Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทางเลือก ติดต่อทีมงาน

“เจ้าจะเลือกใคร”

รูปปั้นแมวส่งเสียงคาดคั้นอีกครั้ง

“ผม...ผม...ผมจะช่วยทั้งสองคนเลยไม่ได้หรือครับ”

โชคยกมือที่พนมไว้ขึ้นไหว้จนสูงท่วมหัว เขาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย แต่คราวนี้เขาได้มาประสบด้วยตัวเอง ถึงแม้ตอนแรกเขาจะยังสงสัยว่าอาจมีใครกลั่นแกล้ง หรือไม่เขาก็โศกเศร้าจนเสียสติไปเสียแล้ว แต่เมื่อคิดดูให้ดี ใครจะกล้ามาล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ และเขาก็ยังคงตอบคำถามทางตรรกกะของตัวเองได้อยู่ 'แต่เรื่องเสียสติก็มีแนวโน้มจะเป็นไปได้มากที่สุด'

“ไม่ได้ ข้าบอกชัดแล้วว่าเจ้าต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น และข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งรอเจ้าทั้งวัน ข้าให้เวลาเจ้าอีกแค่สามนาทีเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่เลือก ก็คงต้องตายทั้งสองคน”

โชคอ้าปากค้าง ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานเขายังคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนโชคของเขาจะหมดลงเสียแล้ว 'ไม่หรอก โชคของฉันยังอยู่ อย่างน้อยฉันก็ยังเลือกช่วยได้คนหนึ่ง' แต่นั่นแหละที่เป็นปัญหา 'ฉันจะเลือกใครดี'

#####

ไฟในห้องจัดเลี้ยงสลัวเลือนลาง มีเพียงแสงไฟจุดเดียวส่องสว่างอยู่ในตำแหน่งที่โชคกับสุข คู่บ่าวสาวเจ้าของงานในค่ำคืนนี้ยืนอยู่

“ขอเชิญเจ้าสาว มากล่าวอะไรสักเล็กน้อยครับ”

พิธีกรที่เป็นเพื่อนของทั้งสองส่งไมค์ให้กับสุข เธอยืนยิ้ม ตาเป็นประกายเพราะหยาดน้ำที่มาคลออยู่ในดวงตา เธอพยายามพูดอะไรบางอย่างที่ได้เตรียมตัวมา แต่ดูเหมือนว่าจะพูดอะไรไม่ออกเสียแล้ว โชคขยับเข้ามาจับมือเพื่อให้กำลังใจกับเธอ แต่เธอก็พูดได้เพียงแค่ว่า

“ฉัน...มีความสุขที่สุดในโลก...”

น้ำตาแห่งความสุขไหลลงมาอาบสองแก้ม เมื่อดูท่าทางของเธอในคืนนั้นแล้ว เธอคงคิดอย่างที่พูดออกไปจริงๆ และโชคก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้มันเป็นจริงให้จงได้

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ความตั้งใจที่จะสร้างครอบครัวแสนสุขของโชคก็ถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก ชัยพ่อของโชคประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดจากความประมาทของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจนต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราไป โชคยังดีที่ครอบครัวของเขามีความใกล้ชิดกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นพิเศษ พ่อของเขาจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น แพทย์หลายคนลงความเห็นเหมือนๆ กันว่า ชัยคงไม่มีวันได้ตื่นขึ้นอีกต่อไปแล้ว ที่พวกเขาทำได้ก็เพียงช่วยพยุงชีพเอาไว้เพื่อรอการตัดสินใจของโชคเป็นครั้งสุดท้าย

โชคยืนอยู่ข้างเตียงมองดูร่างของพ่อ มีสายระโยงระยาง และเครื่องมือต่างๆ ส่งเสียงครางอยู่ตลอดเวลา ปีนี้พ่อของเขาจะอายุครบหกสิบแล้ว พ่อกำลังเตรียมการที่จะพักผ่อนหลังจากที่ได้ตรากตรำทำงานเลี้ยงดูเขามาทั้งชีวิตเพียงตัวคนเดียว แม่ของเขาจากไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงมีความทรงจำเกี่ยวกับแม่อยู่น้อยมาก

พักหลังมานี้พ่อพูดคุยกับเขาถึงแผนการเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ และเขาก็อยากให้พ่อได้ทำตามที่ต้องการจริงๆ 'โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย' เวลาที่พ่อควรจะได้มีความสุขมากที่สุด กลับต้องมากลายเป็นแบบนี้ น้ำตาของเขาค่อยๆ ไหลลงมา เขาจำไม่ได้แล้วว่าเคยร้องไห้แบบนี้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อโชคเดินออกมาจากห้องของพ่อ ข่าวร้ายอีกเรื่องก็กระแทกเข้าใส่เขาอย่างไร้ความปราณี สุขหมดสติล้มลงที่บ้านเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา อาจจะเป็นเวลาเดียวกับที่เขากำลังยืนร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ และตอนนี้รถพยาบาลกำลังนำเธอมายังโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างรีบด่วน

#####

“ปัญหาของเธอคือเจ้าก้อนเล็กๆ ก้อนนี้”

หมอชี้ไปที่เงาดำจุดเล็กๆ ที่อยู่ภายในสมองของเธอ มันเล็กมากจนโชคไม่อย่างเชื่อเลยว่ามันจะทำให้เธอตกอยู่ในอาการเดียวกับพ่อของเขา กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราที่ต้องหลับไปตลอดกาล

“หมอทำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ”

“...ผมจะลองติดต่อหมอคนอื่นดู แต่ความหวังนั้นน้อยเต็มที ถ้าอาจารย์ของผมยัง...ช่างมันเถอะ”

แม้ว่าโชคอยากจะลองเสี่ยงดวงกับหมอที่มีความเป็นไปได้ว่าจะผ่าตัดสำเร็จ แต่ก็ไม่มีหมอคนไหนกล้าจะเสี่ยงกับเขา

“รอดูไปก่อนดีกว่าไหม เผื่อว่าอาการของเธอจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”

โชคเองก็อยากให้มันเป็นอย่างที่พูด แต่ตอนนี้เขามีคนที่รักมากสองคน กำลังนอนรอการตัดสินใจของเขา ถึงแม้ว่าการอยู่ในโรงพยาบาลของทั้งสองจะไม่ได้เป็นภาระสำหรับเขามากมายนัก แต่ภาระทางใจที่แบกเอาไว้นั้นมันหนักจนเขาอยากจะจบเรื่องนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนป้าคนงานทำความสะอาดก็เดินมาทักเขา

“คุณ คุณเชื่อเรื่องเทพเจ้าไหม”

“...ป้าว่าอะไรนะครับ”

“ฉันรู้ว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาหนักในชีวิต คุณไม่ลองไปขอพรจากเทพเจ้าแมวดูหน่อยหรือคะ เผื่อท่านจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“...เทพเจ้าแมว อะไรหรือครับป้า”

“คุณไม่รู้หรือไง ที่หลังโรงพยาบาลน่ะ มีรูปปั้นแมวอยู่ตัวหนึ่ง เขาว่าท่านช่วยให้คนไข้หายป่วยมาหลายรายแล้ว ลองไปไหว้ท่านดูหน่อยก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือคะ”

โชคไม่เคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแมวมาก่อนเลย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจคำพูดของป้าคนนี้ แต่ตอนนี้เขาพร้อมที่จะลองทุกอย่างแล้ว

“อย่าลืมหาปลาทูไปไหว้ด้วยนะคะ ท่านชอบ”

#####

แล้วโชคก็มานั่งอยู่ตรงนี้ ตรงหน้ารูปปั้นที่มีรูปร่างคล้ายแมวที่กำลังยกขาหน้าขึ้นทำความสะอาดใบหน้า มันซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ไหญ่ และมีหลักฐานที่แสดงว่ามีคนมากราบไหว้จริง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มากอย่างที่ป้าได้โอ้อวดเอาไว้ เขาวางปลาทูทอดที่ซื้อมาจากร้านขายข้าวแกงในโรงพยาบาลลงหน้ารูปปั้นพร้อมกับจุดธูป

“ท่านเทพเจ้าแมวครับ ผมขอให้พ่อกับสุขฟื้นคืนสติขึ้นมาด้วยเถิด”

“...เจ้าขอมากไปหน่อยนะ”

โชคตกใจกับเสียงที่เหมือนดังขึ้นข้างหู เขาลุกขึ้นแล้วเดินวนรอบต้นไม้ หลังจากนั้นก็มองขึ้นไปบนต้นไม้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสามารถซ่อนตัวอยู่ได้

“...ถ้าเจ้าสงสัยในตัวข้า แล้วเจ้ามาไหว้ข้าทำไมกัน”

โชคนั่งคุกเข่าลงตรงหน้ารูปปั้นแมวอีกครั้ง

“ท่านเทพเจ้าแมว โปรดช่วยผมด้วยครับ ช่วยให้พ่อกับสุขฟื้นขึ้นมาที”

“ข้าบอกไปแล้วไงว่าเจ้าขอมากไป”

“...ยังไงครับ”

“พวกเจ้าทั้งหมดเป็นคนดี แต่ก็มีกรรมที่ต้องชดใช้ ทั้งสองคนนั้นยังไม่ถึงที่ตาย แต่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น...เอาเถอะ เมื่อยังไม่ถึงที่ตาย ข้าก็พอช่วยได้ แต่ก็อย่างที่ข้าบอก เจ้าขอมากไป”

“แล้ว...แล้วผมขอได้แค่ไหนครับ”

“คนเดียว แค่คนเดียวเจ้าต้องเลือกว่าจะช่วยใคร”

โชคตัวเย็นเฉียบ มันเป็นตัวเลือกที่โหดร้ายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“และข้าต้องเตือนเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ข้าทำได้แค่ช่วยให้ฟื้นสติคืนมาเท่านั้น ไม่อาจช่วยต่ออายุให้ใครได้ ในสองคนนี้ มีคนหนึ่งกำลังจะสิ้นอายุไขแล้ว อาจจะเหลืออีกแค่ไม่กี่ปี แต่อีกคนยังอยู่ได้เกินสิบปีแน่ และข้าบอกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร”

นั่นยิ่งทำให้ทางเลือกเลวร้ายลงไปอีก หากเขาเลือกช่วยคนที่อยู่ได้อีกเพียงไม่กี่ปี แล้วปล่อยให้คนที่มีอายุเหลืออีกยาวนานต้องนอนนิ่งไปตลอดกาล มันคงจะหลอกหลอนเขาไปจนชั่วชีวิต แล้วคนไหนจะเป็นคนไหนกัน

พ่อของเขาอายุเกือบหกสิบแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเหลือชีวิตอีกไม่ถึงสิบปี และสุขที่มีอายุยังน้อยนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีโอกาสที่จะมีชีวิตได้อีกยาวนาน ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แล้วเขาก็มีโอกาสเลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“สามนาทีของเจ้าจะหมดลงแล้ว”

“...คนที่ฟื้นขึ้นมาจะมีอาการเป็นปกติเหมือนเดิมไหมครับ”

“ก็อาจต้องใช้เวลา แต่คนผู้นั้นจะกลับเป็นเหมือนเดิมแน่”

“...และหนึ่งในนั้นเหลือชีวิตอยู่เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น”

“ถูกต้อง และเวลาของเจ้าหมดลงแล้ว”

“...ผมเลือกพ่อ ช่วยพ่อของผมด้วย”

“...ตกลง...คำขอของเจ้าจะเป็นไปตามนั้น และข้าขอบอกอะไรเจ้าสักหน่อย พ่อของเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงสองปีเท่านั้น ภรรยาของเจ้าต่างหากที่จะมีชีวิตอยู่กับเจ้าได้อย่างคุ้มค่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ในหัวของโชค

“ท่าน...ท่านเป็นเทพจริงหรือเปล่า ทำไมถึงทำแบบนี้”

“...แล้วใครว่าข้าเป็นเทพกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงนั้นเงียบหายไปปล่อยให้โชคต้องอยู่กับคำตอบของเขาเพียงลำพัง ทางเลือกที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว มันจะกลายเป็นสิ่งที่ติดตรึงอยู่ในใจของเขาไปตลอดกาล

#####

“พ่อไปนะ”

หลังจากฟื้นฟูร่างกายอยู่หนึ่งปี พ่อของเขาก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอีกครั้ง โชคตัดสินใจบอกกับพ่อว่า ท่านมีเวลาอยู่บนโลกนี้ได้อีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น สิ่งที่ท่านทำก็คือแค่ยักไหล่พร้อมกับตอบเขาว่า

“พ่อยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งปี”

และนับตั้งแต่วันนี้ไปท่านจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปอย่างที่ต้องการจนกว่าวันนั้นจะมาถึง ปล่อยให้เขาต้องอยู่บนเส้นทางที่เขาเป็นคนเลือกเองไปตลอดชีวิต

“กลับกันเถอะค่ะ อย่าเป็นห่วงท่านเลย”

“ใช่ เรากลับกันเถอะ อาจารย์ท่านก็ได้ทำตามความฝันแล้ว ตอนที่ท่านฟื้นขึ้นมาได้ผมก็ว่าเหลือเชื่อแล้ว แต่ท่านยังสามารถฟื้นฟูร่างกายจนกลับมาฝ่าตัดสมองช่วยชีวิตสุขเอาไว้ได้ด้วยนี่ ผมว่ามันน่าจะเอาไปออกรายการทีวีพวกเรื่องจริงยิ่งกว่านิยายได้เลย”

โชคยิ้มให้กับหมอที่มาส่งพ่อด้วย และเข็นสุขที่นั่งอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อนไปช้าๆ ดูเหมือนว่าเทพเจ้า หรือปีศาจแมวตัวนั้นจะไม่ได้รู้ทุกเรื่องอย่างที่มันคิด ชัยพ่อของเขาคือหมอผ่าตัดสมองที่เก่งกาจ เขาคืออาจารย์ของหมอ และเป็นคนเดียวที่หมอคิดว่าจะสามารถผ่าตัดช่วยสุขได้

แม้ต้องรอถึงหนึ่งปีเพื่อให้ร่างกายของชัยพร้อม และมันก็เป็นไปตามที่รูปปั้นแมวตัวนั้นบอกเอาไว้ ร่างกายของเขากลับคืนเป็นปกติได้ในที่สุด การรอคอยนั้นไม่เสียเปล่า การผ่าตัดสมองที่กลายเป็นตำนานเล่าขานกันไม่รู้จบก็เกิดขึ้น ตอนนี้เหลือเพียงรอให้ร่างกายของสุขฟื้นตัวเป็นปกติเหมือนเดิมเท่านั้น 'มันยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน'

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

หมอกับสุขต่างมองหน้าโชคที่อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างวาบขึ้นแล้วหายไป ร่างกายเขายังคงเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่เหงื่อเย็นเยียบก็ไหลออกมาจนชุ่มแผ่นหลัง 'เจ้าแมวตัวนั้นมันไม่เคยพูดถึงอนาคตของฉันเลยนี่นา' พอความคิดนั้นปักลึกลงในหัวใจของเขา ความสุขก็สลายหายไปจากใบหน้า

'เมื่อครู่นี้ฉันได้ยินเสียงแมวร้องใช่ไหมนะ'

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 06:54:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com