Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หมาล่า ติดต่อทีมงาน

ข้าออกแรงยกเปลือกตาที่หนักราวกับถูกกดทับด้วยเขาพระสุเมรุ...

แสงตะวันชำแรกผ่านกระทบประสาทรับภาพที่ยังไม่ทันได้ปรับตัว
ข้าหลับตาหยีพร้อมสะบัดหน้าหนหนึ่งเพื่อเรียกสติ
และเปิดตาใหม่อีกครั้ง


สภาพโดยรอบเริ่มปรากฎชัดในคลองจักษุ
ซากผืนผ้าขี้ริ้วที่สกปรกจนแม้แต่ขอทานยังไม่กล้าแตะ
คือแผ่นผ้าที่โอบอุ้มร่างข้าให้พ้นทุกความหนาวเหน็บของราตรี
แผ่นไม้อัดผุๆ พังๆ ตอกยึดด้วยตะปูสนิมเกรอะ กะละมังสองใบ
หนึ่งใส่น้ำ หนึ่งใส่อาหาร และพื้นทรายเคล้าอุจจาระแห้ง
นั้นคือภาพรวมทั้งหมดของที่พำนักข้า



ข้าทิ้งร่างนิ่งอยู่พักหนึ่ง
ทั้งที่ใจจริงอยากจะนอนแผ่หลาอยู่อย่างนั้นทั้งวัน
แต่ความจ้าจัดของแสงอาทิตย์ที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ทำหน้าที่ดุจนาฬิกาปลุกเตือนให้ข้าต้องสลัดร่างจากเตียง


ข้าพยุงก้อนเนื้อที่หุ้มจิตของข้าต้านแรงโน้มถ่วงโลก
และย่างกรายพ้นมณฑลของบ้านในที่สุด ข้ายืนสะบัดตัวขับไล่ความคร้าน
ก้มหน้าก้มตาพร้อมก้าวอย่างเชื่องช้ามุ่งตรงสู่ที่ทำงาน


ผ่านไปเพียงไม่กี่ก้าว สายลมโชยกลิ่นที่ข้าคุ้นเคยลอยมาแตะจมูก
หูข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือน


ข้าตระหนักรู้ทันทีว่าผู้นั้นกำลังตรงมาทางข้า

ไม่นานภาพร่างเริ่มปรากฎชัด การปรากฎตัวของผู้มาเยือนดังกล่าว
ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าประหลาดใจอยู่พอแรง

“อรุณสวัสดิ์ ท่านนักล่า” ผู้มาเยือนกล่าวทักทาย
“........................” ข้าตอบกลับด้วยความเงียบ

ข้าเพ่งพินิจผู้มาเยือนอย่างฉงน
ดวงตาของเขามีแววโศก แต่ไม่เชิงเศร้า
เป็นแววตาของผู้ยอมรับชะตากรรมโดยแท้


ร่างกายเขาชะโลมโชกไปด้วยโลหิต
ปีกของเขาขาดวิ้น ขาแข้งปัดเป๋แทบทรงร่างไม่ไหว
“ท่านกลับมาทำไม” ข้าถาม
“เป็ด ใกล้ตายอย่างข้า จะหนีได้สักกี่น้ำ
ถึงข้าดิ้นรนไป ก็ไร้ประโยชน์ ไม่แคล้วโดนหมาตัวอื่นที่ไม่ใช่ท่าน
ไล่ฟัดเอาอยู่ดี ว่าแต่ท่านหน่ะ กัดเจ็บชะมัด”

“ถ้าท่านไม่พยายามหนี สภาพท่านจะไม่เป็นเช่นนี้”

“สัญชาติญาณหน่ะท่าน แต่ตอนนี้ข้าปลงแล้ว ยังไงก็ไม่รอด”

“ก็ดี ท่านทำให้ข้ารอดตายหวุดหวิด
วันนี้หากข้าไปทำงานโดยไม่มีท่าน ข้าโดนยำเละแน่”

“ท่านออกล่า แล้วพลาดแบบนี้บ่อยไหม”

“แทบจะไม่”

“ถ้าวันนี้ข้าไม่มา ท่านก็พลาดล่ะสิ”

“ใช่”

“เคยมีไหมท่าน ที่เหยื่อหนีได้แล้วมามอบตัวภายหลังแบบข้าเนี่ย”

“นานๆ ที”

“ท่านเป็นหมาล่าเนื้อนานหรือยังครับ”

“ก็ไม่นานนัก”

“ทำไมท่านไม่ไปเป็นหมาเลี้ยงล่ะ น่าจะสบายกว่านะ”

“ตอนที่ข้าเป็นลูกหมา ข้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าโตขึ้นข้าจะเป็นหมาล่าเนื้อ
ตลอดชีวิตในวัยเยาว์ข้าใช้เวลาทั้งหมดในการฝึกฝน
ข้าเตรียมพร้อมร่างกายเป็นอย่างดี ในที่สุด
ข้าก็ได้รับคัดเลือกเข้าไปฝึกที่โรงเรียนฝึกหมาล่าเนื้อ
ที่นั้นข้าได้เรียนรู้เทคนิคการดมอย่างมีประสิทธิ์ภาพ
การมองในที่มืด การกำหนดพิกัดเหยื่อด้วยการฟังเสียง
ข้าชนะการแข่งขันวิ่งเร็ว วิ่งทน กระโดดไกล
และข้าก็ยังเป็นแชมป์การแข่งขันกัดหมาสมัครเล่นอีกด้วย
ข้าจบจากโรงเรียนฝีกหมาล่าเนื้อในฐานะนักเรียนหมาล่าเนื้อยอดเยี่ยม
เมื่อข้าได้เป็นหมาล่าเนื้อแล้วข้าจะทำหน้าที่หมาล่าเนื้ออย่างดีที่สุด
ไม่คิดจะไปเป็นหมาเลี้ยง หรือหมาวัดอะไรทั้งนั้น”

“ท่านเป็นหมาที่อุดมการณ์แรงกล้านักข้านับถือ”

“ขอบคุณ”

“ท่านทนได้ยังไงกับสังคมหมาล่าเนื้อ”

“มันคือชีวิตข้า มันคือสิ่งที่ข้าต้องทำ แม้บางครั้งความท้อ
จะกัดกร่อนหัวใจข้า แต่ในเมื่อข้าเป็นหมาล่าแล้ว
ข้าก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด”

“ท่านเบื่ออะไรหรือ ทุกวันมีภาระกิจให้ทำทุกวัน”

“ชีวิตของข้าเสมือนจักรกล ภาระกิจของข้ามีอย่างเดียวคือล่า
ทุกวันข้าต้องฝืนความง่วงมุ่งตรงไปที่ศูนย์บัญชาการเพื่อรับงาน
ข้าจะได้รับภาพเหมือนของเหยื่อที่จะต้องล่าพร้อมรายละเอียดในภาระกิจนั้น
เช่น ข้อมูลทั่วไปและประวัติส่วนตัวของเหยื่อ
ซึ่งบางทีก็ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์บ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง
แล้วข้าจะต้องลากคอเหยื่อกลับศูนย์บัญชาการให้ได้ตามเวลาที่กำหนด
หากล่าได้ตามเวลาที่เหมาะสมข้าจะได้รับส่วนแบ่งอาหาร
ในปริมาณที่พอประทังชีวิตอย่างแร้นแค้น
หากการล่านั้นล่าช้าคำตำหนิและโทษทัณฑ์จะถั่งโถมมาดังห่าพิรุณ
มันเป็นเช่นนั้นอยู่ร่ำไป”

“ท่านมีฝือมือ ทำไมท่านไม่ล่าเองกินเองเลยหล่ะ”

“ไม่ได้ หากทำแบบนั้น หัวหน้าที่ศูนย์บัญชาการเล่นงานเอา
มีหวังต้องถูกไล่ออกไปเป็นหมาวัดเลยแน่ๆ”

“ไม่ล่าก็ถูกทำโทษ ครั้นพอล่ามาอย่างเหนื่อย
ท่านได้ส่วนแบ่งแค่เศษกระดูก มันช่างไม่ยุติธรรมเลย”

“ความน่าเจ็บใจของหมาล่าเนื้อมันไม่แค่นั้นหน่ะสิท่านเป็ด”

“หือ? ทำไมหรือท่าน ที่ว่าไม่ใช่แค่นั้น”

“มีครั้งหนึ่ง ข้าได้รับงานใหญ่ เป็นภาระกิจล่าเหยื่อชั้นดี
ครั้งนั้นเหยื่อคือวัวถึก วัยกำลังฉกรรจ์ ข้าวางแผนการล่าเป็นอย่างดี
ไม่นานข้าก็แกะรอยเหยื่อจนพบ
ข้าค่อยๆ ติดตามเจ้าวัวหนุ่มอย่างไม่คลาดสายตา
ข้ารอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อโจมตีอย่างรุนแรงที่สุด
ให้ตรงจุดที่อ่อนแอที่สุด และแล้วโอกาสทองของข้าก็มาถึง
ข้ากระโจนงับต้นคอของเจ้าวัวมิดเขี้ยว
โคถึกตะลึงงัน อึดใจหนึ่งพอมันตั้งสติได้
มันสะบัดข้ากระเด็น และโผเข้าขวิดข้า
เขาแหลมของมันเสียดชำแรกผ่านเนื้อข้าบริเวณต้นขาหน้าข้างขวา
โลหิตทะลักกระจาย ข้าทรุดลงกองกับพื้น
เจ้าวัวคลั่งก้าวถอยหลังเพิ่มระยะห่าง และพุ่งกระโจนใส่ข้าอีก
ครานี้ข้าปลิวตามแรงชนของเจ้าวัวไปกระแทกกับต้นไม้
เจ้าโคถึกย่างถอยหลังอีกครั้ง
ขาหลังอันทรงพลังของมันส่งแรงผลักร่างทะยาน
ตรงมายังข้าด้วยความเร็วนรกแตกหมายจะปิดบัญชี
ขณะทีเขาเจ้าวัวหนุ่มกำลังจะถึงตัว ข้าพลิกหลบพ้นเฉียดฉิว
มันกระแทกเข้ากับไม้ใหญ่อย่างจัง และล้มพับลง
ไม่กี่อึดใจวิญญาณเจ้าโคคลั่งหลุดลอยจากร่างมหึมา
เหลือไว้แต่เนื้อชั้นดีกับคราบเลือดกระเซ็นกรังทั่วบริเวณ
ข้าฝืนสังขารลากเนื้อชิ้นโตกับศูนย์บัญชาการ
ร่างไร้ชีวิตของวัวหนุ่มถูกสำรวจโดยหัวหน้าหมา
หัวหน้าหมาแบ่งหน้าข้างซ้ายไว้
และจัดส่งส่วนที่เหลือทั้งหมดให้กับคนเลี้ยงหมา
คนเลี้ยงหมาลูบหัวพวกเราทีหนึ่งและลับตาไปพร้อมกับเนื้อชิ้นเขื่อง
ข้าเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของหัวหน้าหมาและคำชมเพียงไม่กี่คำ
จากนั้นข้าก็หมดสติไป”

“ท่านช่างร้ายกาจจริงๆ ถึงขั้นล้มวัวรุ่นโดยลำพังได้ ยอดฝีมือๆ”

“ไม่หรอก ข้าก็เจ็บหนักอยู่ไม่น้อย ซี่โครงข้าหักสามซี่
ขาหน้าที่ถูกเขาเจ้าวัวแทงเป็นแผลเหวอะมาจนถึงทุกวันนี้”

“ท่านได้อะไรกับการล่าวัวครั้งนั้น”

“กระดูกหางข้อเดียว”

“ท่านว่าคุ้มไหม”

“คงคุ้มแล้วแหล่ะ หมาล่าบางตัวถึงกับตายในหน้าที่เลยก็มี”

“พวกท่านมีชีวิตแลกกับเศษกระดูก น่าเศร้าๆ”

“มันก็เป็นอย่างนั้นของมันมานานแล้วท่านเป็ด”

“ เอ่อ? แล้วเนื้อมากมายมหาศาลของเจ้าโคคลั่งไปไหนหมดหล่ะ”

“ก็ส่วนหนึ่งซึ่งไม่ใหญ่นัก หัวหน้าหมาแบ่งไป จากนั้นก็เป็นของคนเลี้ยงหมา”

“คนเลี้ยงหมา?”

“คนพวกนี้หน่ะ เอาเปรียบหมาล่าเนื้อยิ่งกว่าหัวหน้าหมาเสียอีก”

“ยังไงหรือท่าน”

“พวกนี้ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องเหนื่อย อยากได้ก็สั่งเอา มันสั่งอย่างเดียว
บางทีเนื้อที่พวกข้าล่ามาผิดประเภทมันก็ไม่รับ
บางทีข้าใช้เวลาในการล่านานไป มันก็บ่นว่าเนื้อไม่สด
แถมยังบอกหัวหน้าให้มาจัดการเราอีก บางทีเราล่ามาปริมาณไม่มากพอ
มันก็สั่งให้เราไปล่าเพิ่ม พวกนี้มันแสนรู้ ครั้งไหนที่เราล่าเนื้อชั้นดีมาได้
หมาเราก็อยากจะแบ่งเนื้อเก็บไว้บ้าง มันก็เรียกเราไป
บังคับให้เราเอาเนื้อคืนให้มันไม่งั้นมันจะให้หมาจ่าฝูงเล่นงาน
แล้วมันก็เลาะเศษกระดูกโยนให้เราชิ้นหนึ่ง มันเป็นอย่างนั้น เป็นไงหล่ะ
ท่านเป็ด ชีวิตหมาล่าเนื้อล่าเศร้าไหมหล่ะ”

“ฟังแล้วน่าหดหู่เหลือเกินท่านนักล่า ท่านคงได้ส่วนแบ่งจากชิ้นส่วนข้า
เพียงกระดูกปีกชิ้นเดียวกระมัง เอ่อ แล้วทำไมพวกคนเลี้ยงหมาถึงได้โลภ
และเรื่องมากขนาดนั้นหล่ะ”

“พวกคนเลี้ยงหมามันก็มีหน้าที่ของมัน”

“หน้าที่อะไรหรือ”

“ต้อนรับแขก”

“ต้อนรับแขก?”

“แขกขุนนางผู้สูงศักดิ์ พวกนี้เอาใจยาก ที่ว่าคนเลี้ยงหมาเรื่องมากแล้วนะ
พวกนี้มากเรื่องมากกว่าอีก พวกคนเลี้ยงหมาจะรวบรวมเนื้อที่เราล่ามา
คัดสรรส่วนที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่ชิ้น ปรุงด้วยกรรมวิธีเฉพาะตัวอย่างพิถีพิถัน
จัดแจงตกแต่งใจจานอย่างสวยงามออกมาเป็นอาหารมื้อหรู
พวกคนเลี้ยงหมาจะนำอาหารที่ทำเสิร์ฟให้ขุนนางพวกนี้
ไอ้พวกหัวสูงมีหน้าที่อ้าปากรอ คนเลี้ยงหมาจะบริการตักป้อนใส่ถึงปาก
บางครั้งพวกเขากลืนกินก้อนเนื้ออย่างอร่อยลิ้น
บางคราพวกขุนนางบ้านี้ก็บ้วนชิ้นเนื้อทิ้ง ด้วยเหตุที่รสชาตไม่ถูกปาก”

“บ้วนทิ้งเฉยๆ เลยหรือ”

“ใช่ บางทีข้าคิดว่า หากมันเป็นเนื้อจริงๆ
ไม่ใช่ว่าเอาเผือกเอามันมาหรอกว่าเป็นเนื้อซะเมื่อไหร่
แม้จะไม่เลิศรส ก็กลืนๆ ลงไปเสียเถอะพวกขุนนางมากท่า
เข้าใจหน่อยเถอะ ว่าคนเลี้ยงหมามันตั้งใจปรุงขนาดไหน
เห็นใจหน่อยเถอะว่าพวกหมาล่าเนื้อต้องเหนื่อยต้องเจ็บเพียงไร”

“ข้าเห็นใจท่านจริงๆ ท่านนักล่า”

“ข้ารับสภาพได้ แต่ความจริงถ้าผลตอบแทนของหมาล่าเนื้อ
มีสัดส่วนปริมาณที่ไม่หนีจากคนเลี้ยงหมา กับพวกขุนนางนัก
ข้าว่าหมาล่าเนื้อทุกตัวจะมีกำลังใจในการล่าเหยื่อเพิ่มขึ้นแน่ๆ”

“ท่านพูดถูก แล้วเรื่องนี้ท่านมีหนทางแก้ไขไหม”

“ข้าเป็นเพียงเศษธุรีอณูหนึ่งในระบบ แก้ไขอะไรไม่ได้หรอก
แต่ก็ได้ข่าวเหมือนกันว่าหัวหน้าหมาล่าเนื้อระดับสูงกำลังต่อสู้ผลักดันให้
ส่วนแบ่งเนื้อที่ล่ามาได้ มีสัดส่วนปริมาณเพิ่มขึ้น”

“นับว่าเป็นข่าวดีนี่”

“นับว่าเป็นข่าวดี แต่ข้าไม่แน่ใจนักว่านั้นคือข้อเท็จจริง
หรือเป็นการเร่ขายฝัน สร้างความหวังลมๆ ให้เหล่าหมาล่าเนื้อ
ซื้อเวลาให้หมาล่าเนื้อทั้งหลายหลับหูหลับตาอยู่ในองค์กรนานขึ้น”

“ถ้าเป็นการซื้อเวลาจริง นั่นคือเรื่องที่น่าเศร้านัก”

“ข้ารับสภาพได้...”


การสนทนายุติลง พร้อมกับการเดินทาง
เจ้าเป็ดคงจะถูกเจ้าของหมานำไปแปรสภาพเป็น
ปากเป็ดน้ำแดง หรือเป็ดปักกิ่ง
เด่นหราอยู่บนโต๊ะอาหารของเหล่าขุนนางหัวสูง


แต่กระนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ส่วนแบ่งของข้าก็คงเช่นเดิม
เศษกระดูกอันน้อยนิดที่มองไม่ออกว่ามาจากส่วนใด



............จบแล้วครับ.............
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน

จากคุณ : Maddenknight
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 17:03:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com