Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กามาลี ที่รัก ...ตอนที่ 3 ติดต่อทีมงาน


กามาลี ที่รัก ตอนที่  3

...เสียงพวกเราเงียบลงพร้อมกัน แล้วหันไปมอง ต้นเสียงที่เอะอะหัวเราะดังโหวก และยังมีกลิ่นเหล้าบุหรี่คละคลุ้งตามเข้ามาพร้อมกับประตูกระจกด้านหน้าที่กำลังแง้มเปิด โดยเหล่าชายฉกรรจ์ในชุดตำรวจสีกากีเต็มยศบ้างครึ่งท่อนบ้างรวมแล้วห้านาย  และหนึ่งในนั้น คือ ผู้กองอุดม

ฉันยังนั่งหลบที่โซฟายาว อยู่ท้ายห้องโถง  สายตามองไกลไปที่เคาน์เตอร์บาร์รับแขก ตำรวจหนุ่มรุ่นใหญ่วัยสามสิบปลายๆ ร่างกายกำยำสูงโปร่ง อกผายไหล่กว้างและกล้ามแขนที่แทบล้นเสื้อออกมา  เสื้อยืดขาวคอกลมขลิปน้ำตาลสวมทับด้วยกางเกงสแลคสีกากี  และรองเท้าหนังสีดำมันเป็นเงาวับ  ยืนเด่นสง่าอยู่ในวงเพื่อนๆตำรวจที่เข้ามาพร้อมกัน  ...สมกับที่สาวๆน้อยใหญ่พากันร่ำลือ โดยเฉพาะใบหน้าหล่อเข้มดูน่าเกรงขาม เมื่อหันมองมาสบตาฉัน ตามปลายนิ้วของเจ๊สุดาที่ชี้มา  ฉันเหมือนต้องมนต์สะกด ลุกเดินไปตามมือที่เจ๊กวักเรียก

"สวัสดีคะ ...ฉันชื่อเอมมิกา  ...ยินดีรับใช้นะคะ"
ฉันเดินเข้ามาใกล้ แล้วยกมือไหว้ตามมารยาท แต่ไม่กล้าสบตาเขาอีกเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหวั่นไหวเพียงนี้ ทั้งที่ลูกค้าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้าหลายตา ต่างก็ยอมศิโรราบต่อฉันทั้งนั้น หรืออาจเป็นเพราะความกดดันที่เจ๊สุดา เอ่ยฝากความหวังไว้เป็นแน่
"หนูเอม หนูไปจัดห้องเตรียมไว้นะลูก เดี๋ยวเจ๊พาผู้กองไปส่งเอง"
เจ๊เอ่ยบอกฉัน พร้อมสบตาและพยักหน้าเหมือนย้ำเตือนถึงสิ่งที่คุยกันเมื่อวันก่อน

ตามธรรมเนียมเมื่อลูกค้า เลือกพนักงานนวดได้แล้ว ฉันก็ต้องไปเตรียมอุปกรณ์ เตรียมห้อง ตรวจเช็คความเรียบร้อย ก่อนลูกค้าจะตามเข้าไป  ...ด้านหลังเมื่อฉันเดินออกมา เสียงหัวเราะเฮฮาในห้องโถงรับแขกยังดังไม่หยุด ตำรวจนายอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับการเลือกสาวๆ ตามที่เจ๊สุดาแนะนำ เหมือนตลาดสดเลือกซื้อขายผักปลากันรึไงนะ ฉันคิดด้วยความขุ่นเคือง ปกติลูกค้าที่มาใช้บริการเขาจะสุภาพกันกว่านี้มาก
หลังจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว  ฉันยืนนิ่งทำใจกับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ และก็อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้เมื่อนึกถึงผู้กองสุดหล่อ กับบรรยากาศสุดโรแมนติก ในห้องนวดสี่เหลี่ยมเล็กๆ สักครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยของเจ๊สุดากับผู้กองดังใกล้เข้ามา พร้อมกันนั้นฉันก็เปิดประตูห้องเพื่อรับลูกค้าเข้าสู่ชั่วโมงแห่งการผ่อนคลาย

"เชิญค่ะ"
ฉันเอ่ย แล้วก้มตัวลงเล็กน้อย เป็นการเชื้อเชิญลูกค้า และหันไปสบตาเจ๊สุดาอีกครั้ง ก่อนปิดประตูเบาๆ แล้วเดินนำหน้าเขาไป

"เอมมิกายินดีรับใช้นะคะ ...เชิญผู้กองเข้าไปอาบน้ำได้เลยคะ"
ฉันเอ่ยเบาๆ พร้อมยื่นผ้าขนหนูให้เขา และวาดมือไปทางห้องอาบน้ำ ที่มีแสงไฟสีส้มรำไรรอดออกมา
"เธอรู้จักฉันด้วยรึ ...เอม"   "ชื่อเอมใช่ไหม"
เสียงเข้มทุ้มนุ่มหู แต่ก็ปนมากับกลิ่นเหม็นสุรา แม้กลิ่นหอมๆของน้ำมันหอมระเหยในห้องนี้ยังดับไม่อยู่   เขาพูดพร้อมกับขยับตัวเข้ามาประชิดฉัน หนึ่งมือรวบเอวไว้และอีกมือจับช้อนคางฉันขึ้น   ก่อนที่ฉันที่เรียกร้องอะไร เขาก้มลงประกบริมฝีปากหนาๆบดขยี้มาที่ริมฝีปากเล็กเรียวบางของฉันทันที  ร่างกายของฉันที่ถูกรวบรัดไว้ด้วยวงแขนแข็งแกร่ง ไม่สามารถขยับไปไหนได้  ผ้าขนหนูผืนใหญ่และถ้วยกระเบื้องใส่น้ำมันนวด ที่ถือไว้แต่แรก หล่นลงพื้นแตกกระจาย

"อย่านะ ปล่อยฉัน"   "ปล่อย ...คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
ฉันร้องเบาๆ แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธ ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออก  เนื่องจากห้องนวดแต่ละห้องเรียงรายติดกัน ผนังเป็นเพียงฉากบางๆกั้นไว้  ครั้นจะส่งเสียงโวยวายดังๆออกไป มันคงไม่เหมาะนัก โดยเฉพาะกับผู้กองอุดม คนที่เจ๊ฝากเรื่องไว้ตั้งแต่แรก  แน่นอนว่า ถ้าเป็นลูกค้ารายอื่นทำขนาดนี้ ฉันคงไม่แคร์แน่ๆ  ...ก่อนที่จะคิดอะไรได้มากกว่านั้น เขาก็ผลักฉันล้มลงไปนอนพาดหงายครึ่งตัวบนปลายเตียง โดยที่เท้าฉันยังเขย่งติดพื้น แล้วตั้งใจว่าจะยกขาเตะออกไป หวังทำร้ายเอาคืนบ้าง แต่ไม่ทัน เมื่อเขาโถมร่างเข้ามาเบียดทับฉันในทันที สองมือของเขายึดตรึงแขนฉันให้กางออกทั้งสองข้าง เปิดผายเนินหน้าอกหน้าใจให้ว่างเปล่า เหลือเพียงเสื้อบางๆเป็นสิ่งป้องกัน  แล้วมันก็ก้มพรมขบจูบไปทั่วบริเวณนั้น ฉันเองทั้งตกใจทั้งเจ็บปวด พยายามดิ้นรนสุดแรงเกิด หวังหลุดจากแรงกดขี่นั้นให้ได้

เพี๊ยะ!  เสียงฝ่ามือฟาดมาที่แก้มฉัน แม้ไม่แรงมาก แต่ก็เจ็บแสบเข้าถึงหัวใจ

"จะทำเป็นเล่นตัวทำไมละ กลัวฉันไม่จ่ายเงินรึไง"   "ขัดขืนแต่พองาม แล้วเธอจะไม่เจ็บตัวนะ ...หนูเอม"
คำพูดเบาๆที่กระซิบข้างหู แต่มันกลับดังกังวานเข้าไปสู่โสตประสาททั้งหมด มันช่างเจ็บปวดยิ่งกว่าแรงตบยิ่งนัก  ...ฉันกัดริมฝีปากด้วยความโกรธ ส่ายหน้าไปมาอย่างลูกไก่ขี้แพ้ในกำมือ ขณะที่มันถลกชุดกี่เผ้าขึ้นมาจนพ้นเอว แล้วชุดจิ๋วตัวสุดท้ายที่ปกปิดความเป็นสตรี ก็ถูกกระชากขาดกระจุย  แรงขาขาวเรียวของฉันที่หนีบปิดกั้นอย่างสุดกำลัง หรือจะสู้แรงสัตว์ร้ายของมัน เพียงแค่จับบิดนิดเดียวมันก็แทรกตัวเข้ามาได้   ...ความรู้สึกทั้งกายและใจเริ่มถูกแผดเผา เหมือนแท่งถ่านไฟร้อนผ่าว มาแนบชิด  ก่อนจะมุดหายไปในถ้ำน้ำแข็งอันเยือกเย็น และน้ำแข็งนั้นก็ละลายกลายเป็นสายน้ำที่แพ้ไฟ ได้แค่เพียงกระเพื่อม ไปตามจังหวะของเปลวเพลิง
"ได้โปรดเถอะผู้กอง  อย่าทำฉันเลย ...อย่า"
เสียงร้องคร่ำครวญพรั่งพรูมากับน้ำตาของลูกผู้หญิง   ถึงรู้ว่าสายไปเสียแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้หยุดสะอึกสะอื้นร่ำไห้ ...แต่ก็ไม่มีสตว์ร้ายตัวใดสนใจจะฟัง มีเพียงความโหดเหี้ยมจากฝูงหมาป่าที่ซัดโถมกระหน่ำเข้ามาในตัวฉันไม่หยุดหย่อน ทั้งเจ็บปวดทั้งร้อนระอุ  เท่านั้นยังไม่พอ พวกมันยังรุมกัดแทะ ให้ปวดแสบไปทั่วเรือนร่าง  ...ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแสนนานเพียงใด ในเมื่อใจที่มันเจ็บจนจะขาดรอนๆ มีเรี่ยวแรงเหลือเพียงจะยื้อให้มีลมหายใจอยู่เท่านั้น ร่างกายของฉัน หญิงสาวผู้บอบบางอ่อนระทวยไร้กำลังต่อต้าน  ถูกมันจับพลิกจับโยกดังตุ๊กตาของเด็กเล่นที่ไร้จิตวิญญาณ ...จนเตียงนวดสูงที่ตั้งกลางห้องเริ่มหยุดสั่นไหว เมื่อหมาป่ามันเริ่มหยุดนิ่ง หลังจากที่กัดกินฉันจนหนำใจ

"เอม ...ฉันรักเธอนะ"
เสียงหอบกระซิบเบาๆที่ข้างหู ในขณะที่ผู้กองอุดมมันยังนอนนิ่งบนตัวฉัน ...ความโกรธ ความร้าวราน ความเจ็บปวดยังไม่พอ ความสับสนยังซ้ำเติมเข้ามาอีก คำพูดแบบนั้น มันบอกกับฉัน ในขณะที่สงครามพึ่งจบลง มันหมายความถึงอะไรกัน หมาป่าที่มันฉีกร่างเหยื่อจนไม่มีชิ้นดี แล้วมันยังจะเลี้ยงไว้ดูเล่นอีกรึไง

ฉันยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น สองเท้าพาฉันเดินไปไกลร่วมสองกิโล จากที่ทำงานจนถึงห้องพัก น้ำตาเองก็เดี๋ยวแห้งเดี๋ยวเอ่อล้น ระหว่างทางที่ผ่านมา กายที่บอบช้ำไม่ได้รับรู้แลเห็นอะไร มีเพียงใจร้าวรานที่มันล่องลอยไปกับความสับสนวุ่นวาย ที่ย้ำคิดวกวน   ...สิ่งที่เจ๊สุดาขอร้อง สิ่งที่ผู้กองมันทำ และหน้าที่ที่ฉันเป็นอยู่ ฉันคิดไปเองว่ามันสวยงาม คิดไปเองว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไร คิดไปเองว่าสังคมไม่ได้รังเกียจ  จนมาถึงวันนี้ หรือว่ามันไม่จริงสักนิด ความใสบริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ของฉันถูกย่ำยี เพราะสังคมมองว่ามันไม่มีจริง "พนักงานนวด" ตำแหน่งงานที่ฉันภูมิใจ หรือมันไม่ต่างอะไรกับสาวนั่งดริ้งร้านคาราโอเกะข้างๆ ไม่ต่างอะไรกับสาวเต้นรูดเสาในบาร์เบียร์ซอยถัดมา ...หรือฉันไม่แตกต่างอะไรกับโสเภณีข้างถนนเลย

ฉันยืนหยุดนิ่งที่หน้าห้องพัก ปาดน้ำตาให้แห้งก่อนเปิดประตูเบาๆ ถึงพ่อจะมองไม่เห็น แต่ฉันก็ไม่อยากพาน้ำตาเข้ามา ในห้องนี้  ห้องที่แสนอบอุ่น ...พ่อขยับตัวลุกขึ้นนั่งทันที ก่อนที่ฉันจะเดินไปเปิดไฟหน้าห้องน้ำ
"พ่อ ยังไม่หลับอีกหรือคะ"
ฉันข่มเสียงไม่ให้สั่นเครือ ถามออกไป ทั้งๆที่รู้ว่า พ่อไม่เคยหลับก่อนที่ฉันจะกลับถึงห้องสักคืน ซึ่งก็เป็นเวลาเกือบตีสอง ตามเวลาเลิกงานปกติ    "ผู้ช่วยแม่ครัว" คือตำแหน่งงานที่ฉันเคยบอกกับพ่อ ฉันปกปิดเพราะไม่อยากให้ท่านคิดกังวล ถึงแม้ฉันจะมั่นใจว่าการเป็นพนักงานนวดไม่ได้ทำให้ฉันเสื่อมเสียอะไร ...จนถึงคืนนี้เอง ที่ความคิดนั้นมันเปลี่ยนไป

"เหนื่อยไหมลูก..."   "ดูนี่นะ ...พ่อเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าแล้วละ"
ใบหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยอย่างสดใส หวังอวดลูกสาวที่กลับมาจากทำงานอันเหน็ดเหนื่อย พ่อพูดพร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง  ฉันหันไปมองแล้วคลายทุกข์ลงไปบ้าง ...คุณพ่อที่ฉันรัก วันนี้สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวบางๆ กับกางเกงเลสีน้ำเงิน ชุดใส่สบายๆที่ฉันเตรียมให้ตั้งแต่ตอนบ่าย ก่อนออกไปทำงาน   ปีนี้ท่านอายุใกล้หกสิบแล้ว  แม้ว่าจะอวบอ้วนพุงกลมโตไปตามวัย แต่หน้าตาก็แจ่มใสอวบอิ่ม ดูเท่ห์ไม่เบา ทำให้ได้ลูกสาวสวย ดั่งลูกไม้ตกไม่ไกลต้น  จำได้ว่าคุณพ่องอนใหญ่ เมื่อฉันบอกว่า
"พ่อคือโดเรมอนตัวโตของลูกนะ น่ารักแบบนี้ให้ลูกดูแลทั้งชีวิตเลย ไม่มีบ่น"
พ่อคงไม่ชอบประโยคหลัง เพราะท่านบ่นเสมอว่าอยากเดินได้เร็วๆ อยากหางานทำ แม้ตาที่บอดจะไม่มีทางรักษาแล้วก็ตาม

...ขณะที่พ่อพยายามลุกเดิน กางเกงเลผูกเชือกคาดเอว คงไม่แน่น ก็หลุดออก สองมือท่านรีบคว้าไว้จนล้มลงไม่เป็นท่า
"อูยๆๆ ...เจ็บๆๆ"   "หะหะ ไม่เจ็บเลยตะหาก"    "...ลุกเดินใหม่ ลุกเดินใหม่"
พ่อบ่นงึมงัม  ยิ้มแหยๆ เพื่อกลบเกลื่อน ฉันรู้ว่าท่านพูดแก้เก้อ คงเขินที่ทำกางเกงหลุดต่อหน้าลูกสาวแบบนั้น แต่เดาว่าคงเจ็บจริง ฉันจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงลุกขึ้น พาไปนั่งที่โซฟา ริมห้อง

"พ่อนี่นะ อย่าเพิ่งใจร้อนนักนะคะ"    "เดี๋ยวแทนที่ใกล้จะหาย กลับไปเจ็บเพราะหกล้มนี่แหละ"
ฉันนั่งลงที่พื้น ข้างโซฟานั้น กอดเอวและซุกหน้าไว้บนตักท่าน   ...พ่อคงไม่รู้ว่าลูกสาวที่รักเพิ่งถูกทำร้าย จนใบหน้ามีรอยแดงช้ำ ไม่รู้ด้วยว่าน้ำตามันเริ่มเอ่อคลออีกครั้ง  ฝ่ามือนุ่มหนาที่แสนอบอุ่นลูบที่หัวฉันเบาๆ  ช่วงเวลานี้ ฉันอยากให้โลกหยุดอยู่อย่างนี้ตราบนานเท่านาน

"เอมเอ้ย... มีอะไรรึเปล่าลูก"
หลังจากเราทั้งสองอยู่นิ่งๆไปครู่หนึ่ง  พ่อก็พูดออกมา พร้อมก้มจูบที่หน้าผากฉันเบาๆ ในขณะที่ฉันเงยหน้าขึ้นมองท่าน  มองที่ใบหน้าท่านอย่างพินิจพิเคราะห์

"มาลี... มาลี..."
ฉันเอ่ยชื่อมาลี พ่อเองก็ได้ยินและคงสงสัย
"วันนี้หนูพามาลีมาด้วยนะพ่อ"   "มาลีเขาเป็นเพื่อนหนู เขาทำงานอยู่ร้านนวดสปา ซอยเดียวกับร้านอาหารเฮียง้อ ที่หนูทำงานอยู่ไง"
"เฮียง้อเขาบอกหนูว่า  น่าจะให้สาวๆมืออาชีพ มานวดให้พ่อบ้าง จะได้หายไวๆ"
"โอเคนะคะพ่อ"  "ตอนนี้มาลีเขารออยู่หน้าห้องแล้วละ หนูจ้างเขามาไม่แพงหรอก ราคาเพื่อนๆกัน"
พ่อขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังนิ่งเงียบ ปล่อยให้ฉันพูดยาวไปเรื่อย
"น่า... นะ...  ไม่ต้องเขินหรอก เขามืออาชีพ เดี๋ยวหนูไปนั่งเล่น รอที่ห้องพี่แก้วตา ชั้นบนนี่แหละ"
ฉันรู้ว่าพ่อยังงงๆ เขินๆ แต่ไม่เป็นไร  ฉันลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที
"พ่อๆ..."    "มาลีสาวสวยมาแล้ว สวย มากๆๆๆๆ ... แต่เธอพูดไม่ได้นะ เธอเป็นใบ้"   "หนูไปแล้วละ ให้เวลาสองชั่วโมงนะคะ"
ฉันทำเสียงสดใส กระซิบข้างหูพ่อ พร้อมแอบหอมแก้มท่านทั้งสองข้าง ก่อนเดินออกไปจากห้องไป

มาลีและฉัน แม้เราเดินสวนกันเพียงแวบเดียว แต่ฉันก็สังเกตเห็น ใบหน้าของเด็กสาวที่ยิ้มละไมเบิกบาน  ...ฉันรับรู้ถึงความสุขของเธอ ...ที่มันช่างต่างจากเอมิกาโดยสิ้นเชิง

 
 

จากคุณ : goowalker
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 15:10:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com