ความคิดเห็นที่ 1          เมื่อตอนที่ออกจากท่าได้ซักพอประมาณกินมะม่วงน้ำปลาหวานพอดี ก็คงพอจะได้เห็นคล้ายๆวังอยู่ไกลๆกันนะคะ บริเวณนั้นเขาเรียกกันว่าวังหน้าค่ะ ดิฉันสืบได้ความมาว่า ที่เรียกว่า “วังหน้า”นั้น เพราะเคยเป็นที่อยู่ของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนารถ หรือเรียกสั้นๆว่าวังหน้า ซึ่งวังหน้าพระองค์แรก ก็คือคุณสุจินดาเล็ก พระอนุชาในสมัยรัชกาลที่หนึ่งนั่นเอง           ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเรื่องฟ้าใหม่ ก็คงจะพอคุ้นเคยผ่านหูผ่านตาท่านผู้นี้มาเป็นอย่างดี เพราะท่านเคยเป็นมหาดเล็กหุ้มแพรของ พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์มาก่อน ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกไงล่ะคะ จะว่าไปคงเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับพ่อขุนไกร ในสายโลหิตของคุณโสภาค สุวรรณอยู่มิใช่น้อยเลย เหอๆ  จึงเรียกชื่อว่าวังหน้าสืบต่อกันมาจนติดปาก มาจนถึงทุกวันนี้เลยคะ ในอาณาบริเวณวังหน้านี้มีพิพิธภัณฑ์ ที่เขาเรียกกันว่า “museum”ค่ะ ที่นี่จะมีพระรูปหล่อนูนต่ำของท่านสุจินดาเล็ก วังหน้าพระองค์แรกประดิษฐานอยู่ด้วย ถ้ามีโอกาสดิฉันจะพาไปสักการะนะคะ . แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:26:28 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 22:41:36 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:41:08

ความคิดเห็นที่ 2 รูปไม่ขึ้นค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:27:25 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:25:45 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:45:04

ความคิดเห็นที่ 3 .            แล้วไอ้ที่เห็นอยู่กึ่งกลางหัวดิฉันในอีกไม่กี่สิบปีก็จะมีสะพานพระปิ่นเกล้า ที่ทอดยาวข้ามไปฟากกะโน้น อู้ย...ทำให้สะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ ก๊กบ้านฟากโน้นก็ข้ามมาเยี่ยมเยียนดิฉันได้สะดวกมากขึ้น “สะพานพระปิ่นเกล้า” สร้างขึ้นในปีพศ.๒๕๑๔ ใช้เวลาสร้างอยู่สองปีกว่า จึงเริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ๒๕๑๖ แล้วก็เลยได้ใช้กันสืบมาจวบจนทุกวันนี้ค่ะ            ถัดมาเห็นจะเป็นวัดพระแก้ว ชาวบ้านเขาเรียกกันติดปากมานมนานแล้วค่ะ คุณๆก็คงทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมคะว่า เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เลย จนล่วงเลยมาจนสมัยนี้แหละค้า ส่วนฝั่งกระโน้นเป็น “โรงศิริราชพยาบาล” อายุอานามถ้าจะนับกันจริงๆกหลายร้อยปีอยู่ และเรียกกันมาทุกวันนี้ว่าโรงพยาบาลศิริราช ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ วังหลัง นั่นเอง           ไปค่ะไปกันต่อ หนทางยังอีกยาวไกลนัก อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนนะคะ ประเดี๋ยวดิฉันจะพาไปดูที่ทีๆเขาเรียกกันว่า “ท่าช้างวังหน้า” เหตุเพราะว่าพ่อควานที่เลี้ยงช้างมักพาบรรดาช้างในวังหลวงมาอาบน้ำที่ท่านี้เป็นประจำ เพราะอยู่ใกล้โรงช้างเป็นที่สุดแล้ว           อ้อ...เห็นทีดิฉันจะลืมเล่าเสียไม่ได้ว่าที่ตรงกระโน้น ที่เห็นเป็นโดมอยู่ลิบๆ ไม่ใช่อะไรหรอกคะ เขาเรียกกันว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์“ มีท่าเรือสำคัญคือท่าพระจันทร์ ไม่ไกลกันนักยังมีท่าพระอาทิตย์ และท่าอื่นอีกมากมาย แต่ว่าไม่เล่าละนะคะ มันจะมากความจนเกินไป ปะเดี๋ยวแดดจะเลยหัวเสียก่อน มิทันที่จะไปกันถึงไหน แต่แหม...ดิฉันก็อดไม่ได้นะคะ ผ่านไปตรงไหนหูตาก็พลอยจะระริกวาวตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด หุๆ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:28:24 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:47:13

ความคิดเห็นที่ 4 .                 ..ว่าแต่...ถ้าข้ามไปฟากกะโน้น แล้วนั่งเรือเลาะคลองบางกอกน้อย ใกล้ๆกรมอู่ทหารเรือ อาณาบริเวณนั้นเขาเรียกกันว่า “คลองบางกอกน้อย” ก็จะทันได้เห็นที่จอดเรือพระราชพิธี อนันตนาคราช  สุพรรณหงษ์ และอีกหลายๆลำเลยค่ะ                  แต่ว่าดิฉันขอผ่านให้ความสนใจไปที่ เรื่องราวความรักข้ามจังหวัด เอ้ย...รักข้ามชาติ ของพ่อดอกโกโบริกับแม่อังศุมาลินค่ะ นึกถึงบรรยากาศเมื่อครั้งอดีต ตอนพ่อดอกมะลิย่องมาฟังเพลงขิมของนางเอก อ่านทีใดเล่นเอาเคลิ้มทุกที เหอๆ แหม..ออกนอกเรื่องมาเสียนาน มาถึงไหนกันแล้วเนี่ย ขอบคุณรูปสวยจาก เวป http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2006/01/A4059403/A4059403.html คู่กรรม ปี 2513 คู่แรก มีชัย วีระไวทยะ - บุศรา นฤมิตร แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:29:21 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:52:19

ความคิดเห็นที่ 5 พิพิธภัณฑสถานเรือพระราชพิธี จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:55:16

ความคิดเห็นที่ 6 อ้อ มาถึงท่าเตียนแล้วค่ะ คุณๆทั้งหลายคะ เดิมทีมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า ยักษ์วัดแจ้งชอบทะเลาะกับยักษ์วัดโพธิ์ ทะเลาะกันทีไร พ่อเล่นเสียราพณาสูร เลี่ยนเตียนโล่ง จนเป็นที่มาของชื่อในท่านี้เลยทีเดียว แต่ยังมีอีกกระแสด้วยนะคะ ดิฉันจะขอเหลาเอ้ย...เล่าความต่อไปว่า                  เดิมทีที่บริเวณริมน้ำนี้ เคยมีวังเจ้านายที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า ซึ่งได้ปลูกขนานกับชายน้ำติดต่อเป็นเรือนแถวยาวทำด้วยไม้ ต่อมาเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ดับไฟกันไม่ทัน จึงไหม้เรือนแถวนั้นจนราบเลี่ยนเตียนโล่ง ไม่เหลือแม้แต่เรือนเดียว ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ท่าเตียน” อันนี้หลวงอัครเทพวรากร ท่านยังเล่าเป็นสาระ ให้แม่มณีภรรยาท่านฟังอยู่เป็นนิจในทวิภพ เลยนะคะ ดิฉันก็เลยจำเอาเล่าต่อนะค่ะ จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:58:01

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าว...เบาๆหน่อยพ่อฝีพาย.. บัดเดี๋ยวจะเลยไปเสียก่อน หิวกันหรือยังคะ นี่ก็ใกล้เที่ยงเข้าไปทุกที เห็นทีดิฉันจะให้บ่าวไพร่เอาของว่างมารับทานรองท้องกันไว้ก่อน  ทานกันไปเมาส์กันไป เอ้ย...เล่ากันไป สำราญดีนะคะ เอ้า... แม่ม้วนขอขนมจ่ามงกุฎ (ขนมทำด้วยถั่วเหลืองปั้นเป็นรูปทรงคล้ายมงกุฎฝรั่ง มีเม็ดแตงโมปักไว้โดยรอบ เป็นขนมชาววังหาทานยากชนิดหนึ่ง) รสชาติดีทีเดียวมาให้คุณๆหน่อยเร็วเข้า คุณมณีทำเองกับมือเทียวนะคะ ท่านฝากมาให้รับทานกันค่ะ ทานอร่อยอิ่มท้องแล้วก็อย่าลืมน้ำมะตูมตบท้าย ชุ่มคอดีนักแล จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:59:16

ความคิดเห็นที่ 8 มาค่ะมาถึง “ปากคลองตลาด”กันแล้ว ที่นี่..ดิฉันมาประจำค่ะ ข้าวของมากมายก่ายกอง โดยเฉพาะดอกไม้สวยๆ เดิมทีเป็นท่าขึ้นปลาที่มีเรือมาถ่ายของจากเรือใหญ่ล่องเข้าคลองมาที่นี่อีกที ต่อมาได้ย้ายการขึ้นปลาไปที่ท่าเรือลำพอง (หรือหัวลำโพง ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นท่าที่อยู่ในบริเวณ สถานีรถไฟ Stationไงล่ะคะ แต่เป็นท่าน้ำก่อนจะขึ้นไปที่สถานีรถไฟอีกที แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:31:15 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:01:56 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:01:37

ความคิดเห็นที่ 9 หัวลำโพงในอดีต ขอบคุณรูปจากเวป http://bangkok-guide.z-xxl.com/bangkok_city_tour/5756.html จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:03:51

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วเลยมาหน่อยแถวบริเวณหัวดิฉันขึ้นไปนี่ มีการสร้างสะพานข้ามฟากเรียกกันว่า”สะพานพุทธ” สร้างมานานมากแล้วค่ะ เอ...ดิฉันจำได้ว่าสร้างขึ้นราว ปี พศ. ๒๔๗๒ แต่มาเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ๒๔๗๕ อุ๊ย..เรื่องสะพง สะพานสำคัญๆเล่ากันอีกเป็นชาติก็ไม่จบไม่สิ้น เอาไว้วันหน้าละกันค่ะ จะได้เล่ากันอย่างละเอียดไปเลย นี่คงจะไม่หิวกันแล้วกระมังคะ ไม่ไกลแล้วล่ะค่ะ ไม่กี่มากน้อยก็จะได้พักรับทานอาหารกลางวันกันแล้ว . จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:04:33

ความคิดเห็นที่ 11 อ้า ..ถ้าเลยไปหน่อย ดิฉันจำไม่ผิดเห็นทีจะเรียกกันว่า โรงเรียนสุนันทาลัย แต่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากว่า “โรงเรียนราชินีล่าง”(ก่อนจะถึงปากคลองตลาด) สมเด็จพระนางเรือล่มพระชายาอันเป็นที่รักยิ่งของพระพทุธเจ้าหลวง ได้สิ้นพระชนม์ไปพร้อมกับพระราชโอรส ขณะประพาสทางชลมารค อันด้วยสืบเนื่องจากกฎมณเทียรบาลโบราณ ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกาย ซึ่งหมายถึงชีวิต ทำให้มิมีผู้ใดเข้าช่วยเหลือ ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ต่อมาจึงมีการแก้กฎมณเทียรบาลดังกล่าว ประมาณว่าวัวหายล้อมคอก อันนี้เขาเล่าต่อๆกันมานะคะ แต่สาระความจริงนั้นพึงมีอยู่ครบถ้วนกระบวนความ พระพทุธเจ้าหลวงจึงโปรดให้สร้างโรงเรียนสุนันทาลัยขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระชายาจวบจนมาถึงทุกวันนี้ ส่วนที่พระราชวังบางปะอิน จะมีศิลปกรรมนูนสูงของพระนางเรือล่มและพระราชโอรสประดิษฐานอยู่ ถ้ามีโอกาสได้ล่องผ่านไป ลองแวะเข้าไปชมกันนะคะ ในรูปอยู่ที่พระราชวังบางปะอินนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:06:11 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:05:41

ความคิดเห็นที่ 12 เอาละค่ะ....เที่ยวกันมา เมาส์กันไปจนคอแห้งมือหงิกไปแล้ว เอาพอหอมปากหอมคอละกัน ดิฉัน...คิดว่าคงจะหิวกันแล้ว เราน่าจะพักกันตรงร่มไม้โน้นท่าจะดี จะได้ลงมือรับทานอาหารกลางกันให้เสร็จสิ้นกันเสียตรงนี้เลย มื้อนี้ เห็นจะมี ...แกงมัสมั่นเนื้อ จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:07:19

ความคิดเห็นที่ 13 นอกจากนี้ยังมี ยำใหญ่ อุ๊ย ของของโปรดดิฉันเสียด้วยสิ อิๆ ยังมีตับเหล็ก หมูแหนม แนมด้วยผักสดพวกแตงกวา ผักบุ้ง ผักกาดหอม หัวปลี โหระพา แกมด้วยพริกสดใบทองหลาง (น้ำลายไหลแล้วใช่ไหมล่ะ หุๆ) รับทานกับข้าวสวยร้อนๆ ...ตบท้ายด้วยสาหริ่มมะพร้าวกะทิ ทับทิมกรอบ โอชา...น้องโอชิน เลยนะคะ พูดไปบัดเดี๋ยวจะหาว่าคุย เห็นทีจะเป็นดั่งกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานขององค์สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าที่ว่า                   ๏มัสมั่นแกงแก้วตา            หอมยี่หร่ารสร้อนแรง                       ชายใดได้กลืนแกง              แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา                       ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด            วางจานจัดหลายเหลือตรา                          รสดีด้วยน้ำปลา              ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ                       ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม      เจือน้ำส้มโรยพริกไทย                          โอชาจะหาไหน              ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง                       ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส        พร้อมพริกสดใบทองหลาง                          พิศห่อเห็นรางชาง           ห่างห่อหวนป่วนใจโหย...          รูปยำใหญ่ค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:33:29 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:15:35 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:14:40

ความคิดเห็นที่ 14 อิ่มกันแล้ว ดิฉันเห็นทีจะขอลาคุณๆทั้งหลายไป ณ.ในเรือนี้เสียเลยทีเดียว เหตุเพราะว่า...พ่อดอกมะลิของดิฉัน นัดแนะว่าจะมารับที่ท่านี้ นี่..(ทำท่าชะเง้อ ชะแง้แลหา...)เห็นที พ่อคงจะมาคอยท่า อยู่นานแล้ว (ก๊าก ขอเนียนหน่อย ) ดิฉันจึงขอลาไปด้วยประการละฉะนี้ ฮาไฮ้ เจ๊ยก เจี๊ยก (อีกครั้ง อิๆ) ปล. หากข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมานะที่นี้ หมายเหตุ เล่าจากเรื่องทวิภพ และเวบของกรมเจ้าท่าเรื่องสะพานสำคัญๆ ขอขอบคุณรูปจากเวป 1.http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&date=27- 2.http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ceasartogo&month=09-2009&date=15&group=4&gblog=32 03-2007&group=7&gblog=2 รูปทับทิมกรอบค่ะ แถมของกินอย่างอื่นมาด้วย อิๆ เล่นเอาหิวเลยเรา หุๆ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 54 23:17:48 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 23:17:23

ความคิดเห็นที่ 15 มาปาดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพิ่งทำแกงมัสมั่นไปเมื่อกี้นี้เองค่ะคุณมน ประทับใจรูปคุณมีชัยสมัยยังมีผมค่ะ สมัยนั้นหุ่นแกไม่ใช่เล่นเลยนะคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:51:27

ความคิดเห็นที่ 16 13 และ 14  โอ้ววว หิวค่ะ จากคุณ : teansri เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 09:00:15

ความคิดเห็นที่ 17 คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือสิ่งต่างๆ ทั่วไปนั้น ไม่มีทางเลยที่เราจะรู้ถึงคุณค่าของมัน ถ้าไม่ทราบถึงเหตุผลในการดำรงอยู่ หรือที่มาที่ไป ชอบครับพี่มน ได้ความรู้ดี จากคุณ : Maddenknight เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 10:35:43

ความคิดเห็นที่ 18 หะ เห็นแล้วหิวเลยค่ะพี่ขา น่าไปเที่ยวบ้างจังเลย >< จากคุณ : yaimooyoyo เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 10:39:46

ความคิดเห็นที่ 19 ขอตามไปเที่ยวด้วยค่ะ             . จากคุณ : แพรวดาว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 12:05:00

ความคิดเห็นที่ 20 จากคุณ : เซโก้4 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 12:21:42

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับกิ๊ฟนะคะคุณMnemosyne, สามปอยหลวง, thezircon คุณกุลคะ ไม่ได้ปาดเลยค่ะ พูดถึงแกงมัสมั่น เคยมีเพื่อนเป็นฝรั่ง เอาไปประยุกต์ทำทานกับครัวซองด้วยนะคะ ส่วนมัน แทนที่จะเป็นมันเทศธรรมดา ก็ใช้มันฝรั่งแทนค่ะ ออกมารสชาติดีทีเดียวค่ะ เพราะสำคัญที่เครื่องแกงอย่างเดียว ท่าทางคุณกุลจะชอบทานอาหารไทยนะคะเนี่ย ปล.ในรูปคุณมีชัย เพิ่งกลับจากเมืองนอกค่ะ เป็นพระเอกเนื้อหอมมาก เล่นเรื่องคู่กรรม ยังพูดไทยไม่ค่อยชัดเลย(อันนี้อ่านของคนอื่นเล่ามาอีกทีคะ) เลยเนียนพอให้สาวๆสมัยนั้นติดกันเกรียว คุณเทียนสี ขอบคุณที่แวะมานะคะ มนก็ชอบค่ะ ยำใหญ่ กับทับทิมกรอบ หุๆ อ้วนๆทั้งนั้นเลย พี่อาร์ต ดีใจที่ชอบ อืม...ใช่นิยายและงานเขียน รวมทั้งสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ล้วนแล้วมีแต่ที่มาทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราจะให้ความสนใจมันหรือเปล่า เท่านั้นเอง ไปสิจ๊ะน้ำตาล ใกล้ๆนี่เอง มีเรือล่องเจ้าพระยาแยะเลย ก็ให้คุณชายของน้ำตาลพาไปสิ อิๆ ด้วยความยินดีค่ะ คุณแพรวดาว ถ้ามีเวลาเยอะๆ ตอนกลับมาเมืองไทย จะพาไปนั่งเรือเล่นชมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานะคะ คุณเซโก้คะ (ทำเสียงเข้มเล็กน้อย) คอเจ็บ หรือว่ามือเจ็บคะวันนี้ ถึงได้มายิ้มอย่างเดียว เหอๆ (โอม...ขอให้เจ็บจริง ฮ่าๆๆ แช่งเสียเลยหุๆ) ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 13:16:55 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 13:14:13

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบเรื่องทวิภพเหมือนกันค่ะพี่มน ขอบคุณที่พาไปเที่ยวด้วย รูปสวยแถมของน่ากินอีก เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าคุณมีชัยก็เคยแสดงคู่กรรมด้วย โกโบริสำหรับนุ้ยมีแต่พี่เบิร์ดคนเดียว อิ อิ จากคุณ : นุ้ย (นารีจำศีล) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 13:17:49

ความคิดเห็นที่ 23 เคยล่องเรือไปเที่ยวพระราชวังบางปะอินกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทรมาแล้วค่ะ แวะวัดไผ่ล้อมดูนกปากห่างด้วย (ตอนนั้นยังไม่มีไข้หวัดนก...อิอิ) มีอาหารกลางวันให้ทานบนเรือด้วย ตอนนั้นพาหนุ่มฝรั่งเศสไปเอ็นเตอร์เทน กับพาไปชมพระที่นั่งวิมานเมฆ และวัดพระแก้ว เกือบจะได้มาเป็นเขยไทยแล้ว แต่ติดที่ว่ากลายเป็นเขยอังกฤษไปก่อนแล้ว ... ^______^             จากคุณ : แพรวดาว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 14:04:43

ความคิดเห็นที่ 24 มาแอบหม่ำขนมอย่างเดียว  อิอิ ชอบทับทิมกรอบ น่ากินมากกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ธีตภากร เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 16:48:30

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณสำหรับกิ๊ฟนะคะคุณ บุหงาบาหยัน, Psycho man และคุณ teansri ด้วยนะคะ คุณแพรวดาว นั่งเรือต่างที่ให้ความตื่นตาตื่นใจต่างกันนะคะ เสียดายที่ไม่ได้เป็นเขยไทยนะ พ่อคนนั้นอ่ะ ฮิ้ววว น้องนุ้ย นอกจากทวิภพแล้ว นิยายในดวงใจอีกเรื่องที่ชอบมากกก คือสายโลหิตจ้า แหมๆ..แอบแซว อย่างนี้ สงสัยทู้คุณแก้วมีสิทธิล่มได้นะเนี่ยฮ่าๆ คุณธีตภากร ชอบเหมือนกันเลยค้า ขอบคุณที่แวะมานะคะ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 54 10:47:52 จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:12:59

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องสั้น ด้วยรักและผูกพัน ตอน...กระทงหลงทางค่ะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10291166/W10291166.html จากคุณ : Setakan เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 08:50:55

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นความสามารถพิเศษของคนเขียนจริงๆเลยครับ ได้ทุกรส จากคุณ : kaburapat เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 13:49:59

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานแล้วนึกถึงสมัยเรียน ภาษาไทยตอนม.ปลาย เคยถูกอจ.ให้เห่ด้วยอ่ะ เพี้ยนไปไกลเลย เหอๆ เอาฉบับเห่เครื่องคาวเต็มๆ มาฝาก ต้องขึ้นด้วยโคลงเน้อ ๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ                 นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารสฉุน                      เฉียบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์                 พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน             อกให้หวนแสวง ๚   ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา              หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง                แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด               วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา                     ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม        เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน                     ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส         พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง                ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น             วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย             ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง              เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน               ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า        ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม      ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ         รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น                เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม               แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ           ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด              ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม              สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง         นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล                ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า       รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์                ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๏ รังนกนึ่งน่าซด                  โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง               เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า              ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ           ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง       เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน             ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚ ปล. แต่ตัวนักแสดงแต่ละเรื่องที่พี่มนเอามาฝากนี่ เป็นรุ่นหนูยังไม่เกิดหรืออาจเกิดแต่ไม่ทันทั้งนั้นเลยน้า ยิ่งคู่กรรมนี่ไม่รู้จักอย่างแรง แสดงว่าอายุคนโพสต์นี่....... ทิ้งระเบิดแล้วแว่บบบบบบบบบบ จากคุณ : makokchor เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 21:42:49

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณๆขบูรพัทธ์และน้องเกดจ้า อ่ะ...มาทิ้งบอมให้อยากแล้วจากปได้ไงกันจ๊ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 13:01:07