Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมใจอเวจี...PSYCHO HELL.......(บทที่ 2) ติดต่อทีมงาน

= = = = = = = = = = = = = =
PSYCHO HELL จอมใจอเวจี : ....บทที่ 2
: GTW
= = = = = = = = = = = = = =

ในที่สุดก็ตั้งชื่อเรื่องจนได้^^..


ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10271837/W10271837.html


---------------
ความเดิม


“อย่าหันไปมอง”

เสียงห้วนๆดังแทรกมาท่ามกลางเสียงคำรนคำรามบาดหู แต่หญิงสาวผู้พลัดหลงอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง มองแล้วก็ทำให้มืออ่อนเท้าอ่อน

สัตว์นรกพวกนั้นรูปร่างไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวมหึมาราวม้าศึก แต่ละตัวมีหัวถึงสามหัว ตาแดงลุกจ้าเป็นแสงไฟ เขี้ยวยาววาววับมองเห็นชัดเจนในความมืด ปากอ้าแสยะพ่นกลุ่มควันและประกายไฟออกมาไม่ขาดสาย และมีจำนวนมากมายนับร้อยนับพันดาหน้าตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

-----------------




“รีบขึ้นมาเร็ว”

เสียงร้องแกมออกคำสั่งอยู่ในที ทำให้หญิงสาวจากฟากฟ้าได้สติ แข็งใจกัดฟันเหนี่ยวชะง่อนหินขึ้นไปแบบไม่หายใจหายคอ อารามรีบร้อนทำให้มือหลุดออกจากการเหนี่ยวเกาะ ทำท่าจะหลุดร่วงลงไปข้างล่าง แต่มือแข็งแรงข้างหนึ่งยื่นลงมาคว้าข้อมือไว้ทันแล้วกระชากจนขึ้นมาอยู่บริเวณหน้าผาได้อย่างหวุดหวิดที่สุด

หญิงสาวหน้าซีดทำท่าเหมือนจะหมดสติจนต้องทรุดตัวลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงข้างๆโขดหินขนาดใหญ่ สองหูยังเต็มไปด้วยเสียงเห่ากรรโชกดุเดือด สายตายังเหมือนมองเห็นคมเขี้ยวแสยะขาววับกระจายอยู่เต็มหน้า ในชีวิตไม่เคยหวุดหวิดหวาดเสียวกับเงามรณะขนาดนี้มาก่อน

นักรบปีศาจเหมือนไม่สนใจหญิงสาวนัก ยืนก้มลงไปมองฝูงหมานรกซึ่งพากันตะกายเห่าหอนเซ็งแซ่อยู่ด้านล่างอย่างพิจารณาหาทางหนีทีไล่ แต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่ยอมผละหนีไปง่ายๆเสียแล้ว ราวกับจะรู้ว่ามีอาหารโอชะรออยู่ด้านบน

“พวกมันรอจะกินเนื้อของเจ้า”

หลังจากมองไปมาพักหนึ่งก็เอ่ยให้ความเห็นขึ้นลอย ๆ แต่คนฟังสะดุ้งเฮือก พอตั้งหลักได้ก็โวยวายเสียงลั่น

“อะไรกัน พูดบ้าอะไร”

“เป็นความจริง”

น้ำเสียงยังคงเรื่อยๆ แต่ความหมายเนื้อหาฟังแล้วชวนให้ประสาทเสียดีนัก

“ลำพังตัวข้าไม่เท่าไร มันไม่ค่อยชอบกินเนื้อปีศาจอย่างข้าเท่าไร แต่สำหรับเจ้าแล้วเป็นอาหารชั้นยอดสำหรับพวกหมานรกนั่นพวกมันไม่เคยชิมอาหารทิพย์จากเบื้องบนมาก่อน คงไม่หนีไปง่ายๆหรอก”

“มาโทษข้าได้ยังไงกัน”

“ข้าไม่ได้โทษ เพียงแต่บอกตามความจริง ตอนนี้พวกมันคงนึกว่าเนื้อของเจ้าคงจะหอมหวานเหลือเกิน”

ว่าพลางหันกลับมายกดาบขึ้นพาดบ่า เดินตรงเข้าไปยังปากถ้ำแบบไม่รีบร้อน แต่ยังมีน้ำใจหันมาร้องเตือนว่า

“ทางที่ดีเจ้าควรจะหลบเข้ามาในถ้ำนี้ดีกว่า สัตว์นรกไม่ใช่มีเฉพาะหมาปีศาจพวกนี้หรอกนะ พวกมันบางชนิดบินได้”

พอได้ยินคำว่า”บินได้” หญิงสาวก็แหงนหน้าไปมองท้องฟ้าอย่างไม่ตั้งใจ จะเป็นเพราะอุปาทานหรืออะไรก็เหลือเดาทำให้รู้สึกเหมือนมองเห็นอะไรแวบๆ กำลังโบยบินผ่านก้อนเมฆสีแดงคล้ำเบื้องบนตรงเข้ามาอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญ

ไม่ต้องรอพิจารณาให้มากเรื่องหลายความ หญิงสาวรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามนักรบปีศาจผมยาวคนนั้นไปทันที ถึงแม้จะดูว่าไม่น่าไว้วางใจนักแต่ก็ยังดีกว่าอยู่ข้างนอกคนเดียวแบบนี้

พอผ่านปากถ้ำเข้าไปได้ก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

หลังจากสงบจิตใจตั้งหลักพักหนึ่งก็ค่อยก้าวเท้าลึกเข้าไปภายในถ้ำอย่างระมัดระวัง

ปากถ้ำไม่กว้างมากนัก พอเดินลอดผ่านเข้าไปได้ แต่ด้านในกลับกว้างขวางมากกว่าที่คาดเอาไว้ เพดานโค้งขึ้นไปด้านบนสูงจากพื้นหลายช่วงตัว ภายในถ้ำดูเหมือนจะมีแสงสว่างจากก้อนหินเรืองแสงซึ่งวางอยู่หลายก้อนเรียงรายทั่วไปในบริเวณถ้ำ  สาวพลัดถิ่นมองอย่างสนใจ ความรู้และวิทยาการซึ่งร่ำเรียนมาพอจะเดาออกถึงก้อนหินเรืองแสงพวกนี้ ทำให้ลืมเรื่องอื่นไปชั่วขณะ ก้มๆมองๆ ไปมาอยู่เช่นนั้น

“ไม่น่าเชื่อว่าแถวนี้จะมีก้อนหินแบบนี้”

พึมพำตาเป็นประกายวิบวับ ทรุดตัวลงนั่งใกล้หินก้อนหนึ่งใช้มือแตะไปมาอย่างพึงพอใจ

นักรบปีศาจมองแล้วส่ายหน้า พวกผู้หญิงเป็นแบบนี้กันหมดไหมนะ แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่สนใจ ยังคงสนใจก้อนหินพิศดารพวกนั้นแล้วเริ่มบรรยายเนื้อหาวิชาการ

“มันเปล่งแสงด้วยพลังงานในตัวของมันเอง เป็นพลังงานระดับขนาดที่เล็กที่สุดของมัน......”

“จะมาบรรยายวิชาการอะไรแถวนี้ ไม่อยากฟังหรอก”

อีกฝ่ายตัดบทขึ้นมาดื้อๆเหมือนรำคาญขณะทำท่าเหมือนกำลังสำรวจอะไรสักอย่างไปมาแถวนั้น คนถูกตัดบทอารมณ์ฉุนกึกขึ้นมาทันที

“ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า”

“อ้าว...แล้วพูดกับใคร แถวนี้ก็มีแค่ข้ากับเจ้าเท่านั้น”

“พูดกับใครก็ได้ ไม่ใช่เจ้าก็แล้วกัน” น้ำเสียงของนางฟ้าตกสวรรค์เริ่มออกอารมณ์

มีเสียงหัวเราะในลำคอจากอีกฝ่ายเหมือนเยาะเย้ย แต่เนื่องจากปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากสีขาวอันเย็นชาไร้ความรู้สึกจึงไม่สามารถสังเกตสีหน้าได้ ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นแต่ก็พยายามข่มความพลุ่งพล่านอย่างลำบากยากเย็น

“เจ้าชื่ออะไร”

ในที่สุดหลังจากพากันเงียบไปพักหนึ่ง หญิงสาวแห่งดวงดาวก็เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน แม้จะรู้สึกว่าเป็นการเสียฟอร์มอย่างไรชอบกล

“เรียกข้าว่าไนท์ก็แล้วกัน..แล้วเจ้าเองก็คงมีชื่อกับเขาเหมือนกันนะ”

“ข้าชื่อเฟรี่... ว่าแต่เจ้ามาทำไมที่ดินแดนแห่งนี้”

“ข้าตามมากำจัดปีศาจที่หนีออกมาจากนรก”

“อ้าว...” หญิงสาวพลัดถิ่นเลิกคิ้วถามประกายตามีแววพิศวง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมต้องทำลายพวกเดียวกันเองด้วย”

“พวกเดียวกัน.”

นักรบปีศาจทวนคำแล้วหัวเราะหึหึ..เหมือนขบขันหากน้ำเสียงซึ่งอธิบายต่อมาไม่ได้มีแววขบขันแม้แต่น้อย

“เจ้าน่าจะเข้าใจนะว่าปีศาจก็มีหลายระดับ มีการควบคุมกันเองเป็นระบบสังคมเหมือนทุกที่นั่นล่ะ ปีศาจพวกนี้หากหลุดรอดขึ้นไปบนโลกมนุษย์ได้ก็จะก่อให้เกิดหายนะมากมาย ทั้งสงครามและการทำลายล้าง เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง มันจะกระทบถึงสังคมของพวกเจ้าด้วย”

“เหมือนตอนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของพวกมนุษย์” หญิงสาวเอ่ยเสริมขึ้น

“ใช่.... ข้าถึงตามมาจัดการพวกมันจนถึงที่นี่”

“แล้วต่อไปทำยังไง” หญิงสาวถามอีก

“ข้าก็กลับโลกของข้า”

“อ้าว...แล้วข้าล่ะ” ทำตาโตร้องเสียงสูงจ้องหน้าเย็นชาของคู่สนทนาอย่างไม่พอใจ “ข้าจะทำยังไงต่อไปล่ะ”

“จะยากอะไร เจ้าก็กลับโลกของเจ้าสิ”

“พูดง่ายๆบ้าๆ มันง่ายแบบนั้นก็ดีสิ นี่ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะกลับออกไปได้ยังไง และที่สำคัญเจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะไปส่งข้า”

“รับปาก....ข้ารับปากตอนไหน”

“รับปากก็แล้วกัน”

หญิงสาวจากดวงดาวสรุปสั้นๆดื้อๆ ไนท์ทำท่าเหมือนมองหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก เดินห่างออกไปแล้วทรุดตัวพิงผนังวางดาบลงด้านข้าง อยู่ในตำแหน่งพร้อมจะหยิบฉวยขึ้นมาง่ายๆ ยกมือขึ้นปิดปากเหมือนทำท่าหาวด้วยความง่วงและอ่อนเพลีย เฟรี่ยืนเก้ๆกังๆ แล้วตัดสินใจเดินไปนั่งพิงผนังถ้ำฝั่งตรงกันข้าม มองหน้าคู่กรณีพักหนึ่งแล้วถามขึ้นอีกว่า

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป”

“นอนให้หลับ”

ไนท์ตอบสั้นๆ แล้วกอดอกทำท่าเหมือนจะนิ่งหลับไป เฟรี่มองอย่างไม่พอใจแต่ไม่รู้จำจัดการยังไงต่อไปคงได้แต่ต้องจำใจอาศัยนักรบปีศาจคนนี้เท่านั้น

ด้านนอกยังแว่วเสียงเห่าของเหล่าหมาปีศาจซึ่งไม่ยอมเลิกรา หรือพวกมันจะรอกินเนื้อเราให้ได้ หญิงสาวคิดในใจอย่างกังวลใจและทุกข์ร้อน การตกมาอยู่ในสถานที่อันน่ากลัวแบบนี้ไม่เคยมาก่อนในชีวิต อย่างไรก็ตามเธอก็พยายามข่มใจเก็บรักษาอาการหวาดวิตกเหล่านั้นเอาไว้ อย่างน้อยไม่ให้อับอายเสียเชิงคนของเบื้องล่างซึ่งนั่งทำท่าเหมือนหลับไปแล้ว เฟรี่เริ่มนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ท้องเริ่มบ่งบอกอาการหิว

ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วหยิบขวดใบเล็กขนาดโตกว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อยออกมา เปิดฝาหยิบยาเม็ดสีขาวออกมาสองสามเม็ดส่งเข้าปากเคี้ยวไปมาเล็กน้อยสีหน้าท่าทางเริ่มสดชื่นขึ้นบ้างแล้ว

“ข้านึกว่าเจ้าจะอิ่มทิพย์เสียอีก”

คนซึ่งนั่งพิงผนังกอดอกทำท่าเหมือนจะหลับไปแล้วเอ่ยขึ้นมาโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เฟรี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองแล้วอธิบายเสียงเรียบๆว่า

“อิ่มทิพย์มีที่ไหนกัน เรื่องแบบนั้นมีแต่ในนิยายเท่านั้น อาหารเม็ดพวกนี้เป็นอาหารฉุกเฉินสำหรับพวกเราเมื่อออกมาจากขอบเขตของเบื้องบน มันจะให้พลังงานและคุณค่าทางอาหารได้มากพอๆ กับอาหารจานใหญ่ และยังช่วยเพิ่มน้ำให้ร่างกายได้ด้วย ว่าแต่หิวบ้างไหม....ข้าจะแบ่งให้สักเม็ด.”

พูดจบก็เอียงคอมองหน้าคู่สนทนาครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ พูดต่อไปว่า

“แต่เจ้าคงกินอะไรไม่ได้หรอก เพราะว่าใส่หน้ากากอยู่แบบนี้ แล้วเวลากินอาหารเจ้าทำยังไง”

“นั่นเป็นปัญหาของข้า ไม่ใช่ปัญหาของเจ้า”

“เหรอ..”

ถามเสียงสูงด้วยน้ำเสียงกวนประสาทนิดๆ ขณะในใจนึกว่าความจริงนักรบโลกมืดคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมาย ผิดกับภาพในตำราซึ่งเคยเรียนมาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

“ก็ได้...ก็ได้...ปัญหาของเจ้าข้าจะไม่สนใจ แต่เจ้าต้องสนใจปัญหาของข้าเพราะเจ้าเป็นสาเหตุให้ข้ามาติดอยู่ที่นี่ ว่าแต่จะทำอย่างไรต่อไป..”

ไม่รอให้อีกฝ่ายแก้ตัวหรืออธิบายอะไร หญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแบบหน้าตาเฉย นั่งกอดอกบ้างแต่ท่าทางเหมือนจะไม่ยอมนอนหลับพักผ่อนง่ายๆ

“รอ...” ไนท์ตามสั้นๆแต่ได้ใจความชัดเจนน้ำเสียงแสดงแววเบื่อหน่ายอย่างไม่บิดบังฟังแล้วน่าหงุดหงิดดีเหลือเกินสำหรับคนฟังจนไม่อยากพูดอยากถามอะไรอีก สายตาคมวาวเต็มไปด้วยประกายวับวาวเริ่มมองไปรอบๆอย่างสนใจและอยากรู้พักหนึ่งก่อนทำท่าลุกขึ้น

“จะไปไหน..”  คนทำท่าจะหลับเอ่ยถามเสียงห้วนๆ

“ข้าจะไปสำรวจดูในถ้ำ เผื่อมีทางหนีออกไปได้”

“มันอันตราย อยู่ที่นี่ล่ะ” เสียงนั้นเหมือนแนะนำและออกคำสั่งอยู่ในที หญิงสาวมองด้วยหางตาอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี

“ทำไมเจ้าตกลงมาอยู่ที่นี่ได้” ไนท์ถามอย่างเป็นกันเองมากขึ้นบ้าง อีกฝ่ายหน้าหม่นลงและเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่วว่า

“ข้าความจริงกำลังพากันออกมาเที่ยวกับคนรักของข้า แต่บังเอิญยานของพวกเราเสียหายและหลุดออกนอกเส้นทางของมิติอวกาศและเวลาเลยทำให้ข้าตกลงมาที่นี่”

“อ้าว....แล้วคนรักของเจ้าล่ะ”

“ข้าไม่รู้..”

เฟรี่ตอบเสียงอ่อยๆ เมื่อนึกถึงคนรักซึ่งแยกกันแบบไม่รู้เหนือใต้
“แต่ข้ารู้ว่าถ้าออกจากสถานที่แห่งนี้ ข้าจะสามารถติดต่อกับเขาได้และส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังโลกของข้าได้”

“น่าจะตกลงมาด้วยกัน” นักรบปีศาจเสริมขึ้น

“ข้าจะได้ไม่ต้องมามีภาระมาดูแลคนรักของคนอื่น น่าเบื่อหน่ายชะมัดเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ลำพังตัวข้าเองก็เอาตัวแทบไม่รอดอยู่แล้ว”

“ใครเป็นภาระของใคร” เฟรี่ตวาดเสียงเครียด

“จะมีใครเสียอีกล่ะ....ก็แม่สาวตกสวรรค์ที่มานั่งขึ้นเสียงแว๊ดๆอยู่ตอนนี้ไงล่ะ เป็นคนรักคู่รักภาษาอะไรกัน แค่หลงทางนิดหน่อยก็พลัดพรากจากกันเสียแล้ว”

สีหน้าท่าทางของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเดือดดาล ฉวยก้อนหินข้างตัวทำท่าจะปาไปยังคู่กรณีแต่แล้วก็ชะงัก ด้วยอาการของคนพยายามข่มใจตัวเองเต็มที รู้ว่าก้อนหินแค่นี้ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ ในที่สุดเค้นเสียงใสออกมาพร้อมด้วยอาการเขม้นมองแบบแทบจะกระโดดหักคอ

“อย่ามาดูถูกกันมากนัก คนรักของข้าสุภาพแสนดี พูดจาเพราะ ไม่พูดกวนประสาทแบบคนจิตตกอย่างเจ้าหรอก แต่ไม่เป็นไร...ข้าไม่ถือสาพวกโลกมืดก็ได้ ได้ข่าวว่าพวกโลกมืดนี่ไม่มีมารยาทอะไรอยู่แล้ว เป็นชนเผ่าเถื่อนๆ ไม่มีอารยธรรม ข้าไม่ถือโทษคำพูดแบบนี้ก็ได้”

“ก็ดี......”

ไนท์พูดสั้นๆ แล้วลุกขึ้นหยิบดาบคู่ใจ ก้าวเท้ายาวๆ ลึกเข้าไปในถ้ำ ทำเอาหญิงสาวมองตามด้วยความสงสัยจนต้องร้องถามตามหลังไป

“นั่นจะไปไหน”

“ไปนอน”

น้ำเสียงตอบห้วนๆสั้นๆ มีแววรำคาญเบื่อหน่ายอีกแล้ว ทำเอาหญิงสาวตาเขียวปัด เกิดมาไม่เคยเจอใครมีท่าทางยะโสแบบนี้ ปกติมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ได้แต่ข่มใจนั่งพิงผนังกอดอกอยู่อย่างนั้น ยิ่งนึกถึงความสุขสบายในอดีตยิ่งทำให้สะทกสะท้อนใจ จนความอ่อนเพลียทำให้หลับไปโดยไม่รู้ตัว



***********

แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 21:17:33

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 54 19:45:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com