Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แค่หนึ่งวันกับอารมณ์แห่งความรัก ติดต่อทีมงาน

แค่หนึ่งวันกับอารมณ์แห่งความรัก By เมธาวี

มือใหม่หัดเขียนค่ะ หากมีข้อแนะนำ รบกวนเพื่อนๆ ช่วยคอมเม้นท์ด้วยนะคะ

ในวันที่หัวใจบาดเจ็บ ผมทำได้เพียงแค่กอดตัวเองและปลอบใจเท่านั้น และในห้วงเวลาที่ไม่มีใคร ผมกลับทำได้เพียงแค่เฝ้ามองตัวเอง...

ผู้คนบนท้องถนนมากมายกำลังเดินสวนกันไปมาอย่างรีบเร่ง อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แสงแดดแผดเปรี้ยงลงมา หญิง ชาย หนุ่มสาว เด็กนักเรียน ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ต้องมุ่งหน้าไปทำด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะหน้าที่หรือภาระจำยอม

ผมนั่งเฝ้ามองพวกเขาผ่านทางหน้าต่าง ไอความร้อนจากข้างนอกไล่ให้ขับรถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ แอร์เย็นฉ่ำบวกกับบรรยากาศตกแต่งร้านโทนสีฟ้า ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“บุรินทร์ รอบัวแป๊บหนึ่งนะคะ บัวทำเล็บไม่นานหรอก” บุษกรหรือ “บัว” หันมาบอกผม ในขณะที่เราทั้งสองกำลังเดินเข้าร้านทำเล็บ

“ตามใจบัวสิจ๊ะ ว่าที่เจ้าสาวก็ต้องสวยที่สุดอยู่แล้วนี่นา”

“บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ บัวเขินนะ” บัวหันมาทุบผมด้วยความอาย เล่นเอาผมร้องแอ้กด้วยความจุก ใบหน้ารูปไข่ของเธอแดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับดวงตาฉายแววประกายแห่งความสุข

ผมกวาดตามองไปทั่วร้าน การตกแต่งที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ดี มีการนำขวดยาทาเล็บหลากสีมาใส่ไว้ในแก้วทรงสูงแบบเอียงๆ ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ ด้านกระจกโชว์ที่จัดแบบดิสเพลย์สามารถมองเห็นเข้ามาจากทางด้านนอกได้นั้น ทางร้านนำเอาผลงานที่ทำบนเล็บปลอมติดบนกระดาษกำมะหยี่สีดำทึบ แล้วแขวนระโยงไว้ราวกับการตากภาพของห้องมืดร้านถ่ายภาพที่ผมเคยเห็นอยู่บ่อยๆ

ผมว่าความคิดเขาใช้ได้เลยทีเดียว ผมเคยเห็นร้านทำเล็บส่วนมากจะนำรูปภาพมาแขวน แต่ร้านนี้กลับนำผลงานจริงมาแสดงให้เห็นกันจะๆ ไปเลย แต่ที่ตลกก็คือ หน้าร้านเป็นประตูกระจกใสแต่ตกแต่งแนวลูกกวาดแบบร้านกิฟท์ชอป มีการนำกรงนกสีขาวมาห้อยหน้าร้าน แต่ภายในกลับเป็นมือปลอมตั้งโชว์เล็บสวย ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็อาจจะไม่รู้ แต่บัวยืนยันว่าพิกัดที่ตั้งร้านอยู่ตรงนี้ เพราะมาทำหลายครั้งแล้ว

ร้านทำเล็บโทนสีฟ้า ผมมองว่าบางทีอาจจะเป็นสีที่ปลดปล่อยความทุกข์สำหรับผู้มาใช้บริการ หรือเป็นสีแห่งความสุข สดชื่น และเย็นตา ในคราวเดียวกันก็เป็นได้ คนที่มาทำเล็บก็ต้องการปลดปล่อยและอยากให้ตัวเองดูดีด้วยกันทั้งนั้น อีกอย่าง ศิลปะบนเรียวเล็บเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

“สวัสดีค่ะ คุณบัว วันนี้จะทำอะไรดีคะ” หญิงสาวที่บัวแอบกระซิบบอกกับผมว่าเธอเป็นเจ้าของร้านเดินเข้ามาทักทาย ชุดยูนิฟอร์มสูทกางเกงสีดำทั้งชุดถูกตัดเย็บอย่างดี มีผ้าพันคอลายดอกซากุระพันเอาไว้อย่างหลวมๆ ใบหน้าหมดจด เครื่องสำอางอ่อนๆ แต่ดูเด่นสะดุดตา แถมยังรวบผมหางม้ายกสูงพลิ้วไปข้างหลังอีก

“บัวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานวันมะรืนนี้ เลยแวะมาต่อเล็บค่ะ คุณเตย อ้อ! นี่คุณเตยหอม และนี่บุรินทร์ค่ะ” บัวแนะนำผมให้รู้จัก ในขณะที่คุณเตยหอมส่งหนังสือรวบรวมแบบเล็บให้ดู

“เชิญนั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวจะให้เด็กยกน้ำใบเตยแช่เย็นมาให้” คุณเตยหอมบอกอย่างเอื้ออาทร พลางหันไปกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามา

“หนู เดี๋ยวช่วยเอาเครื่องดื่มและขนมออกมารับลูกค้าหน่อยนะจ๊ะ คุณบัวเธอเป็นลูกค้าประจำของที่นี่”

ผมนั่งมองอย่างแปลกใจ ผู้หญิงตรงหน้าดูท่าทางเพิ่งจะย่างสามสิบเท่านั้น แต่ดูคล่องแคล่วเหลือเกิน หรืออาจจะเป็นเพราะความมีอัธยาศัยดีและเอาใจใส่ลูกค้าของเธอกระมัง ที่ทำให้บัวผู้เจ้ากี้เจ้าการกับการทำสวยเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดติดใจถึงขนาดไม่ยอมไปใช้บริการของที่อื่น

แววตา และท่าทางกระตือรือร้นด้วยหัวใจของนักบริการ ทำให้เธอยิ้มแย้มอยู่เสมอ จนผมแอบอดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่า จะมีช่วงไหนที่เธออารมณ์ไม่ดีบ้างนะ

“ดูแบบกันไปก่อนนะคะ พร้อมตอนไหนก็บอกเตยได้เลย” เธอหันมาพูดด้วย ก่อนจะขอตัวออกไปรับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเดินเข้าร้านมา
ไม่นานนัก ขนมและน้ำใบเตยหอมๆ เย็นชื่นใจก็มาถึง ขณะที่นั่งรอบัวเลือกแบบเล็บ ผมก็ถือโอกาสพักสายตาไปด้วย

“บุรินทร์คะ ช่วยเลือกหน่อยสิ ว่าคุณชอบแบบไหน” บัวยื่นหนังสือแบบเล็บมาตรงหน้าผม เล็บแต่ละแบบ แต่ละลาย ดูสวยละลานตาจนเลือกไม่ถูก

“แล้วบัวชอบแบบไหนล่ะจ๊ะ” ผมถามเธอกลับบ้าง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอชอบอะไร หรือ ไม่ชอบอะไรที่สุด

“บัวชอบแบบลูกไม้ แต่ก็กลัวจะดูเทอะทะไป หรือถ้าจะปั้นนูนสามมิติบนเรียวเล็บ ก็ดูจะเกะกะ ถ้าเผื่อหลุดกลางคันในระหว่างที่ทำพิธีล่ะก็อายคนเขาตายเลย” บัวทำท่าทางหน้าตาประกอบไปด้วย

“งั้นบัวก็ทำแบบนี้สิ ฝังลายลงไปเลย ดีไหม” ผมชี้ไปที่แบบเล็บหน้าหนึ่ง ที่มีแบบต่อเล็บอะคริลิคแบบฝังลาย ตรงปลายเป็นกากเพชรระยับสลับกับโฮโลแกรมหกเหลี่ยม และชิ้นผลไม้พลาสติก”

“คุณบุรินทร์เลือกได้เก่งมากค่ะ แบบนี้กำลังเป็นที่นิยมเลยเชียว เพราะเรียบหรู แต่ดูดี แถมยังไม่ต้องกังวลว่าจะหัก หรือหลุด กลางคันอีก” เสียงคุณเตยพูดขณะเดินเข้ามาหา แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ พลางก้มลงดูแบบเล็บที่ผมเลือกเอาไว้

“ชิ้นผลไม้นี่คืออะไรคะ” บัวสงสัย เพราะมีทั้งชิ้นแตงโม ส้ม แคนตาลูป สตรอเบอรี่ เชอรี่ ฯลฯ

“อ๋อ นี่คือชิ้นพลาสติกสำหรับฝังลงไปในเล็บอะคริลิคโดยเฉพาะค่ะ” คุณเตยหอมตอบ แล้วชี้ให้ดูแบบเล็บเจ้าสาวอีกหน้าหนึ่ง

“เล็บเจ้าสาวแบบปลายขาว เฟรนช์ฝรั่งเศส ก็เรียบหรูดีนะคะ แต่ถ้าคุณบัวอยากจะให้มีดีเทลหน่อย ก็เลือกเอาเป็นแบบฝังลายลงไปก็ได้ค่ะ”

“แหม! สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ เลือกไม่ถูกเลย งั้นให้บุรินทร์เลือกให้บัวก็แล้วกันค่ะ” บัวโยนกลับมาให้ผมซะอย่างนั้น เล่นเอาผมหนักใจเหมือนกัน

“เอ...งั้นบัวเลือกแบบเจลฝังลายลงไปเลยดีกว่าจ้ะ” ผมตัดสินใจฉับ บัวยิ้มร่า ส่วนคุณเตยหอมมีสีหน้าที่แปลกใจ

“คุณบุรินทร์ ทำไมถึงรู้เรื่องพวกนี้ล่ะค่ะ เอ่อ...เตยไม่ได้ว่านะคะ เพียงแต่ว่าแปลกใจเพราะผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทราบกัน” คุณเตยพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งทึ่ง

“บุรินทร์เขาน่ารักค่ะ รุ้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับบัว เรียกได้ว่าตัดสินใจแทนได้เลยล่ะค่ะ” บัวปิดปากหัวเราะ อารมณ์ดีเพราะเลือกแบบเล็บได้ถูกใจ

“คุณบุรินทร์เข้าใจผู้หญิงดีจัง”

“ครับ ผมพยายามจะเรียนรู้ทุกอย่างที่บัวทำ แต่ก็ดูเหมือนจะเข้าถึงได้ยาก” ผมให้คำอธิบายที่ออกมาจากใจ บัวหันมากอดผมทีหนึ่ง ก่อนจะปล่อย

“พูดอะไรอย่างนั้น ทุกอย่างที่คุณทำ บัวเห็นและรับรู้มาโดยตลอด...”
ยังไม่ทันที่บัวจะพูดอะไรต่อ พนักงานในร้านก็เข้ามาเรียกคิวของบัวให้ไปทำเล็บ บัวจับมือผมมาบีบเบาๆ ก่อนจะเดินตามพนักงานไป

“คุณบัวเธอโชคดีนะคะ ที่มีคุณอยู่ข้างกายเธอ” คุณเตยพูดขึ้น

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เธออย่างจืดๆ แล้วเมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน คุณเตยหอมก็ขอตัวไปต้อนรับอีกรอบ


ผมยังคงมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเหมือนอย่างเคย ในระหว่างที่รอบัวทำเล็บ ฟ้าข้างนอกดูมืดหม่นคล้ายฝนกำลังจะตก ในขณะที่เมื่อห้านาทีก่อนหน้านั้นแสงแดดยังแผดเผาจนแทบจะหลอมละลายได้

“หนังสือไหมคะ”

ผมละสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างทันที และเมื่อหันกลับเข้ามา คุณเตยหอมกำลังยื่นนิตยสารให้

“ขอบคุณครับ”ผมเปิดหน้าผ่านๆไป อย่างไม่สนใจนัก

“หนังสือไม่สนุกหรือคะ” เธอถามต่อด้วยความสงสัย

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ เผอิญว่าเป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิง...”

“ก็เลยเปิดผ่านๆ” เธอต่อให้จนจบประโยคพลางเอามือปิดปากหัวเราะ “ไหนบอกว่าสนใจยังไงล่ะค่ะ”

เธอช่างจำได้แม่นยำนัก คราวนี้เป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหัวเราะออกมา

“ผมสนใจแต่เรื่องแฟชั่นและการแต่งกายครับ เรื่องกอซซิปดาราและเครื่องสำอางนี่ไม่ถนัดจริงๆ”

“อย่างนั้นเองหรือคะ” เธอส่งยิ้มหวานให้อีกก่อนจะเดินออกไป เมื่อพนักงานมาเรียก

ผมมองร่างบางนั้นด้วยความรู้สึกสบายใจ เพียงแค่ถ้อยคำเล็กๆ ซื่อๆ ของเธอ ก็กลับทำให้ผมยิ้มได้

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เพราะอย่างนี้เองกระมัง ผู้หญิงจึงไม่หยุดสวยกันสักที ผมได้แต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พยายามมองไปรอบร้าน ร้านทำเล็บที่ราคาไม่แพงมากนัก แถมฝีมือยังดีจนลูกค้าหลายคนติดใจ สังเกตจากลูกค้าที่แวะเวียนกันเข้ามาไม่ขาดสาย

ฝนเริ่มตกลงมาอีกแล้ว พลอยทำให้หัวใจเปียกชื้นไปด้วย ข้างนอกทุกคนต่างพากันวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ในขณะที่ผมนั่งมองดูพวกเขาจากข้างในร้าน ผมกำลังนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งจนหมดหัวใจ ผมรักบัวและใช้เวลาอยู่กับเธอ เราทำทุกอย่างร่วมกัน

ในวันวาเลนไทน์เราก็มีช็อคโกแลตให้

ในวันเกิดเราก็เป่าเค้ก

คริสต์มาส ปีใหม่ เราไปดูพลุที่เขาจุดกันตามสถานที่ต่างๆ

ออกไปทานข้าวกันบ้างในวันที่มีเวลา ดูหนังบ้าง หรือแม้กระทั่งไปดื่ม

สังสรรค์ด้วยกัน เรียกได้ว่าไม่มีวันไหนที่เราจะห่างกันเลย

ผมเคยเลี้ยงปลาทองแล้วมันตาย เพียงแค่นั้นบัวก็ร้องไห้จนตาบวม ถ้าเผื่อนะ...ถ้าเผื่อว่า คนที่ตายเป็นผมล่ะ ไม่ใช่เจ้าหัววุ้นตัวนั้น บัวจะมีความรู้สึกอะไรไหมนะ เธอจะร้องไห้เพื่อผมหรือเปล่า

ถ้าเผื่อว่าวันหนึ่งที่เธอต้องการอ้อมแขนของใครสักคนมาปลอบโยนเวลาที่เสียน้ำตา เธอจะยังต้องการผมอีกไหมนะ

และถ้าเผื่อว่า...เธอต้องการถ้อยคำกระซิบปลอบประโลมให้หายเหนื่อยล้า เธอจะยังคงนึกถึงผมหรือเปล่า

บัวเคยบอกว่า ผมเป็นคนที่เข้าใจเธอที่สุด แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเธอถึงไม่เลือกผม!!!

ผมนึกไปถึงถ้อยคำที่เธอบอกเมื่อเดือนที่แล้วได้ดี เสียงหวานๆ ของเธอ บวกกับหน้าตาน่ารักเวลาพูดถึงช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงนั้น ทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไปอย่างที่ใจคิด ทั้งที่มีคำถามล้านแปดมากมายมหาศาลที่อยากจะถามเธออยู่เต็มไปหมด

“บุรินทร์คะ พี่ปลั๊กเขาขอบัวแต่งงานแล้ว คุณดีใจกับบัวไหม” บัวจับมือผมหมุนตัวไปรอบๆ อย่างดีใจ แต่ผมกลับทำอะไรไม่ถูก เมื่อพี่ปลั๊กคบกับบัวมาสี่ปีขอเธอแต่งงาน ในขณะที่ผมรู้จักกับเธอมาสิบสี่ปี!

“ผมก็ต้องดีใจกับบัวอยู่แล้วสิ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่เนอะ” ผมพูดทั้งที่น้ำตาตกใน แสร้งฝืนยิ้มทั้งที่เจ็บเกินทน

“งั้นบุรินทร์ไปเป็นเพื่อนบัวหน่อยนะ บัวอยากไปทำเล็บ ขัดตัว แล้วก็ทำผม”

“ได้สิ บัวอยากทำอะไร เพื่อนคนนี้จะตามใจทุกอย่างเลยจ้ะ เดี๋ยวจะเป็นสารถีขับรถให้เอง”

“บุรินทร์ใจดีที่สุด อย่างนี้สิถึงจะสมเป็นเพื่อนซี้กัน”

หลังจากวันนั้น ผมก็นอนน้ำตาเปียกหมอนไปอีกสองวัน เพราะยังคิดไม่ตกว่าทำอะไรขาดหายไปตรงไหน บัวถึงไม่เลือกผม

อาจจะเป็นเพราะเราสนิทกันเกินไป

หรือ...

อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้รักผม

ความคิดสุดท้ายเริ่มเข้าท่า เพราะผมเสียใจจนแทบบ้าเมื่อจู่ๆ ก็ได้รับการ์ดเชิญงานแต่งงานของบัวที่ผมเป็นคนออกแบบเองกับมือ!

“เซอร์ไพรไหมคะ” บัวถามหน้าบานฉ่ำเพราะกำลังจะเป็นเจ้าสาวในเร็ววัน

“เซอร์ไพรมาก” ผมตอบ เพราะไม่คิดว่าจะมีคำตอบใด ที่เหมาะสมไปกว่านี้ “นี่มันการ์ดงานแต่งของลูกค้าที่บัวเอามาให้ผมช่วยออกแบบนี่ แล้วทำไม...”

“ใช่ค่ะ ก็บัวกลัวคุณไม่ทำให้นี่คะถ้าบอกว่าเป็นงานของบัว” เธอรีบพูดต่อให้ทันที

จำได้ว่า หลังจากนั้น ผมก็พูดอะไรไม่ออกอีก พอมารู้ตัวอีกที ก็รีบเคลียร์งานเพื่อที่จะพาเธอมาทำสวย เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวให้กับคนอื่นไปเสียแล้ว
อันที่จริงนั้น ผมกับนายปลั๊กก็รู้จักกันเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะเขาเป็นลูกค้าของบริษัทออกาไนซ์ที่ผมและบัวทำอยู่

“เค้กค่ะ” พนักงานของร้านนำชาร้อน และเค้กแครอทมาให้ตามน้ำใจของคุณเตยหอมผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ผมใช้ส้อมจิ้มลงไปตักขึ้นมากิน แล้วก็พบกับความหวานมันของตัวเค้กและเนื้อแครอท

นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ผมไม่ได้ลิ้มรสแบบนี้ เพราะตั้งแต่รู้ว่าบัวจะแต่งงานกับคนอื่น หัวใจของผมก็ไม่สามารถยอมรับของหวานอีก ทุกอย่างที่ผ่านลิ้นเข้ามา มันคือความขมขื่นทั้งสิ้น

ผมยอมรับ ว่ายิ่งพยายามตามเท่าไหร่ บัวก็ยิ่งหนีไกลออกไปทุกที บัวเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ความคิดของเราจึงสวนทางกันทุกอย่าง ซึ่งก็เหมือนกับแบบเล็บ สิ่งที่ผมเลือกเฟ้นว่าดีที่สุดสำหรับเธอ แต่มันอาจจะไม่พอ กับสิ่งที่เธอเลือก ถึงแม้ว่าผมจะแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป เธอก็ยังคงดึงดันที่จะเลือกอยู่ดี...

“แก๊ง”

เสียงกระพรวนที่แขวนอยู่หน้าร้านดังขึ้น ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ตราบใดที่บัวยังทำเล็บไม่เสร็จ และยังไม่ออกมา ผมก็คงยังนั่งรออยู่ตรงนี้ รออยู่ที่เดิม ไม่ว่าจะเหนื่อยจะล้ายังไง ก็ยอม เหมือนกับหัวใจของผม ผมมอบให้เธอ รักเธอ และยอมเป็นทาสเธอ แต่เธอกลับยกให้ผมอยู่สูงกว่านั้น เธอให้ผมเป็นคนดี...คนดีแต่ไม่มีที่ว่างในใจเธอ เท่านั้นจริงๆ

“สวัสดีครับคุณบุรินทร์”

ผมหันหลังกลับไปมองทันที ผู้ชายตัวสูงใส่สูทเสียโก้ ขาว ตี๋ หน้าตาดี ว่าที่เจ้าบ่าวของบัวมารับแล้ว ต่อไปคงหมดหน้าที่ของผมเสียที ผมยืนขึ้น สูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยทักตอบออกไป

“สวัสดีครับคุณปลั๊ก บัวอยู่ข้างในแน่ะครับ”

“ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” คุณปลั๊กตอบเสียงนุ่ม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผมจนตาหยีสไตล์ตี๋อินเตอร์ จนทำให้ผมนึกถึงคุณไก่ ภาษิต ผู้ประกาศข่าวทางช่องสามเลยทีเดียว

“งั้นผมก็ขอตัวก่อนครับ พอดีว่ามีธุระ ฝากบอกบัวด้วยก็แล้วกัน” ผมพูดเสร็จก็เดินออกจากร้านมาเลย ไม่ทันได้ยินหรือสนใจว่าใครจะพูดอะไรหรือไม่

รู้สึกสมเพชตัวเองที่เอาข้ออ้างเชยๆ ขึ้นมา เพื่อเป็นข้อเรียกร้องในการปลีกตัวออกมา แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ก็หัวใจของผม มันจะไม่ไหวแล้วนี่ ใครจะไปหน้าชื่นอกตรม ยืนฝืนยิ้มทั้งที่ปากสั่นระริก ทนดูว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาว เขาสวีทหวานกันได้ ผมไม่แข็งแรงพอขนาดนั้น...

วันนี้ ผมคงกลับไปนอนกอดตัวเอง หลับไปพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำ ยับเยิน ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ใจของผม มันถึงจะชาชินกับสิ่งที่เห็น คุ้นเคยกับสิ่งที่ได้ยิน ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร...ต้องไม่เป็นไร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา บัวคงไม่รู้ ว่าขณะที่ผมเดินจูงมือเธออย่างหน้าชื่นอกตรมในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งนั้น มืออีกข้างของผมกลับต้องยกมันขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กับตัวเองบ่อยครั้งแค่ไหน
สักวันหนึ่งหรอกนะ หัวใจของผมถึงจะแข็งแรงดี วันนั้นที่ผมจะสามารถยิ้มให้กับบัวและคุณปลั๊กได้อย่างสนิทใจ ผมจะรอ...ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม

และไม่ว่าพรุ่งนี้หรือวันต่อๆ ไปที่บัวจะรักใคร ผมก็ขอแค่วันนี้....แค่วันที่ผมอยากจะรักตัวเองให้มากที่สุด อยู่กับตัวเอง เข้าใจตัวเอง และกอดตัวเอง เท่านั้นก็เพียงพอ...

แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 21:33:57

แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 21:33:08

แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 54 20:06:21

จากคุณ : amipoom
เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 20:02:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com