Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
++ พันธะเหนือลิขิต (Acentharia-2) ...ตอนที่ 2/1 ++ ติดต่อทีมงาน

ลูกโป่ง ตอนก่อน:......

[1/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10223038/W10223038.html
[1/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10228655/W10228655.html
[1/3] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10235714/W10235714.html

................................



======================
กระดิ่ง <<<ตอนที่ 2 >>> กระดิ่ง
======================


                   

                   “ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ? ”

                   เด็กสาวร่างแบบบางดวงหน้าจิ้มลิ้มงามพริ้มเพรา ไว้ผมยาวสีน้ำตาลทองเป็นลอนสวย ชะงักเท้าตนเองลงหยุดยืนริมทางเดินซึ่งเชื่อมไปยังอาคารสูงสามชั้น นัยน์ตากลมโตสีดำสุกใสแฝงประกายซุกซนและอยากรู้อยากเห็น มองตามกลุ่มคนสิบกว่าคนที่กำลังเข็นรถเข็นเครื่องมือสองคันไปยังตัวอาคารข้างหน้าอย่างรีบเร่ง

                   หากจำไม่ผิด คนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ในทีมแพทย์ประจำยานซาปิธัสทั้งสิ้น

                   หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับใครบนอาคารหลังนั้น ?

                   ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่นามว่าเฟมัสซึ่งเดินรั้งท้ายสุด จึงถูกฉุดแขนไว้ให้หยุดตอบคำถาม

                   “ เจ้าหญิงไอบิริน ”

                   นายแพทย์วัยกลางคนแอบถอนใจเบาๆเมื่อเบือนหน้าไปเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนของจักรวรรดิเมลาเนียลสังกัดอยู่กับกองทัพแห่งเนริเปี้ยน แต่ในเมื่อเวลานี้เจ้าชายอาซิคาลอสทรงยอมรับและให้การยกย่องเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเอลลาโกผู้นี้เป็นพระขนิษฐาบุญธรรม

                   อีกฝ่ายก็เท่ากับมีพระฐานะเป็นเจ้าหญิงที่เขาต้องให้ความเคารพเช่นกัน

                   “ เราถามคุณว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ยินเหรอ ? ”

                   “ ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ โปรดหลีกทางกระหม่อม กระหม่อมต้องรีบไป ”

                   หากเจ้าหญิงน้อยยังคงกางพระหัตถ์กว้างขัดขวางไว้ ตรัสถามต่อ ราวกับว่าถ้าตอบไม่รู้เรื่องก็อย่าหมายว่าพระองค์จะยอมเปิดทางให้ไป

                   “ แล้วพวกคุณกำลังจะไปไหน ? ”

                   “  ท่านฟิเกอรัสมีคำสั่งให้ระดมทีมแพทย์และเครื่องมือช่วยชีวิตไปเตรียมความพร้อมที่หน้าห้องปฏิบัติการหมายเลขแปดอย่างรีบด่วนเลยในตอนนี้ ”

                   เฟมัสจำใจตอบไปตามความเป็นจริง อย่างน้อยเรื่องตรงนี้ก็หาได้เป็นคำสั่งลับอะไรแต่อย่างใดไม่

                   “ มีใครเป็นอะไรเหรอ ? ”

                   “ ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่าทางดูเหมือนคงกำลังจะมีมากกว่า ”

                   “  งั้นเราไปด้วย ”

                   “ อย่าดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ”

                   เฟมัสสูดลมหายใจลึกๆ ตัดสินใจเสียมารยาท อ้างใครบางคน.. คนที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายกลัวเกรงที่สุดยกขึ้นมา‘ขู่’

                   “  ที่นั่นเป็นเขตหวงห้าม อีกทั้งยังอาจมีรังสีอันตรายรั่วไหลกระจายอยู่ หากฝ่าบาททรงทราบอาจไม่พอพระทัยที่เจ้าหญิงทรงฝ่าฝืนพระบัญชาก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ”

                   เมื่อเจอไม้นี้ พระพาหาเรียวเล็กที่กางอยู่จึงค่อยหุบแนบลงกับพระวรกายอย่างจำยอม

                   “  งั้น....”

                   “ ขอประทานอภัย กระหม่อมขอตัวรีบไป ”

                   เฟมัสรีบตัดบท พูดจบก็จ้ำฝีเท้าตามพรรคพวกซึ่งล่วงหน้าไปแล้วไกลโข โดยไม่สนใจคนที่ยืนทำพระพักตร์ง้ำงออยู่ข้างหลังอีกเลย

                   “ เชอะ... คนพวกนี้ก็ชอบเอาเจ้าพี่มาอ้างอยู่เรื่อย ”

                   เจ้าหญิงน้อยตรัสบ่นงึมงำในพระศออย่างเคืองๆ หากแต่ความสงสัยที่ชอนไชอยู่ในพระทัย บดบังความรู้สึกอื่นไปจนมิด ขบคิดเล็กน้อยค่อยพึมพำเบาๆ

                   “ ไปหาผู้พันมากัส ถามเอากับเขาดีกว่า ”

                   อย่างน้อยในกองทัพเมลาเดียลบนยานลำนี้ คงมีแต่คนผู้นี้นี่แหล่ะที่ใจดีกับพระองค์ที่สุด

                   ครั้นพระวรองค์เล็กบางสาวพระบาทผละไป ไม่ไกลจากที่ตรงนั้นใครอีกคนหนึ่งซึ่งยืนแนบกายสูงใหญ่ทาบหลังพิงโคนเสาลอบฟังคำสนทนาทั้งหมดอยู่หลังกระถางพุ่มไม้อย่างเงียบงัน  ก็ค่อยผงกศีรษะเยี่ยมหน้าเล็กน้อยออกมามองไปทางอาคารสูงสามชั้นข้างหน้า

                   เค้าใบหน้านั้นดูธรรมดาอย่างยิ่งจนไม่มีอะไรน่าสะดุดตา จากการแต่งกายคาดว่าคงเป็นคนงานที่คอยดูแลความสะอาดเรียบร้อยทั่วไปบนยาน หากลึกลงไปในดวงตาสีเทาเข้มยามตกอยู่ในห้วงครุ่นคิดกลับคล้ายจะเรืองแสงสีน้ำเงินจางๆออกมาด้วย ทำให้นัยน์ตาคู่นั้นฉายประกายอำนาจอันลึกลับจนยากจะหยั่งคาดชนิดหนึ่ง

                   ในมือข้างขวาถือตลับกลมแบนสีเงินอันหนึ่ง เขาก้มลงจับจ้องมองตลับในมือนิ่งงันชั่วขณะ ครั้นพอขยับกายอีกครั้ง ทั้งร่างก็พลันวับหายไปจาก ณ ตรงนั้นในทันที

                   คนๆนี้คงจะไม่ธรรมดาแล้วแม้แต่น้อย

                   และคาดว่าคงไม่ได้เป็นแค่คนงานเล็กๆคนหนึ่งจริงๆอย่างแน่นอน !



                   ............................................


                   

                   สถานการณ์หลังฉากกระจกสีน้ำเงินใสยังคงตึงเครียด

                   ไฟสีส้มกะพริบถี่ตลอดเวลา ส่งเสียงเร่งเร้ากระแทกใส่หัวใจทุกคนในห้องนั้นจนแทบจะหยุดเต้น

                   คอธเสียงขลุ่ยของจีฮานที่สอดแทรกเข้าไปนับว่าช่วยยืดเวลาของสถานการณ์ที่ใกล้ระเบิดออกไปได้ระยะหนึ่ง นักบวชหนุ่มแม้ศึกษาคัมภีร์บทเพลงฉบับนั้นพร้อมๆกับเจ้าชาย หากเขาเน้นฝึกฝนบทเพลงสำหรับการรักษามากกว่าบทอื่นๆ เวลานี้จึงค่อยสามารถดึงมาใช้ประโยชน์ได้อย่างประจวบเหมาะ

                   ถึงแม้เส้นกราฟคลื่นพระหทัยเวลานี้จะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ระดับความดันพระโลหิตและอัตราการเต้นของพระชีพจรก็ยังทั้งสูงและเร็วคงที่ ทั้งนี้คงเพราะอานุภาพบทเพลงแห่งการรักษาที่เข้าไปช่วยประคับประคองไว้ แต่กระนั้นก็มีใครรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะถูกยืดออกไปได้นานสักเท่าใด

                   ก็ได้แต่หวังว่าการแยกร่างพลังคอสมิคคิวปัสตีจากร่างมนุษย์โลกทั้งสองจะสำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็ว หรือไม่ก็เจ้าชายทรงยอมละพระทิฐิยอมรับความล้มเหลว ค่อยๆลดการเร่งเร้าคอธแล้วถอยออกมาอย่างช้าๆเพื่อรักษาพระชนม์ชีพไว้

                   “ ดูนั่น ! ”

                   เสียงใครบางคนอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น  ชี้ไปที่ตู้แคปซูลของชายหนุ่มชาวโลกซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลืองปิดไว้จนมิดร่าง แวบนั้นทุกคนเพียงเห็นฝาตู้พลันดีดเปิดออก จากนั้นก็ไม่อาจเห็นอะไรได้อีก เมื่อแสงเจิดจ้าแทบบาดตาได้สาดกระจายไปทั่วห้อง จนทั้งหมดต้องยกมืแขนตนเองขึ้นป้องหน้าอย่างลืมตัว

                   วินาทีนั้นกระแสเสียงขลุ่ยทั้งสองสายก็พลันชะงักหาย แล้วดูเหมือนมีเพียงนักบวชหนุ่มเท่านั้นที่มองเห็นว่าคล้ายกับมีกลุ่มควันสีเหลืองกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเป็นร่างแห่งแสง ลอยตัวขึ้นจากร่างเลือดเนื้อของคนที่ทอดกายนอนอยู่ ทะยานเข้าหาเจ้าชายอาซิคาลอสที่ปล่อยขลุ่ยในพระหัตถ์ร่วงตกลงสู่พื้น ประทับยืนส่ายพระวรกายโงนเงนไปมา

                   แต่จีฮานก็เห็นได้เพียงแค่นี้เท่านั้น เพราะขณะจะถลันกายเข้าไปช่วยประคอง พลังมหึมาหอบหนึ่งก็ราวแผ่ออกมาจากกลุ่มควันแห่งแสง สะบัดใส่เขาจนร่างหมุนคว้างไปกระแทกกับฝาผนังห้องดังโครมใหญ่

                   เหตุการณ์ทั้งหมดแม้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่สะกดทุกคนในที่นั่นจนตะลึงพรึงเพริศแทบทำอะไรไม่ถูก หลังจากทุกอย่างสงบ แสงสว่างจ้าที่ปกคลุมไปทั่วห้องเจือจางลง มากัสเป็นคนแรกที่ได้สติ

                   “ จาร์..ปิดเครื่อง ! ”

                   พร้อมกับเสียงร้องสั่ง ตนเองก็พุ่งกายไปที่ประตูทางเข้าเป็นคนแรก กดปุ่มเปิดประตูโถมเข้าไปในห้องนั้น ณ เวลานี้ลืมเสื้อคลุมกันรังสีไปจนหมดสิ้น ไม่กังวลสนใจอีกแล้วว่าจะมีรังสีอะไรรั่วไหลเป็นอันตรายกับตนเองหรือไม่ เพราะชีวิตของเขาเวลานี้ไม่มีค่าเทียบเท่าความปลอดภัยของเจ้าชายผู้เป็นเจ้าชีวิตได้เลย

                   จาริโอเธอรัสหลังจากปิดเครื่องเดินพลังงานก็วิ่งโถมตามมากัสเข้าไปพร้อมกับฟิเกอรัส แต่ทั้งสามเพียงผ่านพ้นประตูมาได้แค่สองสามก้าว ก็ราวกับถูกมนต์สะกดให้ชะงักค้างกับที่ มองภาพเบื้องหน้าภายในห้องนั้นอย่างตกตะลึง




                   ............................................



.

จากคุณ : ธีตภากร
เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 03:31:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com