Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
++ พันธะเหนือลิขิต (Acentharia-2) ...ตอนที่ 4 ++ ติดต่อทีมงาน

ลูกโป่ง ตอนก่อน:......

[1/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10223038/W10223038.html
[1/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10228655/W10228655.html
[1/3] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10235714/W10235714.html
[2/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10241869/W10241869.html
[2/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10250588/W10250588.html
[3/1] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10265337/W10265337.html
[3/2] http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10269614/W10269614.html

................................



======================
   กระดิ่ง<<<ตอนที่ 4 >>> กระดิ่ง
======================

             
               

                   ยานแม่อันใหญ่โตมโหฬารของซาปิธัสนอกจากจะบรรทุกสิ่งก่อสร้างที่ราวกับเป็นวังเคลื่อนที่ของเจ้าชายรัชทายาทแห่งเมลาเนียลและฐานปฏิบัติการขนาดย่อมแล้ว ก็ยังบรรทุกยานลูกที่มีขนาดใหญ่อีกหนึ่งลำ ยานสำรวจขนาดกลางสิบลำ และยานรบขนาดเล็กขับเคลื่อนเร็วอีกยี่สิบกว่าลำ

                   ยานทั้งหมดจะถูกจอดเก็บไว้ในโรงเก็บยานซึ่งอยู่ใต้ท้องยาน

                   มากัสเดินนำหน้าลูเปอร์เซียสพาไปยังลิฟต์ทางลงไปยังโรงเก็บยานตัวหนึ่ง ปกติเขาเป็นคนฉลาดปราดเปรียวและไวต่อสิ่งผิดปกติเสมอ แต่บางทีในเวลานี้จิตใจของมากัสอาจจะไม่ค่อยปกตินัก มิฉะนั้นแล้วเขาคงจะฉุกใจสงสัยบ้างว่า ทำไมคนอย่างลูเปอร์เซียสถึงยอมเดินตามเขามาอย่างง่ายๆขนาดนี้

                   “  จริงสิ.. ตะกี้นายบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องกราบทูล เป็นความลับรึเปล่า ? ”

                   แต่อย่างน้อยมากัสก็ยังนึกถึงเรื่องนี้ออก

                   “ เปล่า..”

                   อีกคนตอบเสียงเรียบสีหน้านิ่งเฉย พอดีกับประตูลิฟต์เปิดออก จึงก้าวเข้าไปเป็นคนแรก

                   มากัสเข้าตามแล้วกดปิดประตู ก่อนจะหันมายืนหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย

                   “  งั้นบอกได้สินะว่าเป็นเรื่องอะไร ? ”

                   ลูเปอร์เซียสพยักหน้า ก่อนจะตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามปกติ

                   “  เราตรวจพบคลื่นสัญญาณการส่งผ่านกาลมิติบนพื้นดาวโลก...”

                   “  หา ! อะไรนะ ..เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ”

                   “  ราวหกชั่วโมงก่อนหน้านี้ตามเวลาของดาวโลก ”

                   “  ระบบส่งผ่านกาลมิติของยานซาปิธัสมีปัญหามาเป็นสัปดาห์แล้ว คงไม่ใช่จากพวกเราแน่ แล้วตรวจจับได้ไหม ว่าเป็นใครส่งมาจากปีไหน ? ”

                   “  คาดว่าเป็นปี 2155 จากฝ่ายจักรวรรดิโปกาดอน ”

                   “  ทำไมนายตั้งสมมุติฐานมั่นใจอย่างนั้น ? ”

                   “  เพราะบริเวณจุดศูนย์กลางซึ่งคลื่นสัญญาณเข้มข้นที่สุด คือบริเวณที่จะเป็นที่ตั้งของนครโลหะในอนาคต ”

                   พวกเขาล้วนเดินทางมาจากปีนั้นด้วย จึงพอจะรับทราบถึงชะตากรรมที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้เป็นอย่างดี ที่แท้หลังการยึดครองดาวโลกกระทำสำเร็จ จักรพรรดิโซโรแห่งโปกาดอนก็มีพระราชโองการให้สร้างเมืองหลวงของกองกำลังจักรวรรดิโปกาดอนขึ้น บนเกาะแห่งหนึ่งกลางมหาสมุทรแอตแลนติก  เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการรบและการปกครองบนโลก จากนั้นทรงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า “นครโซโรตัส”  

                   หากสีดำอันทึมทึบของวัสดุซึ่งนำมาใช้สร้างเป็นการนำยานอวกาศจากยานแม่มาลงจอด รวมไปถึงสะพานขนาดใหญ่ สถานีขนส่ง สำเร็จรูปล้วนมีอยู่แล้วบนสถานีอวกาศเคลื่อนที่ของโปกาดอน เพียงแค่ใช้ยานจักรกลขนถ่ายทั้งหมดมาจัดวางตามแผนผังที่โปรแกรมตั้งไว้แล้วประกอบเชื่อมต่อทั้งหมดเข้าด้วยกันเท่านั้น ทำให้ผู้คนบนโลกมักพากันเรียกที่นั่นว่า “นครโลหะ”

                   มากัสยืนกอดอกนิ่งขบคิดจนสีหน้าเคร่งเครียด กระทั่งประตูลิฟต์เปิดก็หาได้สนใจก้าวออกไปไม่

                   สิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจก็คือฝ่ายโปกาดอนส่งใครมาในยุคนี้..และส่งมาเพื่ออะไร ?

                   “ แล้วนายนำยานเข้าไปสำรวจโดยบริเวณละเอียดหรือยัง เจออะไรบ้างไหม ? ”

                   ลูเปอร์เซียสส่ายหน้า

                   “  คลื่นมวลวัตถุที่ถูกส่งผ่านกาลมิติซึ่งพวกเราตรวจจับได้ มีขนาดใหญ่พอๆกับยานลำหนึ่ง แล้วคงจะไม่ใช่ยานของพวกเราที่หายไปแน่ มันเสี่ยงต่อการถูกพบเห็นเกินไปหากว่าเข้าไปสำรวจใกล้ๆ แล้วคงไม่เป็นการดีแน่หากพวกนั้นคาดเดาออกว่าพวกเรามาที่นี่ ”

                   มากัสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย  นี่เป็นข้อดีของลูเปอร์เซียสที่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังพิเศษที่สองแห่งวังเนริเปี้ยนซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งฝ่ายจู่โจมและสอดแนมสืบความลับ ลูเปอร์เซียสมีฝีมือเก่งกาจ ทำอะไรเฉียบขาดและรวดเร็วเสมอ เพียงแต่เขาจะจัดการทุกสิ่งด้วยความสุขุม ใช้สตินำก่อนลงมือ ด้วยเหตุนี้งานที่เขาได้รับมอบหมายถึงแทบจะไม่เคยผิดพลาดล้มเหลว

                   วิทยาการของเมลาเนียลถูกลักลอบขโมยจนรั่วไหลไปยังโปกาดอนหลายอย่าง และเพราะความเป็นจักรวรรดินักรบเร่ร่อนกลางห้วงอวกาศ ทำให้แทบไม่มีคนนอกที่จะมีโอกาสล่วงรู้ได้เลยว่าเวลานี้โปกาดอนมีความเจริญทางเทคโนโลยีก้าวหน้าไประดับไหนแล้ว

                   โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการส่งผ่านมิติ !

                   แต่ที่แน่ๆ... กองทัพโปกาดอนสามารถล่วงรู้วิธีการเปิดประตูเธลปิโดลัสเพื่อนำยานรบและกองกำลังจำนวนมหาศาล เดินทางข้ามจากกาแลกซี่คิวปัสตีมายังกาแลกซี่ทางช้างเผือกได้ นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

                   คาดว่าพวกมันคงได้เทคโนโลยีนี้ไปจากข้อมูลลับบางส่วนที่ถูกขโมยไปจากสถานีอวกาศมาริกัส เมื่อครั้งที่เจ้าผู้ครอบครองพลังสีน้ำเงินลอบเข้าไปที่นั่นในครั้งนั้นอย่างแน่นอน

                   เทคโนโลยีการส่งวัตถุผ่านมิติมีสองชนิดคือมิติตำแหน่งกับมิติเวลา  การส่งผ่านมิติตำแหน่งจะทำให้วัตถุเดินทางอย่างรวดเร็วในชั่วอึดใจ แบ่งได้สองแบบคือการใช้พลังงานเปิดประตูมิติตำแหน่งกับการใช้ควอนตันเคลื่อนย้ายวัตถุ  การส่งผ่านมิติตำแหน่งแม้มีการนำใช้กันแพร่หลาย แต่การส่งผ่านมิติเวลาหรือกาลมิติจัดเป็นเทคโนโลยีลับที่มีอันตราย จึงจำเป็นต้องถูกประกาศให้เป็นเทคโนโลยีควบคุมการใช้งานอย่างเข้มงวด

                   มากัสเชื่อว่าสำหรับทางโปกาดอนแล้วก็คงจะไม่ได้แตกต่างกันนัก

                   “  นายกำลังคิดอะไรอยู่มากัส ? ”

                   ลูเปอร์เซียสยื่นมือกดประตูให้เปิดค้างไว้แล้วหันมาถาม เมื่อเห็นเพื่อนยังยืนนิ่งไม่มีทีท่าขยับตัว

                   “ ฉันกำลังสงสัย.. ว่าจักรพรรดิโซโรกำลังทรงคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่..”

                   คนถูกถามพึมพำพลางครุ่นคิด

                   “  โปกาดอนยึดครองดาวโลกสำเร็จแล้ว พวกมันจะส่งคนย้อนเวลามาทำไมอีก การส่งคนมาในอดีตนับว่าสุ่มเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงอันเป็นอันตรายต่ออนาคต ดังนั้นคนที่ถูกส่งมาก็ต้องเป็นผู้ที่ควรได้รับความไว้วางพระทัยสูงสุด ว่าสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี...”

                   “  จะเกี่ยวกับพวกเราไหม ? ”

                   “  คงไม่...พวกมันไม่น่าจะล่วงรู้การมาของพวกเรา ”

                   มากัสพูดพลางส่ายหน้า หากลึกลงไปในดวงตาสีสนิมกลับฉายแววไม่ได้มั่นใจนัก

                   ลูเปอร์เซียสจึงกล่าวเสียงเย็นชา

                   “  ถ้าไม่ได้เกี่ยวก็ยังไม่ต้องไปคิด ไว้ค่อยคุยวิเคราะห์กันตอนเข้าเฝ้าอีกทีก็ได้  ตอนนี้นายจะพาฉันไปดูเบาะแสอะไรที่ยานลูกของซาปิธัสไม่ใช่หรือ .. นำทางได้แล้ว ! ”

                   คนถูกเร่งอึ้งเงอะงะไปเล็กน้อย ความจริงเรื่องเบาะแสอะไรนั่นเขาแค่อ้างขึ้นมั่วๆเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่ายเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาเท่านั้น  มาตอนนี้คิดไม่ถึงตนเองกลับโดนเรื่องการสัญญาณส่งผ่านกาลมิติอะไรนั่นดึงดูดความสนใจไปเสียเอง จนเกือบลืมไปเลยว่าพาอีกฝ่ายลงมาที่นี่เพื่อทำอะไร

                   แล้วเมื่อทั้งสองก้าวออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องควบคุมของโรงเก็บยาน ชายผู้หนึ่งในชุดเครื่องแบบและป้ายประจำตัวที่ติดบนหน้าอกบ่งบอกว่าเป็นนายทหารฝ่ายช่างเทคนิคประจำยาน ก็ก้าวยาวๆจากข้างใน ออกมาเข้ามายืนตรงเท้าชิดต้อนรับพวกเขา

                   “   กาเรล นายทหารช่างสังกัดกองกำลังพิเศษที่สาม  เข้าเวรประจำห้องควบคุมโรงเก็บยานเวลานี้ขอรับ..”

                   นายทหารราชวัลลภทั้งสองเพียงพยักหน้าอย่างรับทราบ  โรงเก็บยานถือเป็นเขตควบคุมอีกบริเวณหนึ่งที่ต้องมีบัตรผ่านจึงจะสามารถเข้ามาได้  แต่พวกเขามีตำแหน่งสูงระดับหัวหน้ากองกำลังพิเศษผู้บัญชาการฝ่าย ดังนั้นจึงสามารถเดินเข้าออกที่นี่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใครอยู่แล้ว

                   “ ท่านทั้งสองลงมาอย่างกะทันหัน ไม่ทราบมีเรื่องใดให้พวกกระผมรับใช้หรือขอรับ ? ”

                   “  เราต้องการดูข้อมูลที่บันทึกไว้เกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของยานลูกซาปิธัส..”

                   มากัสบอกเสียงเคร่งขรึมขณะเดินนำหน้าทั้งหมดเข้าสู่ห้องบังคับการของโรงเก็บยาน กาเรลที่เดินตามหลังจึงชะงักเท้าลงแล้วผายมือไปทางห้องเล็กอีกห้องซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ

                   “ ห้องเก็บข้อมูลอยู่ทางนี้ขอรับ..”

                   ลูเปอร์เซียสฉวยโอกาสที่กาเรลเบี่ยงตัวเอื้อมมือไปกดรหัสเปิดสวิตซ์ประตู ลอบสบตากับมากัสแวบหนึ่งอย่างมีความนัย ยังผลให้ดวงตาสีสนิมคู่นั้นกะพริบวูบหนึ่งอย่างฉุกใจ หากแต่ยังคงรักษาสีหน้าท่าทางเป็นปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

                   “  เข้าเวรกันกี่คน ? คนอื่นๆไปไหนกันหรือ ? ”

                   มากัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและผ่อนคลาย อย่างที่ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง แสดงความใส่ใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา กาเรลกดรหัสตัวสุดท้ายจนประตูห้องเก็บข้อมูลเลื่อนเปิดออก ค่อยหันมาค้อมศีรษะเล็กน้อยตอบด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม

                   “  สามคนขอรับ.. อีกสองคนกำลังออกไปเดินตรวจตรากันอยู่ข้างนอก.. เชิญขอรับ ”

                   ลูเปอร์เซียสขยับตัวก้าวเข้าไปเป็นคนแรก หากแต่ไม่ทันข้ามพ้นประตู ก็พลันหันขวับกลับมายื่นมือทั้งสองคว้าตะปบแขนกาเรลอย่างรวดเร็ว บิดไขว้หลังแล้วผลักไปชนติดฝาผนังสยบร่างนายทหารฝ่ายช่างผู้นั้นไว้ภายในสองสามวินาที




                    “  ทะ..ท่าน นี่มันเรื่องอะไร ? ”

                   กาเรลสีหน้าตื่นตระหนก เค้นเสียงถามออกมาอย่างยากลำบากเพราะลำคอถูกท่อนแขนใหญ่ของ ราชวัลลภหนุ่มชุดดำพาดกดไว้แน่น

                   “ ข้อมูลพวกนั้นถือเป็นความลับ ความจริงนายน่าจะถามสักคำนะว่า เรามีรหัสผ่านเพื่อขอดูข้อมูลจากท่านจาริโอเธอรัสหรือไม่ ถ้านายไว้ใจพวกเราเกินไปก็ถือว่าละเว้นต่อหน้าที่ แต่ถ้าหากไม่รู้ว่ามีกฎข้อนี้... ก็แสดงว่านายแอบปลอมตัวเข้ามา  ”

                   มากัสพูดพลางยิ้มเยาะบางๆ เอื้อมมือแบะคอเสื้อของอีกฝ่ายเปิดออก ค่อยกระตุกสายสร้อยที่แขวนห้อยคออยู่จนขาดติดมือออกมา บนสร้อยเส้นนั้นห้อยจี้โลหะกลมแบนตรงกลางฝังผลึกบันทึกข้อมูลสีเหลืองอันหนึ่ง เมื่อทาบมันกับเครื่องสแกนแบบพกพาของตนเอง ภาพรูปร่างและใบหน้าของกาเรลก็พลันฉายขึ้นบนหน้าจอมอนิเตอร์ พร้อมข้อมูลประจำตัวทุกอย่าง

                   นี่ก็เท่ากับพิสูจน์ได้ว่าบุคคลที่พวกเขาจับกุมไว้เป็นตัวจริงหาได้ปลอมตัวมาไม่ ?

                   หัวคิ้วของมากัสขยับเข้าหากันเบาๆอย่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย  ลูเปอร์เซียสคลายมือออกเล็กน้อย ก่อนจะเหวี่ยงคนในวงแขนลงไปนอนกลิ้งกับพื้นทอดหนึ่งอย่างไม่ปราณีปราศรัย กล่าวเสียงเย็นชา

                   “  ต่อให้มันเป็นตัวจริง แต่การกระทำเมื่อสักครู่ก็ถือว่ามีความผิดฐานละเว้นต่อหน้าที่ สมควรถูกสอบสวนทางวินัย  มากัส...กดเครื่องสื่อสารเรียกสองคนข้างนอกเข้ามาที ”

                   เจ้าของชื่อผู้ถูกเรียกเวลานี้กำลังก้มๆเงยๆอยู่หน้าแผงควบคุม พอกดปุ่มๆหนึ่ง จอสามมิติเรืองแสงก็พลันฉายขึ้นบนโต๊ะกลางห้องควบคุมแสดงแผนผังของโรงเก็บยาน

                   ไม่มีจุดสัญญาณแสดงพิกัดของเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่กำลังเดินตรวจตราอยู่แถวโรงเก็บยานแม้แต่น้อย หากแต่เมื่อเขาเลื่อนตำแหน่งค้นหา ก็ค่อยพบว่ามีจุดสีเหลืองเกินมาสองจุดกระจุกกันอยู่ภายในห้องควบคุมนี้เอง

                   ในห้องนี้มีคนเพียงสามคน แต่จุดสัญญาณแสดงพิกัดของบุคคลทำไมมีถึงห้า ?

                   ลูเปอร์เซียสตวัดฝ่ามือขวาไปทางตำแหน่งที่จุดสีเหลืองสองจุดนั้นกระจุกกันอยู่ ซึ่งเป็นตู้เก็บของใบหนึ่งที่ตั้งอยู่มุมห้อง คลื่นพลังดึงดูดอันเกิดจากคอธที่เปล่งออกมาจากฝ่ามือดึงฝาตู้เปิดอ้าออก ตามมาด้วยเสียงโครมหนักๆเมื่อปรากฏมีร่างไร้ชีวิตสองร่างกลิ้งหล่นออกมาด้วย

                   ย่อมเป็นเจ้าหน้าที่อีกสองคนซึ่งอยู่เวรร่วมกับกาเรลนั่นเอง !

                   “ แกเป็นใครกันแน่ ? ”

                   สองนายทหารราชวัลลภหันขวับไปทางคนซึ่งคุกเข่าหมอบอยู่กับพื้นแทบพร้อมเพรียง หากร่างผู้นั้นพลันบิดตัวม้วนพุ่งไปทางโคนเสาต้นหนึ่งอย่างปราดเปรียว พร้อมกับยิงปืนลำแสงสาดเข้ามาชิงเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน จนพวกเขาต้องถลันหาที่หลบกำบังตามสัญชาตญาณ แล้วกาเรลก็ฉกฉวยเสี้ยววินาทีทองนั้นเอง พุ่งกายออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็วด้วยความเคลื่อนไหวที่ดูราวลมหอบหนึ่งโบกวูบผ่านไปก็ไม่ปาน

                   “  จะหนีไปไหนพ้น ? ”

                   ลูเปอร์เซียสขบกรามแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ รีบโถมกายติดตามออกไป ราวพยัคฆ์ไล่ล่าตะครุบเหยื่อซึ่งเพิ่งดิ้นรนหลุดรอดจากกรงเล็บด้วยความขุ่นแค้น

                   มากัสไม่ได้ตามไปด้วย เขาเพียงกดเครื่องสื่อสารเรียกเซปัสแจ้งรหัสฉุกเฉิน จากนั้นค่อยหันไปสำรวจศพของเจ้าหน้าที่สองคนนั้นอย่างเคร่าๆ

                   บนศพไม่มีเลือดออกไม่มีบาดแผล มีเพียงรอยม่วงช้ำที่ต้นคอและกระโหลกท้ายทอยที่ถูกกระแทกจนยุบ จากสภาพภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ดูไปแล้วนี่คงเป็นการลอบลงมืออย่างหนักหน่วงและรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว  ลูกเรือทุกคนของยานซาปิธัสล้วนต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีทั้งสมรรถภาพร่างกายและฝีมือ ต่อให้มีตำแหน่งเป็นเพียงนายทหารฝ่ายช่างเทคนิคก็ตามที

                   แต่คนผู้นั้นถึงกับลงมือฟาดทีเดียวก็ฆ่าคนทั้งสองตายคามือพร้อมๆกัน

                   ฝีมือระดับนี้ ย่อมไม่ใช่ธรรมดา .. !

                   นี่เป็นฝีมือของกาเรลจริงๆหรือ ?

                   หวนนึกถึงท่าร่างการจู่โจมตลอดจนวิธีหลบหลีกเคลื่อนไหวของเจ้าหมอนั่นเมื่อสักครู่ เหมือนกับไม่เพียงแค่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังต้องเคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ในสนามรบจริงมาอย่างช่ำชอง แต่กาเรลเป็นเพียงนายทหารช่างที่อยู่ฝ่ายกองหนุนเท่านั้น

                   หรือว่าหมอนั่นจะไม่ใช่กาเรล ?

                   มากัสเริ่มขนลุกซู่ ...มันจะเป็นคนร้ายที่หลุดผ่านทวารกาลมิติลอบขึ้นยานลำนี้มาผู้นั้นใช่หรือไม่ ?

                   ศพเจ้าหน้าที่ทั้งสองบัดนี้ทั้งเย็นและแข็งทื่อแล้ว แสดงว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง

                   แล้วชั่วเวลาสองชั่วโมง... เจ้าคนร้ายนั่นมันทำอะไรไปบ้างอยู่ภายในห้องนี้ ?

                   มากัสพอฉุกคิดถึงตอนท้ายก็อดรู้สึกหวั่นๆใจไม่ได้  ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเขาว่า ทุกชีวิตบนยานซาปิธัสเวลานี้กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายเสียแล้ว !



                   ....................................................

       


.

จากคุณ : ธีตภากร
เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 10:21:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com