บทที่ 7 : ใครอยู่ในห้อง ?
ว่าไงจ๊ะ ยายแก้ว ! นั่งเหม่ออะไร ? เสียงทักทายดังลั่นมาพร้อมกับฝ่ามือที่ตบไหล่เบาๆ ประกายแก้วหันไปพร้อมรอยยิ้ม เด็กสาวจำได้ดีว่านั่นเป็นเสียงของเพื่อนรัก มิ้นท์ ศศิรัตน์ เพื่อนร่วมห้องระดับชั้นมัธยมปลายโรงเรียนเดียวกับเธอ
คิดอะไรเพลินๆน่ะ คนโดนถามตอบ เด็กสาวไม่อยากพูดไปว่ากำลังขบคิดถึงปริศนาที่ได้ยินจากวิญญาณหนุ่มตุงแดงที่ริมถนน ... ใครกันที่สอนให้วิญญาณหลงทางผู้น่าสงสารต้องทำบาป !?
เอ ... หรือว่าแก้วคิดถึงหนุ่มที่ไหน ? แหมๆๆ ก็ดีแล้วเพื่อนสาวสวยของมิ้นท์จะได้มีแฟนกับเขาเสียที เพื่อนเกลอที่ไม่รู้เรื่องราวประสบการณ์วิญญาณครั้งล่าสุดแซวกึ่งเล่นกึ่งจริง ไม่ใช่หรอกจ้ะ มิ้นท์ก็อย่าพูดไป เดี๋ยวใครมาได้ยินจะเข้าใจผิดๆกันไปหมด แก้วรีบบอกเพื่อน ก็พลังเสียงของยายมิ้นท์น่ะ ใช่น้องๆแปดหลอดเสียที่ไหน
ว่าแต่มิ้นท์จะกลับแล้วเหรอ เด็กสาวถามเพื่อนรัก อ๋อ วันนี้กลุ่มมิ้นท์ต้องทำโครงงานน่ะ แก้วอยากอยู่รอเป็นเพื่อนไหม แหะๆ ... พอดีมิ้นท์กลัวผี ปากก็พูดว่ากลัวแต่สาวมิ้นท์ -ศศิรัตน์กลับทำท่าตาเหลือกหลอกประกายแก้วเสียอย่างนั้น เล่นเอาแก้วตีเข้าที่ไหล่เพื่อนเสียหนึ่งเผียะ
ก็ว่างอยู่หรอก เดี๋ยวแก้วโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านก่อนนะ แล้วมิ้นท์กลัวผี เกิดผีโผล่มาจริงๆ แก้วจะไปช่วยอะไรได้ ? นักเรียนสาวถามกลั้วหัวเราะ เพื่อนเธอยังไม่เลิกทำตาเหลือกหลอกอีก ง่า ... ก็อย่างน้อยเวลาผีมา แก้วเห็นก่อนจะได้บอกมิ้นท์ไง เรดาห์น่ะรู้จักไหม มิ้นท์พูดก่อนที่จะวิ่งหนีให้พ้นมือประกายแก้วที่เตรียมเงื้อง่า
บ้า ! ยังไงเดี๋ยวเย็นนี้แก้วจะอยู่รอก็แล้วกัน แล้วทำให้เสร็จล่ะ วันหยุดหน้าจะได้ไปฝางอย่างสบายใจ ประกายแก้วหมายถึงช่วงวันหยุดที่เธอและเพื่อนๆนัดกันจะไปดูงานโรงพยาบาลฝางตามโครงการที่นักเรียนมัธยมที่จะสอบเข้าคณะแพทย์จะต้องผ่านการดูงานโรงพยาบาลรัฐเสียก่อน และแน่นอนการไปฝางครั้งนี้เด็กสาวจะพาเพื่อนๆไปเยี่ยมและพักผ่อนที่บ้านคุณตาคุณยายด้วย โดยเฉพาะยายมิ้นท์ที่เธออยากแนะนำให้ตายายรู้จัก หลายต่อหลายครั้งหากไม่ได้เพื่อนซี้คนนี้คอยร่วมฟันฝ่า คอยปลอบใจ แก้วก็อาจต้องทนทุกข์โดยไม่สามารถระบายให้ใครฟังถึงความลับของเธอได้
...
เย็นนั้น กลุ่มของมิ้นท์เร่งทำโครงงานที่ต้องส่งอาจารย์ให้ทันกำหนด โดยสถานที่ปฏิบัติงานเป็นห้องแล็บฯชั้นสามที่มีเครื่องมือเพียบพร้อม เด็กสาวประกายแก้วจึงนั่งอ่านหนังสือรอมิ้นท์อยู่ตรงม้านั่งหน้าห้องใกล้ๆบริเวณนั้น และหากมองผ่านระเบียงลงไปด้านล่างก็จะเห็นนักเรียนมากมายวิ่งเล่นกันอยู่ในสนาม บางส่วนเป็นนักกีฬาที่ซ้อมกันตามปกติ ดูๆไปแล้วยามเย็นในโรงเรียนก็หาได้เปลี่ยวเหงาสักเท่าไร
แต่นั่นก็เพียงแค่ยามเย็นเท่านั้น !?.. หากเวลาล่วงเลยสู่สนธยา บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป !? ประกายแก้ว สกุลสุวรรณยังหวาดหวั่นหัวใจไม่หาย ความพรั่นพรึงในคืนนั้นยังติดตาตรึงแน่นในหัวใจ เธอและเพื่อนๆที่ทำโครงงานล่วงเลยเวลาจนมืดค่ำ อีกทั้งยังอุตริเล่าเรื่องลี้ลับในโรงเรียนอันไม่ควรเอ่ยถึง วันนั้นตัวเธอผู้สามารถสัมผัสสิ่งลึกลับได้พบกับวิญญาณผู้บาปหนา เปรต ตัวนั้น ... ผีเปรตที่ดวงวิญญาณคุณลุงเจ้าที่บอกให้รู้ว่าเปรตตนนั้นไม่ธรรมดาด้วยเพราะมีใครบางคนเลี้ยงมันเอาไว้ใช้งาน !? ด้วยเหตุนี้แก้วจึงเป็นห่วงเพื่อนที่ร้องขอให้เธออยู่โยงด้วย เด็กสาวหวังลึกๆในใจว่าเพื่อนซี้คงจะเลิกงานไม่เย็นมากนัก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวติดปีก ประกายแก้วนั่งทำการบ้านและแบบฝึกทบทวนความรู้จนเสร็จสิ้น เงยหน้าดูนาฬิกาที่แขวนผนังในห้องเรียน เข็มนาฬิกาบอกเวลาหกโมงครึ่ง บรรยากาศเย็นเยือกลงอย่างรวดเร็วด้วยเพราะแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายกำลังจะลาลับพ้นจากพื้นพิภพ แก้วชะโงกหน้ามองลงไปจากระเบียง ที่สนามด้านล่างพวกนักกีฬากลับไปหมดแล้ว ถึงตอนนี้บางทีนักเรียนที่เหลืออยู่ในโรงเรียนอาจจะมีเพียงแค่พวกเธอก็เป็นได้
เสร็จแล้วจ้ะแก้ว พอดีเสียงเพื่อนเกลอเรียก เด็กสาวหันไปก็เห็นยายมิ้นท์กับเพื่อนในกลุ่มกำลังหิ้วของพะรุงพะรัง แก้วจึงรีบตรงเข้าไปช่วยถือ ในใจรู้สึกโล่งและผ่อนคลายที่ไม่ต้องอยู่จนดึกดื่น
... ทว่าเมื่อทุกคนลงมาถึงด้านล่างของสนาม ประกายแก้วกุมขมับด้วยรับรู้ถึงความสะเพร่าของตัวเอง พิโธ่พิถัง ! ช่วยเพื่อนถือของลงมาจากชั้นสาม แล้วกระเป๋าตัวเองล่ะ หนังสือล่ะ ... ลืมเสียสนิท ! มิ้นท์ .. แก้วลืมของไว้ข้างบน เดี๋ยวจะขึ้นไปเอานะ ประกายแก้วบอกเพื่อนรักพลางยื่นสัมภาระในมือให้เพื่อน รถยนต์ที่ใช้ขนของจอดอยู่ไม่ห่าง
ให้ขึ้นไปเป็นเพื่อนไหม ศศิรัตน์ถาม ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ใกล้ๆนี่เอง เด็กสาวบอกพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นบันไดตึกไป ...
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
3 มี.ค. 54 10:35:23
|
|
|
|