ควันไฟที่ฝ้าฟาง เขียนใช้ในหนังสืองานศพคุณยาย
|
 |
ควันไฟที่ฝ้าฟาง
หญิงชราผมสีดอกเลาเบาบางจนเห็นหนังศรีษะแจ่มชัด นั่งจมจ่อมอยู่ข้างกองไฟที่ก่อขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ควันไฟลอยอ้อยอิ่งขึ้นสู่บรรยากาศ นัยน์ตาฝ้าขาวเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย หากมองตามสายตานั้นอาจจะพบว่า ตาที่เพ่งไม่ได้ไปไหนไกลเกินกว่านัยน์ตาคู่นั้น เวลาอาจจะกัดกร่อนสังขารให้เสื่อมวัย แต่ไม่มีอะไรกัดกินร่างกายได้เร็วเท่ากับโรคภัย ร่างนั้นผอมเกร็งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ด้วยถูกจำกัดอาหารทุกประเภทให้เหลือเพียงผักและปลา ซ้ำร้ายสารพัดโรครุมเร้าจนร่างกายแทบต้านไม่ไหว มีเพียงใจเข้มแข็งที่จะยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้แม้เพียงอีกชั่วครู่ชั่วยามก็ตาม นัยน์ตาฝ้าฝางดูมีประกายขึ้นเล็กน้อย เมื่อหลานสาวอันเป็นที่รักหิ้วของฝากพะรุงพะรังกลับมาจากกรุงเทพฯ คนแก่คนเฒ่ามักเฝ้ารอการกลับมาเยี่ยมเยียนของลูกหลาน ยายก็เป็นเช่นนั้น ฝ่ามือหยาบกร้านลูบแขนหลานสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัมผัสนั้นสากเนื้อ หลานสาวไม่ได้สนใจต่อกริยานั้น เพียงแต่ยิ้มให้ผู้เป็นยายอย่างเคยชิน ก่อนจะหันไปเล่นกับน้องสาวอายุสี่เดือนที่นอนส่งเสียงอ้อแอ้อยู่ในเปล เด็กน่ารักกว่าคนแก่มากนัก
ประหนึ่งรูปปั้นอันไร้ชีวิต ท่ามกลางเสียงจอแจอึกทึกครึกโครม หลานคนเล็กร้องไห้จ้า หลานคนกลางทะเลาะกันแย่งของเล่น หลานคนโตแหย่หลานคนเล็ก หญิงชรายังคงทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ส่งเสียงแหบพร่าเตือนหลานๆ ให้อย่ารังแกน้อง เสียงนั้นดูจะไร้ความหมายเมื่อในที่สุดหลานชายคนโตได้ครอบครองลูกฟุตบอลบุบบี้ก่อนกอดลูกฟุตบอลนั้นวิ่งไปทั่วลานบ้าน หลานเล็กหลานใหญ่วิ่งตามกันเป็นขบวน
สิ่งที่ผ่านไปแล้วเรียกว่าอดีต คนที่ชอบพูดถึงอดีตมักโดนค่อนแคะว่าเป็นคนแก่ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่แค่คนแก่ที่ชอบนึกถึงอดีต สาววัยรุ่นนอนคิดคำนึงถึงรักที่ผ่านพ้นไป หนุ่มวัยทำงานรำพึงรำพันถึงงานที่ผิดพลาดไปเมื่อนานมาแล้วในร้านเหล้า คงมีแค่วัยเด็กที่อดีตไม่ปรากฏความสำคัญต่อจิตใจเท่าใดนัก เด็กๆ พร้อมจะจับมือเพื่อนที่โกรธกันเมื่อวานนี้แล้วไปเล่นกันใหม่ในวันรุ่งขึ้นได้อย่างสบายอกสบายใจ อดีตของหญิงชราบ้านนอกคอกนาการศึกษาป.4 คงธรรมดาจนไม่น่าจะมีใครนึกถึง หากมนุษย์เราวัดค่าของคนด้วยการศึกษาและอาชีพ แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งคนทุกคนมีความสำคัญต่อโลกในองศาที่แตกต่าง คุณค่าของชีวิตคนคนหนึ่งอยู่ที่สิ่งใด คำตอบอาจแตกต่างอยู่ในใจของแต่ละคน
ขบวนแห่ลูกฟุตบอลหยุดลงพร้อมกับเสียงร้องไห้จ้าของหลานชายคนเล็ก ที่วิ่งตามคนอื่นไม่ทันเพราะโดนรุ่นพี่ปัดขาล้มลง น้าถือไม้เรียวออกมาจากในบ้าน หลานๆ ที่โตพอจะแข็งข้อวิ่งกระจัดกระจายไปคนละทาง เหลือเพียงหลานตัวเล็กสองคนที่ยอมสยบต่อไม้เรียวก้านมะยม ยายยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจ้องมองหลานตัวเล็กโดนสำเร็จโทษ ยกมือขึ้นชี้ผู้ร้ายคนสำคัญที่บัดนี้นั่งมองมาจากกิ่งต้นขนุน น้าเดินอาดๆไปที่โคนต้น แหงนมองเหล่าลิงทโมนที่ล่อหลอกอยู่บนกิ่งไม้ ถึงแม้ดวงใจน้อยๆ นั้นจะเริ่มหวาดไม้เรียวขึ้นมาบ้าง แต่ด้วยกลัวเสียฟอร์มจึงวางท่ากล้าหาญ หารู้ไม่ว่าเป็นแรงยุชั้นดีให้กับน้าที่มองเหล่าลิงทโมนด้วยสายตาหมายมาด ก่อนจะเอ่ยขู่หลานๆ ห้ามลงมาที่พื้นไม่งั้นอาจโดนสำเร็จโทษอย่างหนัก
โลกรื่นรมย์เป็นเหตุผลให้คนอยากมีชีวิตอยู่ แม้ร่างกายที่อ่อนล้าจะฉุดรั้งกำลังใจให้ถดถอย ใจนั้นเข้มแข็งกว่าร่างกายแต่ก็มิอาจต้านกฏของธรรมชาติ ฉันนั่งมองน้องๆ ที่ปีนป่ายต้นไม้หนีน้าอยู่ชั่วครู่ บรรยากาศคุกกรุ่นเมื่อครู่จางหายไป น้าเข้าบ้านไปทำกิจวัตรอื่น การเป็นหลานสาวคนโตที่มีอายุห่างจากคนอื่นทำให้หงอยเหงาอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่เหมือนหลานคนอื่นๆ ที่มีอายุไล่เลี่ยกัน ลุกขึ้นเดินหนีเข้าบ้านของตัวเองที่อยู่ถัดไป โดยไม่ได้กล่าวคำใดๆ กับผู้เป็นยายที่มองตามอย่างรักใคร่แม้แต่น้อย
ยายยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองความรื่นรมย์ของโลกที่คุ้นเคย ชีวิตหญิงบ้านนอกความสุขหาได้ไม่ยาก ลูกๆ หลานๆ ทุ่งนา ป่าเขา อาหารการกินที่บริบูรณ์เพียงแล้วกับชีวิตเรียบง่าย ยายยังนั่งอยู่ตรงนั้นในวันที่หลานอย่างฉันจะได้เห็นยายแบบปกติเป็นวันสุดท้าย
บ่ายคล้อยฉันตื่นขึ้นมาบนโซฟาตัวใหญ่ที่เคลิ้มหลับไปตั้งแต่ตอนสายๆ ชีวิตสบายๆ ในวันหยุดไม่เร่งรีบ ไม่ต้องจ้องนาฬิกา ไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร น่าจะทำให้คนหนึ่งคนมีความสุขได้ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอ เดินดูรอบบ้านเงียบเหงา น้องทะโมนลิงตัวน้อยทั้งหลายหายไปจากบริเวณ นั่นไม่เป็นที่น่าสงสัยเพราะบ้านนอกนั้นไม่มีรั้วกั้น ไม่มีอาณาเขตหวงห้าม เด็กๆ สามารถเข้าไปเล่นในที่ของใครก็ได้ตามใจปรารถนา ฉันเดินออกหน้าบ้านตัวเอง เลาะเลียบทางเดินข้างบ้านยายไปสู่หน้าบ้าน หวังจะเห็นหญิงชราผมสีดอกเลานั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเช่นที่เคยเป็น แต่ยายไม่ได้อยู่ที่นั่น
ตา ชายชราผู้เหี่ยวย่นไปตามวันวัยของชีวิต ริ้วรอยบ่งบอกประสบการณ์อันโชกโชนท่ามกลางแสงแดดและสายลม ของอาชีพเกษตรกร ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่อาชีพที่พึงปรารถนามากนัก ตานั่งอยู่ริมสวนผักที่ปลูกเอาไว้ทำกับข้าวในยามหิว ไม่ต้องซื้อหาให้เปลืองสตางค์ สูบบุหรี่มวนกระดาษราคาถูก มองดูหลานที่เดินเข้ามาหา คำตอบของตาไม่ทำให้ตกใจมากนัก เนื่องจากยายเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ตัดสินใจนั่งคอยทุกคนอยู่ที่หน้าบ้าน อ่านหนังสือการ์ตูนไทยเล่มละ 10 บาท แดดร่มลมตกเลยเวลาบ่ายคล้อยจนเกือบเย็น รถกระบะสมัยนิยมคันใหม่เลี้ยวปราดเข้าจอดหน้าบ้าน รถคันนั้นไร้วี่แววของยาย
โรงพยาบาลสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการเกิดและการตาย โรคภัยไข้เจ็บ ยายไปอยู่ที่นั่นพร้อมน้าผู้หญิงอีกคนเฝ้าไข้ ไม่ได้ซักถามมากนักถึงอาการป่วย คงเป็นโรคเก่าๆ ที่แกเป็นอยู่ ทุกคนอาบน้ำอาบท่านอนดูทีวี มีน้าอีกคนเอากับข้าวกับปลาไปส่ง บ้านนอกสมัยนี้ไม่ได้มีแค่ช่องสาม ห้า เจ็ด เก้า สิบเอ็ด แต่เกือบทุกบ้านมีเคเบิลทีวี ลัทธิทุนนิยมบุกถึงประตูบ้านชาวนาชายขอบ ในนาทีที่เคลิ้มหลับเป็นรอบที่สองของวัน เสียงใครสักคนตะโกนเรียกมาจากประตูหน้าบ้าน แม่นั่นเองพรวดพราดเข้ามาอย่างมีเรื่องตกอกตกใจ เสียงนั้นทำให้หัวใจฉันช็อคแทบหัวใจหยุดเต้น ยายหัวใจหยุดเต้น
ร่างผอมนั้นดูซูบเซียวลงไปอีกเมื่อนอนอยู่บนเตียงสีขาวของโรงพยาบาล สายระโยงระยางที่ฉันไม่อยากจะทำความรู้จักถูกต่อมายังตัวยาย ยายยังมีลมหายใจสังเกตจากหน้าอกผอมบางที่ยังเคลื่อนไหว ยายลุกขึ้นได้เมื่อมีคนมาเยี่ยม น้าเล่าเหตุการณ์ที่ยายช็อคหมดสติให้ญาติๆ ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความตกใจที่ยังไม่จางหาย นั่นไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าอภิรมณ์เมื่อมองเห็นแม่ของตัวเองก้มหน้าหมดสติขณะที่พยาบาลกำลังให้ยาขับปัสสวะ พยาบาลคนนั้นไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำว่าคนป่วยช็อคหมดสติ
ห้องคนป่วยรวมหกเตียงอบอวลไปด้วยกลิ่นโรงพยาบาล โรงพยาบาลไหนๆ ก็มีกลิ่นคล้ายๆ กัน ฉันเกลียดกลิ่นนี้เข้ากระดูกดำ แอบคิดอยากให้มีการเปลี่ยนกลิ่นโรงพยาบาลเป็นกลิ่นที่สดชื่นกว่านี้ แต่นั่นแหละคงเป็นไปไม่ได้ เตียงข้างๆ มีทั้งคนแก่และคนสาวหน้าตาแต่ละคนอมทุกข์อมโศก
เตียงของยายเป็นเตียงที่มีญาติมาเยี่ยมเยอะที่สุด ล้อมหน้าล้อมหลังจนเต็มไปหมด ดูยายจะปลาบปลื้มใจ ก็แค่นี้แหละคนแก่ไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่มีคนสนใจก็ดูเหมือนชีวิตที่ไร้ค่าจะมีความหมาย ฉันเดินออกมาด้านหลังเป็นม้านั่งยาวหินอ่อน ลมพัดโชยโบกสะพัด เสียแต่ยุงเยอะไปหน่อย ต้องนั่งตบกันจ้าละหวั่น ซากยุงลายสีดำติดฝ่ามือ ถ้าชีวิตเปราะบางเหมือนยุงลายอาจจะดี ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานให้เนิ่นนานเกินความจำเป็น
ยายยังคงอยู่ตรงนั้น ญาติที่รายล้อมค่อยๆ ทยอยกลับ คำอำลาดูเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ เมื่อคนแก่คนหนึ่งต้องการที่พึ่งทางใจอย่างที่สุด ฉันเดินกลับเข้าไปในห้องนั้นพยายามเล่าเรื่องตลกของตาให้ยายฟัง ฝืนทำตัวร่าเริงทั้งที่หัวใจปวดร้าว นัยน์ตาฝ้าฟางนั้นนั่งฟังลูกหลานเล่าเรื่องตลกด้วยรอยยิ้มน้อยๆ และนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของยายอันเป็นที่รัก
จากคุณ |
:
tiewcorp
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.พ. 54 11:18:05
|
|
|
|