ผมยกมือเกาหัวแกรกๆ ปกติไอ้สองมันจะให้ผมช่วยก็มีแค่สองเรื่อง คือถ้าไม่ขอลอกการบ้านมันก็ขอลอกข้อสอบ แต่ครั้งนี้พอผมก้มลงจะเปิดเป้เพื่อหยิบการบ้านมาให้ ไอ้สองกลับยื้อมือผมไว้แล้วส่ายหน้าดิก
“ไม่ช่ายเลื่องกางบ้าง อั๊วทำเสร็จเลี้ยว ขอลอกของอาบอยมังไปเลี้ยว อั๊วอยากให้เฮียช่วยเลื่องอื่งน่อ”มันพูดพร้อมกับดึงแขนผมยิกๆ “นะเฮียนะ ถ้าเฮียช่วยอั๊ว อั๊วจะยอมทำทุกอย่างที่เฮียต้องกางเลย เฮียอยากกิงอะไร เฮียอยากล่ายอะไร เดี๋ยวอั๊วจะไปหามาให้”
ผมแกะมือของสองออกจากแขน แล้วขยับถอยหลังมาสำรวจว่ามีอะไรแปลกประหลาดหรือเปล่า ลองมันยอมขอร้องขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และแล้ว เมื่อมันเห็นผมมีสีหน้ารำคาญมากขึ้น ไอ้สองถึงได้ยอมคายทุกอย่างออกมาราวกลัวว่าหากไม่รีบพูดในตอนนี้ก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดอีกแล้ว
“อั๊วอยากให้เฮียช่วยเขียงจกหมายรักหน่อยน่อ”สองกระซิบเหมือนเรื่องนี้เป็นความลับทางการเมืองระหว่างประเทศ “อั๊วจะเขียงหาอาไข่มุก แต่เฮียก็รู้ อั๊วเขียงภาษาไทยไม่ค่อยล่าย อั๊วเขียงเองปูเลี๋ยวอาไข่มุกอีจะอ่างม่ายเข้าจาย เฮียช่วยเขียงแทงอั๊วทีซี่”
“เมิงจะให้กุเขียนจดหมายรักเนี่ยนะ!!!”ผมตะโกนอย่างลืมตัว สองหน้าแดงสะดุ้งโหยงแล้วรีบกระโดดเอามือมาปิดปากผมไว้ มันจุ๊ปากเบาๆก่อนเหลือบมองรอบตัว เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครเดินเข้ามาจึงหันมาขอร้องผมอีกครั้ง
“น่านะ เฮีย ถ้าเฮียยอมเขียง อั๊วให้ร้อยนึงเลยเอ้า!”สองเริ่มใช้วิธีเอาเงินเข้าแลก
“เงินซื้อกุไม่ได้หรอกเว้ย!”ผมสวนกลับทันทีพลางคิดว่าพูดประโยคนี้แล้วมันเท่ห์จริงๆ
“งั้นสองร้อย!!”ไอ้ตี๋ลูกร้านทองออกลายเจ้าบุญทุ่มเต็มที่
“เมิงไปรวยที่อื่น เงินอาจจะสั่งผีโม่แป้งได้ แต่มันสั่งให้กุเขียนจดหมายรักไม่ได้หรอกนะว้อย!!”ผมเสียงแข็งด้วยสุภาษิตจากหนังจีน ยืนลูบคางพลางแกล้งมองออกนอกหน้าต่างอย่างผู้ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
“สามร้อย!!!”
“โอเค!!!”ผมรีบรับคำอย่างง่ายดาย ไอ้สองแทบกระโดดตัวลอย จริงอยู่เงินไม่สามารถซื้อผมได้...ถ้าไม่มากพอ
หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที ผมก็นั่งฟังแผนการแอบบอกรักของไอ้สองจนถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติซึ่งอาร์-เพื่อนในกลุ่มของเราเป็นนักดนตรีหีบเพลงอยู่ในวง เป็นที่รู้กันดีมานานแล้วว่า สองแอบชอบเด็กผู้หญิงที่อยู่ร่วมห้องมาก เธอมีชื่อว่าไข่มุก ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมสองถึงชอบ ก็ไข่มุกนั้นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาหมวยขาวใสลูกจีนแท้ๆ ไอ้ตี๋อย่างมันเลยตกหลุมรักตั้งแต่ป.สอง แต่เรื่องนี้รู้กันอย่างลับๆแค่ในกลุ่มของเราเท่านั้น
อันความรักนี้ห้ามกันไม่ได้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เพียงแต่ความรักของพวกเรามันบริสุทธิ์มาก ผมไม่รู้ว่าเด็กสิบสองขวบสมัยนี้จะมีความรักในแบบของพวกผมหรือเปล่า ดูเหมือนเดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่จะโตเกินวัยยังไงชอบกล สมัยผม-สิบกว่าปีก่อน-พวกเรารู้ว่าแฟนหมายถึงอะไร แต่หากจะถามถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ผมเชื่อแน่ว่าในพวกเราไม่มีใครสามารถตอบได้สักคน
แถมสมัยนั้นการถูกล้อว่าแอบชอบใครอยู่ก็เป็นเรื่องสาหัสมาก โดยเฉพาะเมื่อเรื่องไปรู้เข้าถึงหูของเพื่อน:-)สักคน ไอ้เพื่อน:-)คนนี้ก็จะเอาไปโพนทะนาหน้าเสาธงก่อนเคารพธงชาติเหมือนดูข่าวซุบซิบคันปากดาวกระจายรวมกันในตอนเช้าว่า ขณะนี้ ติ๋มห้องหก กำลังพบรักกับดำเกิง ห้องห้า ไอ้ซ่าร์ห้องสอง กำลังตามป้อ จ๋อมห้องหนึ่ง ไอ้อึ่งห้องสี่กำลังแอบชอบกีวี่ห้องสาม ใครที่ถูกเอ่ยชื่อเป็นต้องหน้าแดงและถูกล้อไปอีกหลายอาทิตย์เพราะฉะนั้น การแอบชอบเพื่อนสักคนต้องปิดบังเป็นความลับแบบสุดคืบหลืบลึก
แม้แต่ไอ้สอง มันก็ไม่พ้นข้อยกเว้นนี้ ผมได้รับคำกำชับจากมันขณะเดินมาเข้าแถวเคารพธงชาติว่า ห้ามแพร่งพรายให้เรื่องนี้รู้ถึงหูเพื่อนคนอื่นเด็ดขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนอีกสี่คนในกลุ่มของเราเอง ไม่งั้นนอกจากผมจะไม่ได้ตังค์แล้ว มันยังจะเอาเรื่องที่ผมแอบชอบเด็กผู้หญิงชื่อเค้กไปบอกคนอื่นอีกด้วย เรียกว่างานนี้มันแบล็ค เมล์ผมสุดๆ ผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับตังค์ เอ๊ย รับชะตากรรมไปพลางทบทวนแผนการของไอ้สองไปพลาง
เรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า ในวันนี้ สองจะแอบบอกรักไข่มุกโดยจัดรายการมอบของขวัญวันวาเลนไทน์ให้สองช่วง ช่วงแรกคือตอนเช้า มันจะแอบเอาดอกกุหลาบสดสีแดงไปวางไว้ใต้โต๊ะของไข่มุก ช่วงสองคือตอนกลางวัน มันจะแอบเอากล่องช็อคโกแล็ตพร้อมจดหมายรักไม่ลงชื่อไปวางไว้ใต้โต๊ะของไข่มุกอีกเช่นกัน แล้วคอยแอบดูปฏิกิริยาของสาวเจ้าว่าเธอจะมีสีหน้าเช่นไรบ้าง
แค่นั้นแหละคือสิ่งที่ไอ้ตี๋จอมทึ่มต้องการ สองไม่อยากให้ไข่มุกรู้ว่ามันเป็นคนที่ส่งของพวกนั้นไป มันเพียงแค่อยากเห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอตอนพบเจอสิ่งของใต้โต๊ะเท่านั้น เมื่อเคารพธงชาติเสร็จ ไอ้สองก็ได้ปฏิบัติการภารกิจอันดับแรกอย่างรวดเร็ว มันรีบย่องกลับขึ้นห้องก่อนใครเพื่อนเพื่อนำดอกกุหลาบสดสีแดงที่ลงทุนแวบออกนอกโรงเรียนไปซื้อถึงหน้าตลาดมาวางไว้ในช่องว่างสำหรับเก็บของใต้โต๊ะของไข่มุก เมื่อพวกเราที่เหลือกลับไปถึงห้อง ไอ้สองก็นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ที่โต๊ะของมันเรียบร้อยแล้ว
เข็มนาฬิกาเหนือกระดานดำบ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะสองโมงครึ่งซึ่งจะถึงเวลาเริ่มต้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษคาบแรก ผมและพวกเราที่เหลือในกลุ่มอันประกอบไปด้วย บอย เวศ เบิ้ลและอาร์เดินเข้าไปนั่งโต๊ะของคู่ตัวเองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะของไอ้สองเพราะพวกเราทุกคนล้วนเป็นเด็กหลังห้องและโต๊ะก็ตั้งอยู่ติดๆกันทั้งนั้น
ผมนั่งร่วมโต๊ะกับบอย เวศกับเบิ้ลอยู่ทางซ้ายมือของเรา ส่วนโต๊ะของสองกับอาร์อยู่ทางขวามือติดหน้าต่าง เสียงคุยกันจ้อกแจ้กเริ่มดังทั่วบรรยากาศตามปกติ ผมกำลังเหลือบมองไอ้สองพอดีเมื่อครูเอ๋เดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมๆกับที่เสียงของรัฐภูมิเด็กนักเรียนผู้เป็นหัวหน้าห้องลุกขึ้นยืนพูดด้วยเสียงอันคมชัดว่า
“นักเรียน...ทำความเคารพ!”
เด็กนักเรียนชายและหญิงทั้งสามสิบห้าคนในห้องหกทับสามประสานเสียงสวัสดีคุณครูกันอึงคะนึงจนฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนใหญ่มักจะลุกขึ้นยืนตามหัวหน้าห้อง มีแต่ไอ้เด็กแสบหลังห้อง(ซึ่งก็คือพวกเรา)เท่านั้นที่ทำเนียนนั่งเฉยเพราะครูกวาดตามองมาไม่ถึง ผมใช้จังหวะนั้นหันไปส่งสายตาถามไอ้สองว่าปฏิบัติการแรกสำเร็จดีไหม ไอ้สองพยักหน้าหงึกๆแล้วส่งสัญญาณให้ผมรอดูปฏิกิริยาของไข่มุกซึ่งโต๊ะของเธอตั้งอยู่บริเวณกลางห้องเยื้องทางขวามือนิดหน่อย เมื่อทุกคนทำความเคารพคุณครูเรียบร้อยก็นั่งประจำที่ หลายคนล้วงมือเข้าใต้โต๊ะเพื่อหยิบหนังสือขึ้นมาวาง ไข่มุกก็คือหนึ่งในนั้น และแล้ว-
“โอ๊ย! คุณครูขา ใครไม่รู้เอาหนามมาใส่ไว้ใต้โต๊ะหนูค่ะ!”เสียงของไข่มุกร้องลั่นห้องเมื่อเธอมีท่าทางผงะและชักมือออกจากใต้โต๊ะทันทีเหมือนมีสัตว์ร้ายคอยตะครุบอยู่ด้านใน ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่เธอเพียงผู้เดียวอย่างประหลาดใจ เลือดหยดเล็กๆผุดขึ้นบนปลายนิ้วของไข่มุกเป็นหลักฐานที่หนามของอะไรบางอย่างในช่องเก็บของใต้โต๊ะฝากเอาไว้
จากคุณ |
:
ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.พ. 54 22:36:04
|
|
|
|