มนตราสิริ อาจมีใครสงสัยว่าสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามีอะไรซ่อนอยู่ อาจมีคนรู้แต่ไม่เคยแน่ใจ จริงๆ แล้วเหนือก้อน เมฆสีขาวฟูฟ่องคือปราสาทสีทองประดับแก้วเปล่งรัศมีเจิดจ้าเวลากลางวัน และเห็นเป็นดวงดาว ระยิบระยับเต็มท้องฟ้าเวลาค่ำคืน บนนั้นคือที่อยู่ของเหล่านางฟ้าที่เรียกว่าสรวงสวรรค์ บนสรวงสวรรค์มีนางฟ้าอยู่องค์หนึ่ง นางมีรูปโฉมงดงามพริ้มเพรา ผมสยายยาวประบ่า นุ่งห่มแพร พรรณของนางฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยเพชรพลอยแพรวพราว นางฟ้าองค์นี้มีนามว่าปรียาลักษณ์รัมภา นางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภามีอุปนิสัยพิเศษพิศดาลกว่านางฟ้าอื่น คือนางพิสมัยใส่ใจสุขภาพของตนเองยิ่ง นัก นอกจากโภชนาอาหารอันเป็นทิพย์ ที่ถูกสุขลักษณะแล้ว นางยังชมชอบการดื่มน้ำใสบริสุทธิ์จากสระ โบกขรณีอีกด้วย คราที่ท้องฟ้าเข้าสู่กาลียุคสภาวะบรรยากาศแปรปรวนด้วยอิทธิพลของดาวหางฮัลเล่ย์ พื้นสวรรค์ชั้นจตุ มหาราชิกาเกิดแตกแยกน้ำในสระเหือดหาย สร้างความโกลาหลให้แก่เหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ ได้ยินข่าวเล่าขานกันในหมู่นางฟ้าว่าที่สระอโนดาตบนโลกมนุษย์ เวลาหลังฝนตกหมาดๆ เป็นเวลาเดียว ที่แผ่นหินกายสิทธิ์จะโอบอุ้มน้ำทิพย์จากฟากฟ้าและยังคงความพิสุทธิ์ใสเอาไว้เฉกเช่นน้ำในสระ โบกขรณี หากแต่ทวยเทพองค์ใดเล่าจะเสี่ยงให้กายทิพย์ต้องหมองมัวจากกลิ่นอายราคีคน มีเพียงนางฟ้า ปรียาลักษณ์รัมภาที่ละกิเลสส่วนตนมิได้ ความต้องการมีสุขอนามัยที่ดีสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นางตัดสินใจ เหาะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อตักน้ำที่สระอโนดาตไปดื่มกินบนแดนสรวง นางฟ้ามีพาหนะเป็นลำแสง 7 สีเรื่องรัศมีวาววับจับตา ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งหลังฝนตกนางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภาจะเสด็จผ่านฟ้ามาตักน้ำในลำธาร นางฟ้าทำเช่นนี้อยู่เป็นนิจ จนอยู่มาวันหนึ่ง สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเป็นเวลานาน จวบจนสาย ฝนซาลงเหลือเพียงละอองไอโปรยปรายบางเบา นางฟ้าเหาะลงมายังสระอโนดาตบนลำแสง 7 สี เพื่อตักน้ำหลังฝนไปเก็บไว้ดื่มกินเช่นที่ผ่านมา โดย นางไม่รู้มาก่อนว่า ครานี้ไม่เหมือนทุกครา ตายายสองคนเดินมาเก็บของป่าหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ บริเวณสระน้ำ บังเอิญเห็นดรุณีน้อยลอย ลงมาจากท้องฟ้า ตายายพอได้เห็นกริยาแช่มช้อย เอวองค์อรชรของนางก็เอ็นดู นึกอยากได้มาอยู่ด้วย เนื่องจากทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยความโศกเศร้าเหงาหงอย ลูกน้อยที่ฟูมฟักเลี้ยงดูมาจนเป็นสาวรุ่นจากไป ด้วยโรคไข้ป่า หลายครั้งจนแน่ใจ นางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภาเหาะลงมาบนลำแสง 7 สีทุกครั้งหลังฝนตกหมาดๆ ทั้งสองจึง คิดอุบายขึ้น หนทางที่ทำให้นางฟ้าไม่เหาะกลับสวรรค์ แต่อยู่บนโลกมนุษย์กับตายายตลอดไป
ดังนั้นทุกครั้งหลังฝนตก ตายายก็จะมาเฝ้าบริเวณริมลำธาร คอยแอบดูนางฟ้าเหาะลงมาบนลำแสง 7 สี เพื่อตัก น้ำก่อนจะกลับขึ้นไปบนสวรรค์ ครั้งแรกสองตายายใช้แหจับปลาหว่านไปบนตัวของนางหวังจับตัวนางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภา แต่นางรู้ตัว เสียก่อน เหาะหนีขึ้นไปบนทองฟ้าได้ทัน โอ้หนอมนุษย์... คิดการใดใยกระทำเช่นนี้ หวาดหวั่นแต่ต้องกลั่นใจ พลานามัยสำคัญเท่ากับความสำราญทั้งชีวิตนางฟ้า คราเหาะลงมาอีก
ครั้งที่สองตายายใช้เชือกผูกเป็นบ่วงบาศ เหวียงรัดตัวนางฟ้า ไม่สำเร็จเช่นเคย นางเหาะขึ้นไปบนทองฟ้าได้ ทัน แต่โถน้ำหล่นร่วงหลุดมือ นางฟ้าเกรงกลัวโลกมนุษย์ เหตุใดสองตายายจึงมีจิตใจอันเป็นอกุศล คิดกักกันนางไว้เพื่ออะไรกัน พยายามตัดใจสุขภาพพลานามัยนั้นสำคัญ แต่อันตรายไฉนเลยจะแคล้วคลาดได้ทุกคลา สองตายายเฝ้ารอหลังฝนตกห่าแล้วห่าเล่า เวลาผ่านไปนับปีทั้งสองไม่ละความพยายาม แต่นางฟ้าแพ้ใจ ตัวเอง น้ำฝนที่รองรับไว้ด้วยแผ่นหินกายสิทธิ์เหนือสระอโนดาตเป็นแหล่งน้ำเดียวที่พิสุทธิ์ใสเฉก เช่นเดียวกับใจนางต้องการ อีกทั้งนานมากแล้วหลังจากครั้งสุดท้ายที่นางเหาะลงไปยังโลกมนุษย์สองตา ยายคงถอดใจไปแล้ว คิดได้ดังนั้นหลังฝนตกห่าใหญ่ นางฟ้าก็ลอยลงมาที่สระอโนดาต น้ำใสราวกับแก้ว นางฟ้าปรีดายิ่ง ก้ม ลงตักน้ำฝนมาดื่มกินให้ชื่นใจ หารู้ไม่ว่าสองตายายรอเวลาใช้โอกาสที่นางฟ้าเผลอไผล แอบย่องไปพับ ลำแสงเจ็ดสีของนาง มาเก็บไว้ทำให้นางฟ้าเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ไม่ได้ เวลาผ่านไป... นางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภาอยู่กับสองตายายด้วยความเหงาหงอยเศร้าสร้อย นางขอกลับขึ้นไปอยู่กับเหล่า ทวยเทพบนสรวงสวรรค์บ่อยๆ แต่สองตายายไม่ยอมใจอ่อน ทั้งคู่เลี้ยงดูนางฟ้าเป็นอย่างดี หาอาหารที่ ถูกสุขลักษณะมาให้กิน ตักน้ำฝนตกใหม่จากลำธารมาให้ดื่ม ดูแลยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แต่เมื่อมาอยู่บนโลกมนุษย์นางฟ้ากลับกลายเป็นคนธรรมดา รูปโฉมงดงามก็เปลี่ยนไป ผิวพรรณก็ไม่ผ่อง ใสเหมือนเดิม ซ้ำบางครั้งยังป่วยไข้เหมือนคนปกติ สองตายายเห็นดังนั้นก็นึกสงสารจับใจ ยังจำได้ถึง คราวการจากไปของลูกสาว วาระนี้จึงคิดจะคืนลำแสง 7 สีให้นางเหาะกลับไปอยู่บนท้องฟ้าตามเดิม หลังฝนตกใหม่ พระอาทิตย์ฉายแสงเจิดจ้า ละอองฝนยังโปรยปราย สองตายายคลี่ลำแสงออกพาดท้องฟ้า หวังจะให้นางฟ้าเหาะกลับสวรรค์ แต่นางฟ้าไม่ยอมกลับเสียแล้ว นางซาบซึ้งใจ เกิดผูกสมัครรักใคร่ในตัวสองตายายขึ้นมา ประกอบกับนางฟ้าปรียาลักษณ์รัมภานึก สงสารที่ตายายต้องอยู่กันเพียงสองคน จึงไม่อยากกลับขึ้นสวรรค์อีกต่อไป นางอยากใช้ชีวิตร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับสองตายาย อยากอยู่คอยดูแลคนทั้งคู่ตลอดไป นางฟ้าตัดสินใจไม่เหาะกลับสวรรค์ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น รุ้ง กลายเป็นนางฟ้าเดินดินอยู่บนโลกมนุษย์กับสองคนตายายที่เธอเรียกว่า พ่อ แม่ ส่วนลำแสงเจ็ดสีที่ถูกสองตายายคลี่ทิ้งไว้ จะปรากฏให้เห็นเป็นประจำหลังฝนตก และถูกเรียกชื่อเป็น อนุสรณ์ตามชื่อของนางฟ้าว่า รุ้ง
แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 23:04:56
จากคุณ |
:
nantee2
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.พ. 54 22:04:12
|
|
|
|