉง

ก่อนจะเหลือบมองเวลา ซึ่งบ่งบอกว่าเธอยังพอมีเวลาเหลืออีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มงาน เธอจึงนำของว่างที่ซื้อติดมือมาเติมพลังสักเล็กน้อยอยู่คนเดียวในห้องครัวของพนักงาน

กลิ่นหอมอบอวลของไส้กรอกวุ้นเส้นเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของเธอได้เป็นอย่างดี...

เธอจึงค่อย ๆ จัดการของโปรดอย่างใจเย็นพร้อมเปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือฟังอย่างสบายอารมณ์

เมื่ออิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็หอบเอากระเป๋าอุปการณ์การทำงานขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกนี้โดยการเดินเท้าขึ้นบันไดเช่นเดิม

“เดินย่อยหลังอิ่มท้องก็คงไม่หนักหนาเท่าไหร่มั๊ง” เธอบอกกับตัวเองพลางก้าวเท้าขึ้นบันไดไปทีละขั้นอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากชั้นล่าง

คงจะเป็นเพื่อนที่เข้าทำงานกะเดียวกันกับเธอละมั๊ง หญิงสาวคิดอย่างนั้น...

เมื่อเธอเดินถึงชั้นเก้า ก็หยุดที่หน้าประตูเล็กน้อยก่อนจะสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน

แต่หางตาของเธอได้เห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านข้างและเมื่อหันไปก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ

“คิดไปเองหรือไงนะ” เธอถามตัวเองก่อนจะผลักประตูเข้าไปเมื่อสัญญาณดังติ๊ด

บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะหมดช่วงเทศกาลก็เป็นได้ จึงทำให้จำนวนของสายที่ โทรเข้ามามีปริมาณน้อยเป็นพิเศษ

เพื่อน ๆ จึงดูไม่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานสักเท่าไหร่ ทั้งยังส่งเสียงทักทายเธอเบา ๆ ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาอีกด้วย

“มาแล้วเหรอจ๊ะมีนา พร้อมทำงานคืนนี้แล้วใช่ไหมจ๊ะ” เพื่อนสาวร่างเล็กเอ่ยทักอย่างสดใส ดูไม่เหมือนกับคนที่ทำงานมาหลายชั่วโมงแล้ว

“นอนมานิดเดียวเองจ้ะ พอดีเมื่อเช้ามีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยเลยต้องออกไปตระเวนทั้งวัน นี่ก็เตรียมกาแฟมาแล้ว พร้อมลุยงานทั้งคืนแน่นอนจ้ะ” หญิงสาวตอบพร้อมชูกาแฟเย็นแก้วโตที่เธอแวะซื้อก่อนขึ้นรถมาทำงาน

เธอนำอุปกรณ์การทำงานที่ใส่ไว้ในกระเป๋าถือออกมาเตรียมเอาไว้อย่างไม่รีบร้อน พร้อมเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไปพร้อมกันด้วย

เธอใช้เวลาที่เหลือนั่งดื่มกาแฟ พักให้หายเหนื่อยก่อนที่จะลุยงานตลอดคืน

หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ที่ต้องเข้ากะเดียวกันก็ทยอยมากันจนครบทีมและได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะเริ่มงาน...

เมื่อถึงเวลาสามทุ่มตรงก็ถึงเวลาเริ่มการทำงานอย่างเต็มรูปแบบสักที ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมไปโดยปริยาย ต่างคนต่างปฎิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด...

จนกระทั่งเวลาผ่านไป ปริมาณสายที่โทรเข้ามาก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังอยู่ในนิทราอันแสนหวานบนเตียงนุ่มแสนอบอุ่น

เวลาตีหนึ่งครึ่ง...ก้าวเข้าสู่เช้าวันใหม่เรียบร้อยแล้ว พนักงานแต่ละคนเริ่มจะมีอาการง่วงให้เห็นเด่นชัดขึ้น

บางคนถึงกับเอาหมอนขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าและแนบหน้าลงบนหมอนนุ่มสีหวานที่เจ้าตัวนำติดตัวมา หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

บ้างก็คุยกับเพื่อนข้าง ๆ หรือไม่ก็แชทผ่านบีบีกับหวานใจของตัวเองพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดวงตาสุกใสเป็นประกายจนน่าอิจฉา

ทันทีที่เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นในหู มีนาที่นอนเอนพิงพนักเก้าอี้ก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมให้บริการลูกค้าด้วยความกระตือรือล้นแม้ว่าเธอจะรู้สึกง่วงเหมือนเพื่อน ๆ ก็ตามที

“PSYCHO HAPPY AIRWAYS สวัสดีค่ะ...ดิฉันมีนารับสาย ยินดีให้บริการค่ะ” เสียงใสกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียง เต็มใจให้บริการ

“สวัสดีครับคุณมีนา ผมชื่อภัทรเกียรตินะครับ...คือผมต้องการทราบเที่ยวบินและราคาตั๋วภายในประเทศที่จะไปเชียงใหม่หน่อยครับ” เธอนึกในใจว่าตาคนนี้โทรมาอีกแล้ว

ไม่ว่าเธอจะทำงานกะไหน เขาคนนี้ก็จะโทรเข้ามาเจอเธอตลอด อย่างกับรู้ว่าวันนี้เธอทำงานกี่โมง แต่หน้าที่ของเธอคือการบริการลูกค้าทุกคนให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเธอต้องไม่มีอคติกับลูกค้า

“ไม่ทราบว่าคุณภัทรกียรติต้องการเดินทางช่วงวันที่เท่าไหร่คะ” เธอยังคงถามด้วยน้ำเสียงเต็มใจเช่นเคย

“วันนี้ครับ”

“12 กุมภาพันธ์นะคะ เดินทางวันนี้จากสุวรรณภูมิไปเชียงใหม่” เธอทวนข้อมูลอีกครั้งเพื่อความถูกต้อง เพราะผู้โดยสารที่โทรมาช่วงเวลานี้มักจะสับสนวันที่

“ครับ ผมอยากไปช่วงบ่ายครับ”

“ค่ะ...ช่วงบ่าย จะเป็นเวลาสิบสี่นาฬิกา สิบห้านาทีนะคะ...สะดวกไหมคะ”

“ได้ครับ เวลานั้นแหล่ะครับ ผมจองไว้สองที่นั่งครับ” หญิงสาวทวนข้อมูลทั้งหมดกับเขาเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง รวมถึงชื่อ นามสกุลของผู้เดินทางทั้งสองท่านด้วย

ความที่เธอง่วงนอนทำให้เธอไม่ทันเอะใจว่าชื่อผู้เดินทางอีกท่านหนึ่ง ชื่อและนามสกุลเดียวกันกับเธอ จึงทำการจองตั๋วเครื่องบินต่อไปจนถึงขั้นตอนการแจ้งชำระเงิน

“คุณภัทรเกียรติต้องการชำระค่าบัตรโดยสารผ่านเครดิตการ์ด ณ ตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ หรือคุณภัทรเกียรติต้องการไปชำระที่สนามบินเลยคะ”

“จ่ายด้วยหัวใจของคุณได้ไหมครับ”

“คะ?” หญิงสาวออกอาการงงเล็กน้อยกับคำตอบของเขา หรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นหนึ่งในพวกโรคจิตที่เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ เขาร่ำลือกัน

ขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

“อ้าว” มือเธอชะงักอยู่บนแป้นคีย์บอร์ดอยู่อย่างนั้นเพียงชั่วครู่ราวกับตกอยู่ในภวังค์

เธอหันไปหาเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แต่เห็นว่าเพื่อนกำลังพักสายตาเธอจึงไม่กวน ก่อนจะตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าเพื่อไล่ความง่วง

หญิงสาวไม่ได้ชวนเพื่อนเดินออกมาด้วยเพราะไม่ได้กลัวเรื่องผีสางอะไรนักหนา เพราะถ้าเจอก็แค่แผ่เมตตาให้...เธอคิดเพียงเท่านั้น

เสียงน้ำที่ไหลผ่านก๊อกออกมาท่ามกลางความเงียบ มันช่างฟังดูวังเวงอย่างบอกไม่ถูก

เธอถอดแว่นตาไว้อด้านข้างก่อนวักน้ำเย็นเฉียบกลางฤดูหนาวขึ้นมากระทบผิวใสซึ่งทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย

แต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมา เธอได้เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งในชุดเสื้อเชิร์ตแชนยาวสีขาว กางเกงสแลคสีดำ ผูกเนคไทสีน้ำเงินเข้มมีโลโก้ PSYCHO HAPPY AIRWAYS ปักอยู่บนเนคไท กำลังยืนยิ้มอยู่ด้านหลังของเธอผ่านกระจก

...เขาเป็นพนักงานที่นี่...

เธอสรุปเองในใจจากชุดที่เขาสวม แม้ว่าจะเห็นเพียงแค่เลือนลางก็ตามที เพราะชุดฟอร์มของที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่เข็มกลัดเนคไทที่ทำเป็นรูปแมวเหมียวกำลังทำความสะอาดหัวตัวเองอยู่ ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขและเรืองแสงในที่มืดได้

...แต่เดี๋ยวสิ นี่มันห้องน้ำผู้หญิงนะ แล้วเขาเดินเข้า มาในห้องน้ำผู้หญิง แบบนี้ เขาต้องการอะไรกันแน่...

สิ้นความคิดของเธอ ชายผู้นั้นก็ได้เข้าประชิดตัวเธอเสียแล้ว มือหยาบหนาเอื้อมมาปิดปากอิ่มเอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเธอทำท่าจะร้องขอความช่วยเหลือ

“ผมไม่ได้จะมาทำร้ายคุณนะ มีนา...คุณไปกับผมเถอะนะแล้วคุณจะปลอดภัย อย่าเพิ่งสงสัยอะไรตอนนี้เลยนะครับ”

หญิงสาวตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ส่ายหัวปฎิเสธและพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของเขาซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด

ร่างสูงของเธอถูกเขาพาลงไปยังชั้นล่างพร้อมข้าวของส่วนตัวของเธอ...นี่เขาจะลักพาตัวฉันหรือยังไงนะ ถึงได้เตรียมการมาขนาดนี้ รู้อย่างนี้ชวนเพื่อนมาเข้าห้องน้ำด้วยก็ดีหรอก แล้ว เพื่อน ๆ จะรู้ไหมว่า เธอหายตัวไปแล้ว พ่อจ๋า แม่จ๋าช่วยลูกด้วย...เธอได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจอย่างหมดหนทาง

ต้องตั้งสติ...

เธอบอกตัวเองและเลิกดิ้นรนจนเขาคลายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่เธอเลิกขัดขืนแล้ว

สิ่งนั้นทำให้เขาคลายมือที่ปิดปากอิ่มของเธอลงและเปลี่ยนจากลอคตัวเอาไว้เป็นจูงมือแทน

เธอยอมเดินตามเขาลงไปเรื่อย ๆ อย่างว่าง่ายเหมือนคนตกอยู่ในภวังค์โดยที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

หรืออาจเป็นเพราะตอนนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น จึงทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงไป เธอจึงต้องอาศัยให้เขาจูงมือไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากทำให้ตัวเองบาดเจ็บโดยใช่เหตุ...

ในใจก็คิดว่าถึงชั้นหนึ่งเมื่อไหร่ เธอจะได้ขอความช่วยเหลือจากยามสาวที่นั่งหน้าเค้าเตอร์ แม้เธออาจจะช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่แต่ด้านหน้าประตูใหญ่ก็ยังมียามหนุ่มอีกคนที่พอจะช่วยเธอได้บ้าง เธอคิดอย่างใจเย็น

แต่ทันทีที่เธอก้าวเท้าลงมาถึงชั้นล่าง เธอก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นร่างของยามสาวที่ทำหน้าที่ในค่ำคืนนี้นั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์แล้ว

“บ้าจริง” เธอบ่นอยู่ในใจ

“คุณไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาหรอก เธอไม่ได้นั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์นานแล้ว” เขาบอกกับเธอราวกับรู้ความคิดของเธอ

“คุณไปกับผม แล้วคุณจะปลอดภัย...ที่รัก” ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาทางรอดอื่น ร่างกายของเธอก็เหมือนจะหมดแรงไปเสียดื้อ ๆ สายตาของเธอก็เริ่มพร่าเลือนพร้อมสติที่กำลังดับวูบ

ร่างของเธอถูกเขาอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายโดยที่เธอไม่มีแรงที่จะขัดขืนเขาได้เลย เธอพยายามฝืนไว้ไม่ให้หลับอย่างยากเย็นเต็มที

และก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอก็ได้ยินเขาพูดอะไรบางอย่างกับเธอ...

“ไม่ต้องห่วงนะคนดี...หลับให้สบาย...คุณตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณจะได้พบผมอีกครั้งแน่นอน” เขาเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจุมพิตลงบนหน้าผากมนของเธอ

เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัยจากการสัมผัสจากชายแปลกหน้าผู้นี้

ชายหนุ่มร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีและกำลังพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง

“ก็เป็นคนธรรมดา ไม่พิเศษ...

ก็เป็นคนที่เดินดินอย่างคนทั่วไป ไม่ได้ดีเกินกว่าคนไหน

มีแค่ใจดวงเดียวให้เธอ...

ก็เป็นเพียงคน ๆ หนึ่งไม่เลิศเลอ

แค่บังเอิญมาเจอเธอ แต่ไม่รู้ทำไม

ยิ่งใกล้กันก็ยิ่งหวั่นไหว อยากค้นใจเธอดูสักครั้ง...

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร

หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ...

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม

ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอเมื่อเธอเหงาใจ

ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน

จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย...จะดูแลอย่างดี

หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ

ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์ว่ารักเธอมากสักแค่ไหน

โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง...
”

“คุณ...”

“ผมชื่อ...” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ยินชื่อ ประสาทรับรู้ทั้งหมดก็พลันดับวูบพร้อมกับเสียงสัญญาณไฟไหม้ที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งอาคาร โดยที่หญิงสาวไม่ได้รับรู้ใดใดอีกแล้ว

************************************

แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 54 15:52:47

แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 54 09:33:18

จากคุณ : NUAOFFYHUB
เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 09:20:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com