Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
^แด่คนสองคน บางฉบับของความรัก^ ติดต่อทีมงาน

แด่คนสองคน
เพราะความรัก...ต้องการแค่หัวใจสองดวง

----------

ผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวบนเตียงพยาบาลทำหน้าเหมือนจะเหลือแค่สองนิ้ว ยิ่งเมื่อสบตาวาว ๆ ของเธอเขาก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนจ๋อย ถอนใจเบา ๆ บอกซ้ำคำเดิมเป็นครั้งที่สิบ


“ผมขอโทษ...”

เธอแค่นเสียงเฮอะในคอเบา ๆ แล้วพลิกตัวหนีไปอีกด้าน และเขาก็เดินอ้อมเตียงไปยืนมองอย่างง้องอนเป็นรอบที่สิบเช่นกัน

กำลังจะพูดซ้ำคำเดิม เสียงแหลมก็ดังขึ้นด้วยความหงุดหงิด “หยุดทำตัวงี่เง่าด้วยการเดินไปเดินมาแบบนี้เสียทีเถอะ ฉันเหนื่อยกับคุณเต็มทีแล้ว”

“ผม...แค่อยากบอกว่าเสียใจ แล้วก็...ขอโทษ”

“ขอโทษอะไรละ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แค่ฉันบอกให้รับขนมมาให้ด้วย คุณก็ไม่ได้เอามา แค่ฉันบอกให้กลับบ้านเร็ว ๆ คุณก็กลับเสียสี่ห้าทุ่ม เหอะ...ไม่รอให้ฉันตายเสียก่อนละ” เริ่มมีแรงเธอก็เริ่มอาละวาด ขอบคุณน้ำเกลือกับการนอนซมมาตลอดคืนที่ทำให้เธอมีแรงพอจะวีน

ใช่...ที่เงียบให้เขาเดินไปเดินมาทั้งวัน ก็แค่รวบรวมแรงเอาไว้วีนเท่านั้นเอง

“ผม...ไม่ได้...” เขาพูดอะไรไม่ออก นอกจากถอนใจยาวแล้วยกมือขึ้นเสยผมด้วยความอึดอัดใจ ก่อนที่ร่างสูงหนาจะตัดสินใจเดินมานั่งลงบนเตียงนุ่ม ข้าง ๆ ร่างที่กระถดตัวหนีราวจะรังเกียจ แต่ทำไม่ได้มากเพราะเขาคว้ามือนุ่มมากุมไว้เสียก่อน

“ผม...ติดงานสำคัญจริง ๆ ”

“งานสำคัญ...หึ สำคัญกว่าเมียที่กำลังป่วยแล้วก็ลูกของคุณด้วยสินะ” เธอเหยียดริมฝีปากหยันทั้งที่น้ำตาไหลออกมาคลอจนล้นเปรอะสองข้างแก้ม

“ไม่...ผมคิดว่าคุณอยู่กับแม่บ้าน”

“ทำไมฉันต้องอยู่กับแม่บ้าน เมื่อคุณเคยบอกว่าจะดูแลฉันไปชั่วชีวิต” หญิงสาวร้องไห้ออกมาแล้วดึงมือออกจากมือของชายหนุ่มเพื่อจะพลิกตัวไปอีกทาง

ร่างสูงโน้มตัวลงไปกอดร่างบางบนเตียงซึ่งกำลังตัวสั่นเพราะแรงสะอื้นไว้แน่น “ผมขอโทษ...ที่รัก ผมขอโทษ”

“ขอโทษกี่ครั้งแล้ว คุณขอโทษฉันมากี่ครั้งแล้ว” เธอกรีดร้องอย่างโกรธเคือง พยายามขยับตัวหนี แต่เพราะร่างหนาที่โถมตัวลงมากกไว้ทำให้การจะเคลื่อนไปทำได้แค่ขยับไปมาอยู่ในอ้อมกอดนั้นเท่านั้นเอง “ออกไปเลย...ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ลูกก็ด้วย ยังไงคุณก็ไม่ต้องการอยู่แล้ว”

“ใครบอกผมไม่ต้องการ” เขาทำเสียงดุ นี่ขนาดกำลังง้อเธออยู่นะนี่ ดูสิผู้ชาย...ป่าเถื่อน ดุร้าย ข่มเราด้วยกำลังและอำนาจที่คิดว่าเหนือกว่า

เหอะ...อย่าคิดนะว่าผู้หญิงจะต้องกลัวไปทุกคน

“คุณไง อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ” ประโยคหลังเธอแหวใส่

“ผมไม่ได้ขึ้นเสียง และก็ไม่ได้ไม่ต้องการลูกด้วย”

“คุณบอกว่าเรายังไม่พร้อม” เธอเอาคำที่เขาเคยพูดมาย้อน เสียงเจือสะอื้นอย่างขมขื่น “ลูกฉัน ฉันเลี้ยงเองก็ได้”

“ไม่พร้อมไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการ ผมแค่คิดว่าเราต้องปรับชีวิตตัวเองอีกมากมายหากคิดจะมีลูก” เขาพยายามใจเย็น แต่เสียงที่ข่มให้เรียบนั้น สำหรับคนกำลังงอนมันบอกถึงความเย็นชา

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เผลอใช้ฟันขบด้วยความเคยชิน ยิ่งแค้นก็ยิ่งขบแรง น้ำตายังไหลเปื้อนทั้งสองแก้ม ร่างยังสะท้านด้วยแรงสะอื้นและแน่นอน ยังขยับดิ้นเร่า ๆ อยู่ในอ้อมกอดนั้น เพื่อจะยืนยันว่าเธอกำลังงอน

“อย่าดิ้นมากสิ...เดี๋ยวก็สะเทือนถึงลูกหรอก” เขาเอาลูกมาขู่ เธอจึงยอมหยุด

ใช่...เธอหยุดเพราะห่วงลูกในท้องนั่นละ ไม่ใช่เพราะเสียงที่ทอดอ่อนลงจนเกือบจะเรียกได้ว่านุ่มของเขาหรอก

“คุณก็ลุกไปสิ”

“ไม่ได้หรอก...ผมต้องกอดคุณไว้อย่างนี้ ลูกจะได้รู้ว่าครอบครัวเราอบอุ่นและน่าอยู่มากแค่ไหน”

“อบอุ่นจนคุณลืมฉันไปเลยน่ะเหรอ เหอะ...” เธอแค่นเสียงหยัน

“ผมไม่ได้ลืมคุณ”

“ลืมขนมที่ฉันฝากไห้รับมา ก็เท่ากับลืมฉันนั่นละ”

“มันก็แค่ขนม” เขาเอ่ยพลางถอนใจ บทสนทนาวนกลับมาเรื่องเดิมอีกแล้ว “ผมเลิกประชุมออกมาก็ดึกมากแล้ว กลัวคุณจะรอนาน ผมก็เลยรีบตรงมาหาคุณ ไม่กล้าแวะที่ไหน แล้วดูสิ...มาเจอคุณนอนอยู่บ้านคนเดียว ตัวก็ร้อนอย่างกับไฟ รู้ไหมผมตกใจแค่ไหน”

“ฉันก็บอกแล้วให้คุณกลับบ้านเร็ว ๆ สี่ห้าทุ่มของคุณเรียกเร็วไม่ใช่ดึกนี่” เธอยังประชดไม่เลิก อารมณ์แค้นเคืองของผู้หญิงเป็นไฟกองโตที่ดับยากที่สุดในโลกอย่างแท้จริง

“โธ่...ที่รัก” ชายหนุ่มครางอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเหลือบมาเห็นว่าภรรยากำลังกัดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงสะอื้นอย่างไม่ค่อยสำเร็จนัก

เขาถอนใจเบา ๆ กับนิสัยเสียชอบกัดปากตัวเองเวลาเครียดของภรรยา ไม่ใช่น่าเกลียดหรอก ผู้หญิงของเขาสวยเสมอแม้เวลาตั้งท้องอยู่แล้ว แต่ที่แย่คือปากเธอจะเจ็บ และหลายครั้งเธอก็ปากแตกโดยไม่รู้ตัว

หน้าที่ของสามีที่ดีคือปกป้องดูแลภรรยา ไม่เว้นแม้แต่ริมฝีปาก

ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้น แตะริมฝีปากเธอเบา ๆ “อย่ากัดปากสิ...ช้ำหมดแล้ว”

“ปากฉัน ไม่ต้องมายุ่ง” เธอเชิดหน้าขึ้นรั้น ๆ

เธอคงลืมไปแล้ว ว่าสามีที่น่ารักอย่างเขามีวิธีปราบพยศภรรยาแสนดีอย่างไร เมื่อเธอรั้นเสียจนไม่ยอมรับฟังคำขอโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ร่างสูงขยับตัวขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวจึงได้โอกาสพลิกตัวให้สบายขึ้น แต่กลับเข้าทางพ่อเสือที่รอจังหวะอยู่แล้ว เขายืดหลัง โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มลงแตะริมฝีปากที่แก้มเนียนนุ่มแล้วลากเลยมาข้างริมฝีปากนุ่ม

“ปากคุณก็ของผม...”

“บ้า...เห็นแก่ตัว” เธอสะบัดเสียงว่า แล้วพยายามหันหน้าหนี คุณสามีกลัวว่าหากหันมาก ๆ จะกระเทีอนกับลูกในท้อง เขาจึงเลื่อนริมฝีปากไปอีกนิด ทาบลงบนเรียวปากนุ่ม หวาน ค่อย ๆ แทรกลิ้นเข้าไปแตะไรฟันที่ขบกันไว้แน่นคล้ายเป็นปราการอย่างแผ่วเบา

เขาไม่ได้เร่งร้อน แค่แตะลิ้นไปเบา ๆ ราวจะละเลียดรสหวานนุ่มนั้นอย่างเชื่องช้า ส่งผ่านความอ่อนโยน วิงวอนไปกับทุกสัมผัส รอจนเธอใจอ่อน เปิดทางให้เขาส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกันไว้อย่างนุ่มนวล

“ปากคุณต่างหากที่เป็นของฉัน” เธอกระซิบเบา ๆ เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ดวงตาคมวาวจ้องหน้าเขาอย่างถือสิทธิ์

“ไม่ใช่แค่ปาก...ทั้งตัวและหัวใจผมก็เป็นของคุณ” เขากระซิบคำออดอ้อน “อย่าโกรธเลยนะคนดี”

หญิงสาวตวัดค้อนใส่วงโต ก่อนจะนิ่งเงียบไปราวต้องการเวลาตัดสินใจ ครู่ใหญ่เธอก็บอก “ฉันอยากไปทะเล...เสาร์นี้ ไม่ ๆ ไปตั้งแต่วันศุกร์เย็นเลย คุณเลิกงานสี่โมงเราก็ไปกันเลย”

ชายหนุ่มอ้าปากค้าง สมองดึงเอาภาพตารางงานที่บันทึกไว้ในสมาร์ทโฟนออกมาไล่เลียงดูอย่างรวดเร็ว

ชิบโป๋งแล้ว...ห้าโมงครึ่งวันศุกร์มีนัดกินข้าวกับตัวแทนซัพพลายเออร์รายใหญ่

ใบหน้าที่จืดเจื่อนไปทันทีเหมือนจะฟ้องความคิด หญิงสาวหรี่ตามองหน้าสามี แค่นเสียงในจมูกออกมาอย่างรำคาญใจ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง “ไม่ว่างก็ไม่ต้องไป ฉันไปเองก็ได้ เชิญคุณอยู่กับงานของคุณให้พอเลย”

ว่าแล้วร่างบางก็สั่นสะท้าน สัญญาณหายนะที่มีเสียงปี่ประโคมคลอกำลังจะเริ่มบรรเลง

เกิดเป็นสามีก็ลำบากเยี่ยงนี้ ยิ่งสามีที่มีงานท่วมหัวก็มักเอาตัวไม่ค่อยจะรอด

ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ  อย่างหนักใจ ชั่งน้ำหนักระหว่างงานกับภรรยา  ตัดสินใจยากกว่าพิจารณาโปรเจคท์เสียอีก

“ที่รัก...เราไปกันวันเสาร์ดีไหม”

“ไม่ดี...ไปวันเสาร์กว่าจะเดินทางก็สาย กว่าจะถึงก็บ่าย เสียเวลา” เธอตอบอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่ต้องไป ฉันจะไปเอง”

“ได้ยังไง...คุณกำลังท้องกำลังไส้”

“อ๋อ...ถ้าฉันไม่ได้ท้องคุณจะปล่อยฉันไป” เธอคิดไปอีกทาง หาเรื่องได้ไม่หยุดหย่อน

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทำหน้าปั้นยาก “ไม่ใช่...ผมอยากไปกับคุณด้วย”

“ถ้าไปเพราะหน้าที่คำว่าสามีละก็ ไม่ต้องหรอก...ทำงานของคุณไปให้พอเลย”

“ไม่เกี่ยวหรอกคนดี...ผมอยากไปกับคุณก็เท่านั้นเอง” เขาพยายามง้อ แต่หญิงสาวยังเชิดหน้าใส่

“ไม่ต้องมาพูดหวาน ฉันไม่เชื่อคุณหรอก ไปไกล ๆ เลย ชิ่ว ๆ”

“ไปได้ยังไง ผมอยากอยู่ข้าง ๆ คุณ” เขากระซิบบอกแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ พอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มจึงต้องสปริงตัวออกมายืนข้างเตียง

สาวสวยในชุดขาวก้าวเข้ามาพร้อมรถสแตนเลสที่วางเครื่องมือแพทย์ไว้เข้ามาในห้อง “ขออนุญาตวัดไข้ วัดความดันนะคะ”

หญิงสาวบนเตียงไม่ตอบ เธอพลิกตัวไปอ้าปากรับปรอทวัดไข้มาอมไว้ แล้วพลิกกลับมาซ่อนหน้าเสี้ยวหนึ่งลงกับหมอนที่หนุนนอน ยื่นออกมาแต่แขนให้พยาบาลสาวพันแถบผ้าร่มเพื่อวัดความดันเลือด รออยู่ไม่นาน การเครื่องวัดความดันก็ทำงานเรียบร้อย พยาบาลสาวหยิบปรอทวัดไข้ออกจากปากเธอ ก่อนหันมาบอกอย่างสุภาพ แล้วเข็นรถออกไป

“ไม่มีไข้นะคะ”

ประตูปิดลง แล้วเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นเบา ๆ เธองอแงมากขึ้นตั้งแต่วันที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ อารมณ์หงุดหงิดของผู้หญิงรุนแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว และเขาก็เหนื่อยจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ชีวิตคู่ที่มีแต่การทะเลาะกันแทบทุกวัน

ชีวิตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและคราบน้ำตา

ทั้งเขาและเธอต่างก็ทรมานกันทั้งสองฝ่าย วุ่นวายกับการปรับตัวครั้งแล้วครั้งเล่า เตรียมใจให้ชิน...ไม่ใช่กับการมีใครสักคนอยู่ในชีวิต แต่เป็นการมีใครสักคนที่พร้อมจะขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา

ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ เมื่อเดินกลับมานั่งข้างเตียงนุ่ม เขายื่นมือไปจับมือหญิงสาวไว้ “วันศุกร์ผมมีนัดกับตัวแทนซัพพลายเออร์”

หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากตัวเองอีกแล้ว หยาดน้ำตาที่ยังไม่แห้งล้นกลับมาอีกครั้ง เธอดึงมือออกด้วยความโกรธ ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเขาก้มลงมาบอกข้างหู “แต่ช่างเถอะ...เดี๋ยวค่อยหาคนไปแทน”

เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหันมามองตาเขาอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มจึงเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ผมปล่อยคุณไปคนเดียวไม่ได้หรอก”

“ฉันมีคนขับรถ มีคุณแม่บ้าน แล้วก็...ลูก” เธอท้วง

“สำหรับผม...ที่ไหนที่ไม่มีเรา แปลว่าคุณอยู่คนเดียวทั้งนั้น” เขาสบตาเธออย่างอ่อนหวาน “ถึงต่อไปข้างหน้า...คำว่าเราจะมีเจ้าตัวเล็กเพิ่มขึ้นมา แต่ผมก็ไม่ยอมให้คุณหรือลูกไปไหนคนเดียวหรอก”

หญิงสาวกระพริบตามองก่อนจะร้องไห้โฮออกมา ชายหนุ่มต้องคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น มือข้างหนึ่งลูบหลังบอบบางนั้นเบา ๆ ปล่อยให้เธอร้องจนพอใจ แล้วคำหวาน ๆ ก็หลุดออกมา

“คนบ้า...ฉันก็ไม่ยอมให้คุณปล่อยฉันไปคนเดียวเหมือนกัน”

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ถอนใจอย่างโล่งอก

หมดไปหนึ่งเรื่อง เมื่อคราบน้ำตาถูกเช็ดออก เธอจะยิ้มได้อีกครั้ง และหัวใจเขาก็บอกว่ายังมีความสุขดี

ช่างมันเถอะอะไรที่ต้องเหนื่อย ช่างมันเถอะอะไรที่ต้องทุกข์ ขอแค่มีผู้หญิงคนนี้อยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่แคร์อะไรอีกแล้ว

แม้จะต้องง้องอนเธอแทบทุกชั่วโมง แม้จะต้องเหนื่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องภรรยา แต่เขาก็หยุดรักเธอไม่ได้

ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะทะเลาะกันอีกกี่ครั้ง ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะโกรธกันอีกสักกี่หน ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะต้องง้อเธออีกมากเท่าไร ไม่สำคัญเลยแม้ว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายยอมอยู่เสมอ

เพราะเมื่อเขาถอยให้ครึ่งก้าว เธอก็จะถอยให้เขาก้าวหนึ่ง...แค่นั้นก็บอกแล้วว่าเธอยังรักเขา





เมื่อเราให้ความรักไปและได้รักตอบกลับมา นั่นไม่ใช่ความสุขอย่างที่สุดหรอกหรือ

แม้บนเส้นทางของความรักจะมีทุกข์เดินเข้ามาทักทาย นั่นก็แค่ทำให้เราได้รู้ว่ารักครั้งนี้สำคัญกับเราแค่ไหนไม่ใช่หรือ เมื่อความจริงแล้วธรรมชาติของชีวิตคือความทุกข์ ธรรมชาติของมนุษย์คือความต่าง เมื่อชีวิตมนุษย์สองคนถูกร้อยเข้าด้วยกัน ย่อมเต็มไปด้วยความทุกข์บนความต่าง

ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้เสมอ วันนี้...พรุ่งนี้ ตอนนี้...หรืออีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

แต่เพียงตราบเท่าที่มือยังกุมมือ ตราบเท่าที่ใจยังเคียงใจ รักก็จะพาฝ่าฟันไปได้เสมอ

ขอแค่ยังไม่ลืม...ว่าเรา...มีความรักร่วมกัน



--------

ตอนท้ายเริ่มแปลก ๆ งง ๆ (หรือเปล่านะ) แบบว่า...ช่วงท้ายที่เขียนเกิดมรสุมเข้าเล็กน้อยถึงปานกลาง บทจบเลยเป็นเช่นนี้ --"



ควันหลงวันวาเลนไทน์ค่ะ

จากคุณ : Argent
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 13:07:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com