Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Beer, Cigarette, Black Coffee and Bitter Chocolate : ตอนที่ 1 ติดต่อทีมงาน

เอาเรื่องสั้นมาลงคั่นเวลา ก่อนที่จะเอานิยายมาลงต่อให้จบ เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงยุ่งถึงยุ่งที่สุด อาจเป็นเรื่องสั้นที่แปลกไปจากแนวปกติของล็อกอินนี้สักหน่อย (ถ้าใครเคยอ่านเรื่องที่ผ่านมาคงพอทราบอยู่) นาน ๆ ที แวะมาก็เปลี่ยนบรรยากาศเป็นเรื่องเบา ๆ บ้างละกันนะคะ ^^




..................................................................................................

BEER



(1)


“วันนี้ มันเป็นวันอะไรกันนักหนาวะ.... ซวยจริง ๆ ซวยที่สุด”

หลังดื่มเบียร์เข้าไปจนได้ที่ ฉันก็ระเบิดเสียงลั่นออกมา ไม่แคร์สายตาใครในลานเบียร์ แถมปัดเอาเทาเวอร์ที่มีเบียร์สดพร่องไปแล้วครึ่งหนึ่งบนโต๊ะจนล้ม ดีที่เพื่อนร่วมโต๊ะของฉันลุกพรวดไปคว้าไว้ทัน

“แกเป็นบ้าอะไรของแก อายคนอื่นเขาบ้าง คนทั้งร้านมองแกอยู่คนเดียวเลยรู้มั้ย”

“อยากมองก็มองไปดิ... ไม่อายโว้ย”  

ปฏิกิริยาตอบสนองจากฉันทำให้คนตรงหน้าทำหน้าเหมือนอยากด่าฉันเต็มแก่ แต่เมื่อเห็นฉันเริ่มทำเสียงฮือ ๆ แบบคนอยากร้องไห้ แต่ไม่รู้จะร้องเป็นภาษาอะไรให้สมกับความอัดอั้นตันใจจนหาทางออกอื่นไม่ได้นอกจากดื่มให้เมากันไปข้าง เขาก็เปลี่ยนใจ แต่ไม่วายทำหน้าระอาใจ

“เอา ๆ แกไม่อาย ฉันก็ไม่อาย อยากร้องก็ร้องไป จะเมาเป็นหมาแค่ไหนก็ตามใจ ฉันจะนั่งเป็นเพื่อนอยู่ตรงนี้แหละ” เขาถอนใจเฮือก หย่อนตัวลงนั่งอิงพนักเก้าอี้พับ สอดมือลงในกระเป๋าแจ็คเก็ต มองฉันอย่างอ่อนใจ “ถ้าเจ้าของร้านเรียกตำรวจมาจับแกฐานก่อความวุ่นวาย ฉันไม่ช่วยเคลียร์ให้นะเว้ย”

“มาจับเลยก็ดี… ให้มันรู้กันไปว่าเพื่อนช่วยเพื่อนไม่ได้” ฉันประชดเสียงสูง ยกเบียร์ขึ้นซดโฮกเดียวหมด กระแทกแก้วเปล่าลงตรงหน้าเขาดังโครม “ทีตอนแกอกหักเมากลิ้งอยู่ที่คณะ จะเอาแกขึ้นไปที่หอชายที่แกอยู่ก็ไม่ได้ ฉันต้องลากแกขึ้นรถไปฝากเพื่อนที่อยู่หอนอก แกหลับไม่รู้เรื่อง ส่วนฉันเกือบโดนพ่อด่า เพราะพ่อได้กลิ่นเบียร์ในรถ ดีนะที่แถจนเอาตัวรอดมาได้ ถ้ารู้ว่าแกไม่สำนึกบุญคุณกันแบบนี้ ฉันไม่ช่วยแกก็ดี”

“เฮ้ย เบา ๆ หน่อย” เขาใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากบอกให้ฉันเงียบ ขณะที่เขาลดเสียงลงให้อยู่ในระดับที่ได้ยินกันสองคน “ไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณกันหรอกน่า... ฉันเป็นหนี้แก ไม่ใช่แค่ชาตินี้ ต่อให้ถึงชาติหน้าก็ไม่ลืม”

“รู้ตัวว่าเป็นหนี้ก็ดี” ฉันแค่นยิ้ม “แล้วถ้าร้านให้คนมาจับฉันจริง แกจะช่วยหรือไม่ช่วย”

“ไม่...” เขายืนยันคำเดิม เอื้อมมือมาแย่งแก้วเบียร์ไปจากฉัน แต่ฉันกระชากกลับคืน แล้วเปิดก๊อกเทาเวอร์เติมเบียร์ลงไปอีก ทำให้เขาได้แต่ส่ายหน้าในความรั้นของฉัน “ถ้าแกอาละวาดแล้วทำคนอื่นเดือดร้อน”

“ฉันเป็นเพื่อนแกนะ”

“เออ สิวะ... เพราะแกเป็นเพื่อนนี่แหละ” เขาฉวยโอกาสดึงแก้วเบียร์ไปจากมือฉันจนได้ “เพื่อนที่สนับสนุนให้เพื่อนทำผิด แกจะเรียกมันว่าเพื่อนอีกมั้ยล่ะ”

เมื่อฉันพยายามจะคว้าแก้วที่เขาเอาไปคืนมาอีกครั้ง เขาก็รวบข้อมือสองข้างของฉันกดลงกับโต๊ะ ฉันนิ่วหน้า พยายามบิดข้อมือหนีให้หลุดจากมือของเขา “เจ็บนะ... ปล่อย... หรือแกจะให้ฉันตะโกนให้ทุกคนในนี้ว่าแกทำร้ายผู้หญิง”

ถึงจะถูกขู่ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย “สัญญาก่อนว่าแกจะหยุดดื่มเดี๋ยวนี้ แล้วจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นอีก ฉันถึงจะยอมปล่อย”

“ทำไมฉันต้องสัญญาด้วย”

“จะสัญญาหรือไม่สัญญา” เสียงเข้มของเขาทำให้ฉันรู้ว่าเขาเอาจริง

“สัญญาก็ได้… หยุดก็หยุด” ฉันตอบ “ปล่อย...”  

ดูเหมือนเขาไม่ค่อยอยากเชื่อคำพูดรับปากนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมปล่อยแขนฉันโดยดี หากยังจ้องฉันไม่ละสายตา แล้วยื่นมือออกมาตรงหน้า  

“เอากุญแจรถแกมา เดี๋ยวฉันไปส่งแกที่บ้าน”

“ฉันยังขับไหว” ฉันเถียง ทั้งที่รอยมือใหญ่ที่ปรากฏและความระบมในบริเวณข้อมือทั้งสองของฉัน รวมทั้งความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปีเตือนให้รู้ว่า เขาเอาจริง และกำลังโกรธฉันอยู่จริง ๆ “ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน แกอยากกลับก็กลับเลย ฉันอยู่คนเดียวได้”

“ฉันจะปล่อยให้แกเมาเละตัวคนเดียวได้ไง โตจนป่านนี้แล้ว คิดบ้างสิ ผู้ชายแถวลานเบียร์มีเป็นฝูง ใครดีใครเลวก็ไม่รู้ ถ้าเกิดมันพาแกไปทำอะไรขึ้นมา จะทำยังไง”

แม้จะเข้าใจถึงความปรารถนาดีของคนตรงหน้า แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสมกับความพยายามในการกลบเกลื่อนความกลัวในสิ่งที่เขาพูดกลับทำให้ฉันยังพยศกับเขาไม่เลิก

“ฉันดูแลตัวเองได้” ฉันเชิดหน้าใส่เขา “แกอย่าทำเป็นพูดดีแล้วคิดไม่ซื่อเองก็แล้วกัน”

“สภาพอย่างแกเนี่ย ใครจะไปมีอารมณ์เอาวะ”

“แกพูดเองนะ” ฉันย้อน เริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง เพราะคำพูดบางอย่างที่กระทบถึงบางเรื่องซึ่งทำให้ฉันมานั่งดื่มตามลำพัง จนกระทั่งเขาเดินเข้ามานั่งด้วย โดยที่ต่างคนต่างไม่คิดว่าจะได้พบกันที่นี่ “ถ้าแกไม่เอา คนอื่นมันก็ไม่เอา”

เขาระบายลมหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย “อยากได้สามีโดยอุบัติเหตุก็ตามใจ... แต่ถึงแกรอดมือพวกมันมาได้ แกคิดเหรอว่า ล่อเบียร์ซะเกือบค่อนเทาเวอร์แบบนี้ เจอด่านแล้วแกจะเป่าแอลกอฮอล์ผ่าน”

“แกจะแคร์ฉันทำไม ฉันถามว่าจะให้ช่วยมั้ย แกก็ไม่ช่วย”

“ฉันบอกสักคำมั้ยว่าจะช่วยเคลียร์”

“งั้นจะไปไหนก็ไปเลย ไป”

“นี่ฉันยังไม่ได้เอาเรื่องที่แกเมาแล้วขับ แถมใช้กล้องมือถือถ่ายรูปเข็มไมล์เหยียบร้อยกว่าของแกมาลงเฟซบุ๊คเมื่อวันก่อนเลยนะเว้ย แกไม่คิดหรือไงว่า มันอันตราย ถ้าแกตายคนเดียวฉันก็แค่สมน้ำหน้าแก แต่คนข้างหลังแกต้องเสียใจแน่ ๆ ยิ่งถ้าแกเกิดไปชนคนอื่น มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก หัดสำนึกซะบ้างสิ”

คำพูดของเขาที่เหมือนกระจกสะท้อนให้เห็นสิ่งที่ฉันทำลงไปทำให้ฉันสะอึก

“แล้วถ้าแกเอาสารรูปแบบนี้กลับบ้าน พ่อแกจะว่าไง”

คำพูดนั้นกระตุกสติของฉันกลับมา แต่ก็อดย้อนเขาไม่ได้ “ใครบอกแกว่าคืนนี้ฉันจะกลับบ้าน แล้วทีตอนแกเมาคราวนั้นล่ะ ทำไมไม่คิด”

“เพราะตอนนั้นไม่คิด ถึงได้ทุเรศตัวเองอยู่ทุกวันนี้ไง อย่าให้ฉันต้องทุเรศแกอีกคนเลย”

สายตาของเขาที่มองมาฉายแววสงสารและสงสัยมากกว่าสมเพชอย่างที่ปากพูด “แกไม่เหมือนแกคนเดิมตอนที่จิกหัวด่าเรียกสติฉันตอนนั้นเลยว่ะ ฉันถามจริง ๆ เหอะ ใครหรืออะไรทำให้แกเป็นได้ถึงขนาดนี้”

เมื่อเขาพูดจบ น้ำตาที่ไม่ยอมไหลออกมาแต่แรกของฉันก็ล้นทำนบ แล้วฉันก็ปล่อยโฮออกมาเดี๋ยวนั้นนั่นเอง...  






--------------------------------------------------------------------


(มีต่อนะคะ)

แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 23:19:07

จากคุณ : ปิยะรักษ์
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 22:04:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com