Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิมิตแสงจันทร์ -บทนำ -บรรพที่ 1 ติดต่อทีมงาน

บทนำ


มวลเมฆกำลังเคลื่อนคล้อย เปลี่ยนรูปเงาไปตามธารวายุที่โบกพัดมาโดยแรง  ยิ่งปีกกว้าง
สะบัดบินแหวกอากาศ  ปอยเมฆยิ่งผกผันปันเกลียว  ไม่นานนักพลันถูกลมจากการสยายปีก
สลายกลุ่มก้อนอันนุ่มนิ่มกลายเป็นเพียงหมอกจาง 


‘ภามิน ชลันธีร์’ ยังโบยบินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านม่านฝันของใยเมฆาไปจนถึงนครแห่งนั้น 
เมื่อแลลงไปเบื้องล่างนคราอันถูกปกคลุมด้วยสายหมอก ไม่อาจเป็นสถานที่อื่นใดไปได้
นอกไปจาก “วิปุลา” ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งชายหนุ่มเกิดและเติบโตที่นี่เยาว์วัย
จนกระทั่งจากไปเรียนต่างประเทศ  ใช่แล้ว...ที่นี่คือ วิปุลา ประเทศอันแสนงดงาม
ราวดินแดนในเทพนิยายไม่ผิดแน่ หากเพียงวิปุลาวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 
ประเทศกำลังเปิดกว้างขึ้นกระแสวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มหลั่งไหลเข้ามา  แม้ยังไม่เปิดรับเต็มปรี่
แต่เวลาบอกกับภามินว่า ไม่นานนักหรอก...อีกไม่นาน  วิปุลาต้องยอมจำนน


ปักษาสวรรค์ลอยล่องบนเวหาเหนือฟ้ากรุงกีลาล  อันเป็นเมืองหลวงของวิปุลา เขาคุ้นเคยกับ
ทิวทัศน์แสนงามในม่านหมอกนี้ดี เจ้าของปีกกว้างนั้นยังสะบัดปีกเหินร่อนต่อไปจนทั่วกรุง 
เมื่อสุดทางแล้วจึงวนย้อนกลับมาตามถนนรูปตัววาย อันเป็นเส้นทางแยกไปสู่เขตต่างๆ
 ปักษาใหญ่บินผ่านน้ำพุที่ตั้งอยู่กลางสามแยก มุ่งหน้าไปตรงไปสุดสายปลายทางแยกนั้น 
อันเป็นที่ตั้งของ “สาริน” อันเป็นเขตเมืองวัฒนธรรมเก่าแก่ประเทศ ที่นั่นมีพระบรมมหาราชวัง
ตั้งอยู่  รวมไปถึงคฤหาสน์ของคหบดีเก่าแก่แห่งประเทศ  สารินนั้นเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรก
ของวิปุลามาก่อน ก่อนจะถูกลุกลามด้วยความเจริญที่แพร่เข้ามา  จึงต้องขยายพื้นที่ออกไปรองรับ
จำนวนประชากร ตัวเมืองหลวงจึงมีพื้นที่หลักเพิ่มเติมขึ้นมาอีกสองเขตตั้งแต่ห้าสิบปีที่แล้ว
อันได้แก่ “ติรา” เมืองแห่งกิจการรัฐและพันธะกิจ  ติราเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการของวิปุลา
เนื่องด้วยทำเนียบรัฐบาลตั้งอยู่ที่นี่ รวมไปถึง กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ของราชการก็ล้วน
กระจุกตัวรวมกันที่นี่


อีกเมืองสำคัญ คือ “วัสสา” เมืองแห่งสีสันสถานที่รวมไว้ด้วยชีวิตชีวาของคนรุ่นใหม่ 
มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่วัสสาถึง 4 แห่ง โรงพยาบาล ถนนขึ้นเนินเรียบภูเขาอันงดงามเป็นเอกลักษณ์
หากใครผ่านมาคงต้องแวะถ่ายรูปและซื้อของที่ระลึกยังถนนดาลิสอันเลื่องเชื่องแห่งนี้  แล้วแวะไป
จิบชาน้ำดอกไม้อันเป็นชาพื้นเมืองของประเทศต่อ ตามร้านตกแต่งเรียงรายกันอยู่บนถนนสายภูหมอก 


ทั้งสามเขต สาริน ติรา วัสสา รวมกันเป็นหนึ่งเดียว  คือกรุงกีลาลอันช่วงโชติ


ภามิน ชลันธีร์  มองติราและวัสสาด้วยความเบิกบาน  ทุกอย่างยังคงใกล้เคียงกับครั้งที่เขากลับมา
บ้านล่าสุด  จะเพิ่มเติมขึ้นก็เพียงจำนวนตึกรามบ้านช่องและร้านค้าอีกเล็กน้อย  แต่ระเบียบ
บนผังเมืองและรูปแบบของสิ่งปลูกสร้างยังอยู่ในศิลปวัฒนธรรมของวิปุลาเช่นเดิม  ชายหนุ่ม
บินวนผ่านเมืองทั้งสองแล้ววกกลับมายังสาริน  เพื่อกลับยังคฤหาสน์ตระกูลชลันธีร์  แต่บางสิ่ง
ดลให้เปลี่ยนใจกลางทาง  ปักษายักษ์จึงเหินร่างบินล่อนเป็นวงกว้างอีกครั้ง


 ก่อนจะพุ่งทะยานไปยังหอคอยสูงตระหง่าน  ที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทางแยกไปยังเขตสำคัญ
สามเมือง  หอคอยสูงเสียดฟ้ายืดยาวขึ้นไปราวกับจะไปสิ้นสุดที่ปลายเมฆ  ที่นี่ไม่มีทางขึ้นลงอันใด
นอกจากหน้าต่างบานเดียวในชั้นบนสุดเท่านั้น


มีเพียงผู้มาจากเวหาอย่างภามินจึงจะไปเยือนที่นั่นได้   ชายหนุ่มขยับปีกให้ลู่ลงยามที่เหินร่าง
ของตนเข้าสู่บานหน้าต่าง  ที่ดูเล็กจ้อยเกินกว่าร่างของปักษายักษ์ผ่านรอดจะเข้าไปได้
 สายลมหอบเอาปุยเมฆเข้ามาด้วยยามที่ร่างสง่างามแตะถึงขอบหน้าต่าง  ปีกนกพลันหดหาย
กลายเป็นนิ้วมือแข็งแรงสองข้างดึงรั้งร่างตนเองโผนเข้าไปภายใน 


หมอกควันรอบตัวจางหายไปเป็นอากาศธาตุ  เหลือเพียงชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผม
สีชาอ่อนจาง ท่วงท่าสง่างามยืนอยู่ที่นั่นแทน !


สายลมแรงยังพัดโพยพุ่งขึ้นมาบนหอสูง  จนเส้นผมนุ่มสลวยพลิ้วไปตามแรงลม  ภามิน ชลันธีร์
ชะโงกหน้าอันงามปานเทวาสลักเสลาออกไปนอกหน้าต่าง  ดังกับสายลมเป็นใจธารวาตะ
ช่วยนำพาเอากลุ่มเมฆหายไปจากคลองจักษุ  ดวงหน้าคมคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความพึงใจ 
แล้วมองลงไปยังเบื้องล่าง ทอดสายตาไปทั่วมุมเมือง  หากเป็นสายตาของมนุษย์คงมองเห็น
ทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นแค่บ้านเรือนหลังเล็กจ้อยไม่ต่างกับบ้านตุ๊กตา  แต่ชายหนุ่มแห่ง
ตระกูลชลันธีร์เพ่งมองด้วยสายตาของทวิชาติ  นัยน์ตาของเหยี่ยวรุ้ง  ทำให้เขาเห็นภาพ
เบื้องหน้ากระจ่างชัดกว่าคนทั่วไป 


จุดสีแดงเล็กๆ ที่เมื่อครู่ยังไม่ปรากฏ กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น มากขึ้น มากขึ้นอีก จนกระจายไปทั่วสาริน 
เมื่อเหลียวไปทางติรา ทางนั้นจุดสีแดงลุกลามใหญ่โตเด่นชัดยิ่งกว่าที่สารินนัก  เขาเข้าใจแล้ว
สิ่งนั้นคือเปลวกูณฑ์  มันกำลังลุกโชนแสง  เมื่อผินหน้ากลับไปมองยังวัสสาบ้าง เปลวเพลิง
พวกนั้นกำลังลุกไหม้อยู่ในที่ต่างๆ ทั้งบนถนน ทั้งในร้านค้า ทั้งสถาบันการศึกษาก็ไม่เว้น 
แต่น่าประหลาดนัก  ไฉนทุกคนจึงไม่มีทีท่ารีบร้อน  ผู้คนยังเดินกวักไกว่กันไปมาท่าทางสบายอารมณ์ 
บ้างก็ทำกิจวัตรประจำวันของตนไป 


ดวงหน้างดงามดังเทพนิรมิตซีดเผือดลงเรื่อยๆ  ‘ทำไม?’ คำถามแรกปรากฏขึ้นในใจ
แล้วตามด้วยคำถามอื่นๆ ที่พุ่งมาอย่างถี่รัว ‘เกิดอะไรขึ้น?  ทำไมไม่มีคนรู้สึกตัวเลย 
ไม่มีใครเห็นเลยหรือ?’ ความตื่นตระหนกผุดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว ต้องบอกพวกเขา
จะต้องเตือน...ภัยกำลังมา ชักช้าไม่ได้แล้ว จะไม่ทันการณ์!!!


แล้วจะเตือนอย่างไร...จะทำอย่างไรดี  ภามิน ชลันธีร์ ไม่อาจตอบได้ทันที  ในสมองของเขา
มีเพียงคำสั่งเดียว  ต้องกลับไป...กลับไปวิปุลา!

 

 กลับวิปุลา โดยพลัน!!! 

 


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 17:30:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com