|
ตอนที่ 23
ข้าวกล้าและกิริฎาจ้องมองเจ้าแมวตัวจิ๋วรูปร่างราวแมวตุ๊กตา ที่มีขนาดแค่วางได้บนฝ่ามือ ข้างเดียวด้วยอารมณ์ต่างกัน ในขณะที่ชายหนุ่มนึกเอ็นดูเจ้าแมวน้อยสีเทาแซมขาวนี้ ว่าหน้าตาช่างน่ารักน่าชังเสียจริง ส่วนสาวหมวยนั้นตาเป็นประกายมองเจ้าเหมียวน้อย เป็นสะพานเชื่อมหัวใจไปเสียแล้ว ทีนี้หล่อนจะได้หาข้ออ้างโทรมาหาเขาบ่อยๆ หรือชวนเขาไปซื้ออาหารแมวควบออกเดทได้แล้วสินะ
มันน่ารักใช่ม๊า...า เริ่มหลงรักมันหรือยังคะพี่กล้า?
จวนแล้ว.. ฟังคำตอบแล้วหล่อนยิ้มแก้มแทบปริ ดีจริงๆ แผนสำฤทธิ์
เหลือเชื่อจริงๆ มันไม่น่ารอดมาได้เลยนะ เข้าไปในล้อรถแบบนั้น ดีนะไม่มุดออกมากลางถนน ไม่งั้นคงโดนรถเหยียบแบนแน่
นั่นสิคะ เล่าให้ใครฟังเขาก็นึกว่าล้อเล่น
มันจะเข็ดไหมนี่? ว่าแต่เจ้าตัวนี้ชื่ออะไรดีล่ะ?
มันยังไม่มีชื่อเลยค่ะ ตอนนี้ที่บ้านบลูเรียกมันว่า เจ้าล้อแม็กซ์
เข้าท่างั้นแกชื่อนั้นแหละ ล้อแม็กซ์! กิริฎาเบ้ปากทันที ปุดโธ่เอ๋ย...หล่อนก็หวังว่าเขาจะ มีจินตนาการตั้งชื่อได้ไพเราะเพราะพริ้งกว่าคนที่บ้านหล่อนเสียอีก
น่าเกลียดตายเลย เหมียวน้อยเป็นผู้หญิงนะคะ ชื่อล้อแม็กซ์ได้ไง
แนวดีออก ชื่อไม่ซ้ำใครด้วย
พี่กล้าเอาจริงเหรอ?
จริ๊งงงง..ง ชายหนุ่มแกล้งลากเสียงยาว เมื่อเห็นสีหน้าหล่อน
ชื่อประหลาด น้องแมวออกจะน่ารัก เฮ้อ...ดันชื่อล้อแม็กซ์ นึกว่าพ้นบ้านบลูแล้วจะได้ชื่อ เป็นผู้เป็นแมวกะเขาสักที อะไรนี่... คำตัดพ้อนั้นทำเอาข้าวกล้าหัวเราะออกมา
อ้าว...แล้วจะให้มันชื่ออะไรดีล่ะ ล้อแม็กซ์ก็เก๋ออกเวลาใครถามจะได้เล่าที่มาของมันไง
พี่กล้าอยากเล่าทุกครั้งที่มีคนถามเหรอคะ? คำถามนี้ทำเอาเขาชะงัก เออ นั่นสิขืนต้องมา นั่งเล่ายืดยาวทุกครั้งเมื่อยปากสิ้นดี
เอ่อ...แต่พี่ยังคิดชื่อไม่ออกนี่ เอางี้บลูตั้งให้หน่อยแล้วกัน
หาทำไมเป็นบลูล่ะ?
เอาน่าตั้งให้หน่อยนะ
กะทันหันบลูคิดไม่ออกหรอกค่ะ
คิดออกแล้วโทรมาบอกแล้วกัน ไม่อย่างนั้นมันจะชื่อล้อแม็กซ์
อย่านะๆๆๆ หล่อนแกล้งโวยวายไปอย่างนั้นแหละ ทั้งที่แสนจะดีใจพี่กล้าบอกให้หล่อน โทรหาเขาเอง อิ อิ
ก็ได้ๆ...เห็นแก่เจ้าเหมียวหรอกนะ แล้วบลูโทรตอนไหนถึงจะไม่กวนพี่กล้าคะ?
ตอนไหนก็ได้จ้ะ ถ้าไม่รับสายก็แปลว่าไม่ว่างไม่ก็หลับอยู่ไง ข้าวกล้าไม่คิดว่าตนเอง พูดอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อย แต่ไฉนสาวน้อยตรงหน้าถึงได้ดูดีใจนักหนา เขาไม่รู้ว่า หล่อนดีใจเรื่องอะไรแต่เห็นหล่อนอารมณ์ดีเขาก็พอใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เย็นวันนั้นหล่อนกอดถุงกระเป๋า Chanel กลับเข้าบ้านด้วยอารมณ์แจ่มใส โลกของหล่อน สีสวยสดกว่าปกตินัก แล้วด้วยสีหน้าระรื่นเช่นนี้เองจึงถูกใครต่อใครทักเข้า
อาบลูเพื่อนว่าไงบ้าง ป่ะป๊าของหล่อนถามขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าบุตรสาว
ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาชอบมัน
ฝากเงินไปให้เขาด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่อมไว้เองนะ
ป๊าบ้า! อมที่ไหน บลูให้เขาแล้วเขาไม่เอา บลูเลยว่าไว้ซื้ออาหารแมวไปให้เขา ทุกเดือนแทนดีกว่า
เอาอย่างนั้นก็ได้ พูดจบบิดาของหล่อนก็แบมือออกมาตรงหน้า เหมือนจะบอกให้หล่อน คายห้าร้อยบาทที่ให้ไปคืนมาเดี๋ยวนี้
อะไรป๊า ค่าแท็กซี่ที่ขนแมวไปก็ต้องหักด้วยสิ บลูอุตส่าห์เอาไปให้เพื่อนนะ
แล้วตังค์ทอนล่ะ บิดาของหล่อนไม่ได้ตระหนี่ หากต้องการเย้าบุตรสาว เลยแกล้งทวงเงินคืน
ที่เหลือก็ค่าเหนื่อย ค่าเมื่อยของบลูไง เสียค่าน้ำลายกล่อมเพื่อนไปอีกนะ
อีโธ่เอ้ย! สุดท้ายก็อมเงินแมว
อมเงินแมวอะไร นี่มันค่าเสียเวลาของบลูต่างหาก
แล้วค่าอาหารแมวที่ต้องซื้อไปให้เขาล่ะ ป๊าต้องจ่ายอีกรอบหรือไง?
ใช่สิ...เพราะว่ามันคนละส่วนกัน แม่ตัวดียิ้มแยกเขี้ยว
ชะ...เสียรู้อาบลูอีกจนได้ ไม่น่าฝากเงินไปกับมันเลย บิดาแสร้งบ่นอุบอิบ เรียกเสียงหัวเราะ จากคนในครอบครัวเป็นที่ครื้นเครง
เจ้าเล่ห์นักนะบลู เป็นเจ้เง็กที่เดินตามมาแซวหลังจากหล่อนแยกตัวเข้าห้องส่วนตัว
เจ้าเล่ห์อะไร เขาเรียกรู้จักพิทักษ์ผลประโยชน์ตัวเองต่างหากล่ะเจ้เง็ก ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เอาเถอะๆ ว่าแต่ไปซื้อกระเป๋ามาเหรอ? Chanel เสียด้วย
นี่เหรอ? ของเพื่อนน่ะ พอดีเลยเจ้เง็กดูไหม? ของแท้นะ ว่าแล้วหล่อนก็จัดแจงนำกระเป๋า ใบหรูนั้นออกมาให้ลูกพี่ลูกน้องชม
| จากคุณ |
:
แก้วกังไส
|
| เขียนเมื่อ |
:
15 ก.พ. 54 01:55:13
|
|
|
|