Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอเพียงอยู่ด้วยกัน...ในวันสุดท้าย (ในแบบฉบับของมนต้นไม้) ติดต่อทีมงาน

เพียงอยู่ด้วยกัน...ในวันสุดท้าย



เป็นเรื่องสั้นที่เขียนจากการที่ได้อ่านงานเขียนเก่าของคนคุ้นเคยกันค่ะ (ขออนุญาตเจ้าของเดิมด้วยนะคะ) ซึ่งเชื่อว่าหลายๆท่านในนี้คงเคยผ่านตามาแล้วอย่างแน่นอนค่ะ แต่มนต้นไม้ขอยกมาเขียนในอีกมุมหนึ่งของตัวละครฝ่ายหญิง ว่ารู้สึกอย่างไรในสถานการณ์เดียวกันกับตัวละครชาย ที่คุณGTW ได้เขียนเอาไว้(ตามลิงค์ข้างล่าง) ลองอ่านดูนะคะ


http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10087321/W10087321.html


....................................



“รอเดี๋ยวนะที่รัก..”


เขาบอกกับเธอซึ่งนั่งรออยู่บนรถเข็น ก่อนจะหันหลังเดินไปปิดประตูรั้วบ้าน เธอมองตามร่างของชายที่แสนรักไปด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งรักใคร่ จนไม่อาจบรรยายออกมาได้เลย รู้แต่ว่า...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้เขานั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง


ความรักความอาทรห่วงใยที่เขาเคยมีให้เธอเมื่อหลายสิบปีก่อน มาวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม รวมทั้งนิสัยแปลกประหลาด หรือที่เขามักบอกเธอเสมอว่ามันเป็นความไม่เข้าท่าของเขาก็ตาม แต่สำหรับเธอแล้ว ทุกสิ่งที่เขาทำ ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมา มันคือความประทับใจที่เธอไม่เคยลืมได้เลย


เธอมองตามร่างค่อนข้างท้วมที่ยังคงสาละวนอยู่กับการปิดประตูรั้วบ้านอย่างขมักเขม้น ทั้งที่มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะที่นี่ในเวลานี้ แทบไม่มีใครอยู่อีกแล้ว นอกจากเธอและเขาเพียงสองคนเท่านั้น


ที่จริงมันควรจะเป็นเพียงเธอคนเดียวที่ยังคงอยู่ที่นี่ หลังจากติดโรคร้ายมา
ทว่าเขากลับไม่คิดทอดทิ้งเธอไปไหน ทั้งที่เขามีโอกาส แต่เขายังกลับมา
กลับมาเป็นกำลังใจเฮือกสุดท้ายให้เธอ กลับมาต่อลมหายใจที่น่าจะขาดห้วงลงไปนานแล้ว แต่ในวันนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ เพียงเพื่ออยู่ด้วยกัน...ในวันสุดท้าย


เช้าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสกว่าทุกวัน แสงแดดอ่อนๆสีทองสาดส่องลงมาอาบไล้พื้นหญ้าเขียวขจีที่อยู่หลังบ้าน เธอยังจำทุ่งหญ้านั้นได้ดี เมื่อหลายสิบปีก่อนเธอเคยวิ่งไล่จับผีเสื้อและตั๊กแตนกับใครบางคน เอามาใส่ขวดโหลเลี้ยงอยู่หลายวัน จนกระทั่งมันตายไป เธอเสียใจมากที่ทำให้มันตาย


รุ่งขึ้นอีกวันก็มีผีเสื้อตัวใหม่ใส่โหลมาวางไว้ให้แทนขวดเดิม เขานั่นเอง
เขาคนดีของเธอ คนดีที่คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดมา และจะอยู่กับเธอตลอดไป


เขาเดินกลับมา ทรุดตัวลงตรงหน้าเธอ พลางแนบใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลากับตักของเธอเอาไว้ เธออยากที่จะกอดตอบกลับไปอย่างแนบแน่น แต่ไม่สามารถทำได้


เวลานี้แม้แต่จะยกแขนขึ้นมายังแทบไม่มีแรง จึงได้แต่ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก สานสบกับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความอาทรห่วงใยของเขาที่เงยขึ้นมา ความรักที่เขามีให้เธอตลอดมา และไม่เคยมีสิ่งใด แม้แต่กาลเวลาจะมาพรากมันไปจากเธอและเขาได้เลย


เขามองเธอนิ่งนานราวกับว่าเธอยังเป็นสาวน้อยของเขาในวันวาน ไม่ใช่คนป่วยใกล้ตายที่อ่อนล้าเต็มไปด้วยโรคภัยรุมเร้าอยู่อย่างนี้


ความรักของเขาที่มอบให้เธอมันช่างมากมายมหาศาลเสียเลยเกินจนเธอรู้สึกได้ รักที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการการตอบแทนใดๆ รักทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีวันที่จะได้สมหวังในรักนั้น แต่ก็ยังคงรักต่อไปอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย


เหมือนกับที่เขารักเธอ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาไม่เคยสนใจ แต่กลับมองทะลุเข้าไปถึงหัวใจของเธอแทน เธอยังคงเป็นเด็กสาวผมยาว หน้าตาสดใส ประกายตาแวววาวเต็นระริกยามไล่จับผีเสื้อ และรอยยิ้มพิมใจที่เขาไม่มีวันลืม แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใด เธอก็ยังคงเป็นสาวน้อยของเขาเหมือนเดิม


เธอรวบรวมกำลังเท่าที่มีอยู่น้อยเต็มที ค่อยๆเลื่อนมือมาจับข้อมือของเขาบีบเบาๆ เธออยากจะปลอบใจเขาให้มากกว่านี้ อยากที่จะโอบกอดและหอมแก้มคนดีของเธอเสียเหลือเกิน


แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เขานอนซบหน้าอยู่บนตักของเธอแทน เธอเห็นเขาหลับตานิ่งนาน ราวกับว่าพยายามจะจดจำความรู้สึกในเวลานี้เอาไว้ ซึ่งก็ไม่แตกต่างไปจากเธอเลย


“ผมจะพาคุณไปเที่ยวให้รอบเมืองเลยวันนี้”


เขาพูดกับเธอเหมือนกับคนที่ตั้งใจแน่วแน่ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังกลายเป็นภาระของเขาไป จึงได้แต่ยิ้มหม่นๆ กลับไป ทว่าประกายตาของคนฟังยังคงดูอบอุ่นเต็มไปด้วยการให้กำลังใจเสมอ ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่ายเลย


“ฉันเคยตั้งใจว่าวันหนึ่งจะได้เดินเคียงคู่คุณ ได้เดินไปกับคุณ จะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอเพียงเราได้จับมือกัน แล้วเดินไปด้วยกัน ทุกหนทุกแห่งที่เราต้องการ เหมือนที่คุณเคยฝัน แต่เสียดายว่าตอนนี้ฉันเดินไม่ได้แล้ว”


เธอพูดกับเขา ด้วยประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิต และแผ่วเบาเสียจนคนฟังแทบไม่ได้ยิน พลางขยับอุ้งมือผอมแห้งที่เหลือแต่กระดูกมาบีบมือของเขาแน่นขึ้น ราวกับจะให้เขารู้ว่ามันเป็นความปรารถนาของเธอจริงๆ


“ไม่เป็นไรที่รัก...วันนี้เราจะเดินด้วยกัน ผมจะพาคุณไปเอง เราจะจับมือกันเหมือนในความฝัน”


เขาบอกเธอแบบนั้น ขณะลุกขึ้นยืนพลางจับมือขวาของเธอเอาไว้ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปเป็นสาวน้อยของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกแบบนี้ สัมผัสแนบชิดแบบนี้ มันทำให้หัวใจที่แห้งผากที่เพรียกหาใครสักคนตลอดมาของเธอ กลับมาพองโตและเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง


เธอยังจดจำได้ทุกตัวอักษรที่เขาคนดีของเธอเขียนเอาไว้ได้ ทุกๆเรื่องราวทั้งร้ายและดี ทุกความทรงจำที่ร้าวรานและประทับใจที่เขาเคยมีต่อเธอ ซึ่งเรื่องบางเรื่องเธอแทบลืมไปหมดแล้ว แต่เขากลับจำมันได้ดีราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้น


เธอรู้สึกดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้มีโอกาสอ่านบันทึกความทรงจำเล่มนั้นของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลอดเวลาเธอไม่เคยรู้เลยว่า ความโหยหาในความรักของเธอจะต้องกันกับเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ


ทุกตัวอักษรที่ถูกเรียงร้อยเป็นถ้อยคำ กลายเป็นประโยคบอกเล่าความในใจ ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวและความฝันที่เขามีต่อเธอ มันทำให้เธอเศร้าใจและปลาบปลื้มไปในเวลาเดียวกัน


เมื่อได้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนที่แสนพิเศษของใครสักคนไปโดยไม่รู้ตัว และคนๆนั้นกลับเป็นคนที่เธอเฝ้ารอคอยตลอดมา มันเป็นความทรงจำที่เธอไม่มีวันจะลืมได้เลย และจะขอเก็บมันเอาไว้ในหัวใจตลอดไป


เขายังคงกุมมือของเธอเอาไว้อย่างทะนุถนอม ขณะที่มืออีกข้างออกแรงเข็นรถไปอย่างช้าๆ


สายลมเย็นพัดผ่านท้องถนนที่ปราศจากผู้คน มากระทบร่างกายที่แสนจะบอบบางของเธอจนเธอรู้สึกได้ เมื่อเขาเข็นเธอมาหยุดตรงหน้าสี่แยกไฟแดง ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คน แต่ตอนนี้มันมีแต่ความว่างเปล่า


“หนาวไหม...”


เสียงกระซิบเต็มไปความห่วงใย ราวกับรู้ใจเธอเป็นอย่างดี เธอไม่ได้ตอบเพียงแต่สั่นหน้า และหันไปยิ้มให้เขา


จู่ๆเขาก็ก้มลงกอดเธอจากด้านหลัง ซึ่งมันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเวลาที่เธอและเขาจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันมันเหลือน้อยเต็มที เธอรู้แต่ว่าอยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้ อยากเก็บความทรงจำในวินาทีนี้เอาไว้เนิ่นนาน ตราบจนลมหายใจของเธอหมดลง


แถวๆนั้นมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน เขาเคยพูดกับเธอเอาไว้ว่าวันหนึ่งจะพาเธอเข้าไปกิน แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเมืองทั้งเมืองถูกตัดกระแสไฟฟ้า ผู้คนอพยพออกไปจนหมด ปล่อยทิ้งเมืองให้รกร้างมานานแล้ว


สายลมยามเช้าสดชื่นเหลือเกิน แต่หัวใจของเธอกลับห่อเหี่ยวเมื่อนึกถึงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดที่จะได้อยู่กับเขา


เธอเคยสงสัยและตั้งคำถามให้ตัวเองว่า ทำไมเขาจึงรักเธอได้มากมายขนาดนี้ สุดท้ายเธอก็คิดว่ามันไม่จำเป็นอีกแล้ว เธอไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่กับเธอ ณ.ที่นี้แล้ว แล้วเธอจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก


“อยากฟังเพลงไหม”


เขาถาม เมื่อผ่านร้านขายเครื่องเสียง เธอไม่ได้ตอบทันทีแต่หันมองตามไปแทน ก่อนจะส่ายหัว พลางแนบใบหน้ากับแขนของเขา


“ไม่ดีกว่าค่ะ...ตอนนี้ฉันอยากอยู่กับคุณ ให้นานเท่านาน ไม่อยากห่างจากคุณแม้แต่นาทีเดียว”


“ผมจะไม่ห่างคุณอีกแล้ว จะไม่ขอห่างแม้แต่วินาทีเดียว”


เขาบอกเธอ น้ำเสียงฟังดูสั่นพร่าจนเธอรับรู้ได้ แม้ว่าเขาพยายามที่จะระงับอารมณ์ไว้แล้วก็ตาม แต่ทุกวินาทีในเวลานี้ มันช่างมีค่ามากมายเหลือเกิน เธอเห็นเขามองนาฬิกาอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้เธออดที่จะใจหายไม่ได้


“ผมร้องเพลงให้ฟังแทนเอาไหม..”

“อย่าดีกว่าค่ะ”

“คุณไม่อยากฟัง”

“ก็เสียงคุณไม่ได้เรื่องนี่คะ”


เธอโพล่งออกไป น้ำเสียงฟังดูแจ่มใสขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง ก่อนที่พวกเราจะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน เขาเอื้อมมือมาจัดผ้าคลุมใหล่ให้เธอ เมื่อเห็นว่ามันเลื่อนหลุดลงมา เธอรู้ดีว่าเขาอยากให้เธอดูดีเสมอ แม้ว่าในความเป็นจริงเธอจะดูซูบซีดผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่หลงเหลือเค้าความสวยอยู่เลยก็ตาม


เขาพยายามเข็นรถไปอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวังไม่ให้เธอกระทบกะเทือน เพราะรู้ดีว่าความจริงเธอไม่ควรออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ เพราะหมอของเธอเคยบอกเขาว่า เธอจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน แต่นี่เป็นวันที่เจ็ดแล้ว


แต่เธอรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ร่างกายที่แสนอ่อนล้าและหัวใจที่อ่อนแรงของเธอ ยังคงเต้นมาได้ถึงวันนี้ ถ้าไม่ใช่เขาคนดีของเธอ เธออดทนอยู่เพื่อเขาเท่านั้น อยู่ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เท่าที่แรงกายแรงใจจะไขว่คว้าไปถึง


หลังจากที่ได้ลิ้มรสของการจากกันเกือบยี่สิบปี เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง ในสภาพคนป่วยที่กำลังรอวันตาย แต่กับเขาแล้ว เธอรู้ดีว่ามันไม่สำคัญ เขาไม่เคยถาม หรือสนใจว่าเธอเคยมีชีวิตอย่างไร แต่กลับยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะพาเธอออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ด้วยกัน เหมือนกับที่เขาเคยฝันเอาไว้


เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนกับว่าเป็นนางฟ้าขึ้นมาในทันที เขายังคงปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันทำให้เธอสุขใจและมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอไม่ต้องการและสนใจอะไรอื่นอีกแล้ว วันเวลาและความขมขื่นร้าวรานที่ผ่านมา มันสอนให้เธอกล้าที่จะเสี่ยงกับความสมหวังอีกครั้ง


แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงสั้นๆก็ตาม แค่ขอให้ได้อยู่กับคนที่เธอรักเท่านั้นก็พอ เธอนั่งนิ่งไม่ได้พูดหรือสนใจสิ่งรอบกายอีกต่อไป เวลานี้เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินจึงได้หลับตาลง เขาพาเธอมาหยุดอยู่สี่แยก ที่เวิ้งว้างว้างเปล่าไร้ผู้คน ก่อนจะกระซิบถามเธอด้วยความห่วงใย


“ที่รัก....”


เธอไม่ได้ตอบและยังหลับตานิ่ง ก่อนจะค่อยปรือเปลือกตาขึ้นช้าๆอย่างยากเย็น เมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนมาซบที่ตัก และรับรู้ถึงความเปียกชื้นที่หลังมือของตัวเอง ก่อนจะเห็นหยดน้ำตาของเขาไหลพรากออกมา


เขาคงกลัวว่าเธอจะจากเขาไปในเวลานี้ แม้ว่าจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากเพียงใด เธอก็พยายามที่จะยิ้มให้กับเขา และยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ พลางพูดปลอบใจ


“อย่าร้องไห้สิคะ...ฉันยังอยู่กับคุณเสมอ”


แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่เธอเองก็ไม่สามารถที่จะข่มความเศร้าเอาไว้ได้
หยาดน้ำใสรื้นคลอหัวตา ก่อนจะหยาดรินออกมาอย่างช้าๆ ทั้งที่กำลังคลี่ยิ้มบางๆให้ เขาเองก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน แต่คงเป็นยิ้มที่ฝืดเต็มที ก่อนจะเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากแก้มซูบซีดของเธอ


“คุณเองก็อย่าร้องไห้”  

เขาพูดปลอบใจกลับมา

“ฉันร้องไห้ด้วยความดีใจที่ได้อยู่กับคุณ”

“ผมก็เหมือนกัน....”

“คุณอย่ามาทำเป็นลอกเลียนคำพูดฉันสิคะ”

เขามองดูท้องฟ้า ก่อนจะก้มดูนาฬิกาอีกครั้ง

“ช่วยฉันลงจากรถเข็นได้มั๊ยคะ ฉันอยากกอดคุณ”  


เธอขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทาง ที่ทำให้เขาไม่อาจจะปฏิเสธเธอได้เลย เขาอุ้มเธอลงมาจากรถเข็น ก่อนจะผลักมันเคลื่อนหนีห่างไกลออกไป ซึ่งมันทำให้เธอสงสัย ก่อนจะนึกได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว เขาอุ้มเธอไว้แนบอก พาเธอมานั่งโดยพยายามที่จะจัดท่านั่งให้เธอได้สบายมากที่สุด


ความอาทรเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของเขา มันทำให้เธอซาบซึ้งตื้นตัน จนไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงได้แต่นั่งอิงแอบแนบหน้ากับอกของเขา พลางหลับตาลงอย่างเป็นสุข


ไม่มีน้ำตาอีกแล้ว... เธอไม่ได้ร้องไห้อีก และเขาก็เช่นกัน ในเมื่อเธอและเขาต่างมีกันและกันอยู่ในอ้อมแขน แล้วจะต้องเศร้าอีกทำไม


“ฉันรักคุณ...”

เธอกระซิบแผ่วเบา ทั้งที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่รับรู้ถึงสัมผัสของเขาที่ข้างแก้มได้ดี


“ที่รัก...ผมรักคุณสุดหัวใจ...หัวใจของเราเต้นไปพร้อมกัน จังหวะเดียวกัน ...จะอยู่ด้วยกันตลอดไปจนลมหายใจสุดท้าย”


เขาพูดยาวเหยียดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยุดไปชั่วอึดใจ คล้ายกับว่ากำลังทำอะไรบางอย่าง และกลับกอดเธอแน่นขึ้น ราวกับว่ากลัวเธอจะหายไปในพริบตา


....ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะขาวโพลน และหายวับไปพร้อมกับความทรงจำในวินาทีสุดท้ายที่เธอได้อยู่ร่วมกับเขา.....




....... ขอเพียงได้อยู่ด้วยกัน ในวันสุดท้าย.........ก็พอ



8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น


ข่าวการทดลองระเบิดฟิวชั่น-นิวตรอน ขนาดเล็กในเมือง XXX ได้รายงานเข้ามาว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เมืองทั้งเมืองซึ่งถูกสงสัยว่ากำลังจะมีการระบาดของเชื้อโรคอันตรายได้หายไปในเสี้ยววินาที ไม่พบรายงานของผู้รอดชีวิต........



........................................

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2554 16:45:15 น

แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 11:41:01

แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 08:24:40

แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 08:06:48

 
 

จากคุณ : Setakan
เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 07:42:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com