บทที่ 8 : เบิกเนตร
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ในสมัยเมื่อห้าหกปีก่อน แม้จะเก่าหากเทียบกับกาลเวลาในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดคร่ำคร่าจนไม่น่าพิสมัย ทางเดินแคบๆภายในตึกกับหลอดนีออนสีขาวอมเหลืองทึมๆบ่งบอกถึงความขลังและบรรยากาศโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
แม่คะ ตรงนี้มีรูปคนไม่สบายอยู่ด้วย เสียงเด็กหญิงเจื้อยแจ้วตรงบริเวณที่นั่งรอรับยาผู้ป่วยนอก เด็กสาวผู้เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนดูบอร์ดนิทรรศการภาพพิษภัยของบุหรี่ เธออยู่ในระหว่างรอคุณแม่รับยาแก้หวัดที่ห้องจ่ายยาของโรงพยาบาล ความจริงแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้เด็กหญิงเคยมาเมื่อสมัยอายุยังน้อยๆ มารดาเล่าให้ฟังว่าเธอต้องมาตรวจทั้งระบบสายตา ทั้งระบบประสาท แต่นั่นก็ตั้งแต่สมัยเด็กที่ยังจำความไม่ได้
อย่าส่งเสียงดังนะคะ เดี๋ยวจะรบกวนคนอื่น มารดาปรามลูกสาวไม่ให้ซุกซนส่งเสียงดัง เด็กหญิงประกายแก้วในวัยสิบสองหยุดยืนอ่านกระดานบอร์ดได้พักหนึ่งจึงผละลงมานั่งข้างๆคุณแม่ ทว่าครู่เดียวเท่านั้นเธอก็รู้สึกปวดท้องมวนๆพิกล
แม่คะ แก้วปวดท้องเหมือนอยากถ่ายยังไงไม่รู้ ประกายแก้วทำหน้านิ่วพลางใช้มือกดลงไปที่ท้องน้อยพยายามคลำหาจุดที่เจ็บ แต่ดูเหมือนตำแหน่งอาการปวดที่แน่ชัดมันสามารถดิ้นหนีย้ายที่ไปเรื่อยๆ
งั้นก็ลองไปถ่ายดูสิจ๊ะ ห้องน้ำก็แค่ตรงนั้นเอง เดี๋ยวแม่รับยาแล้วจะรออยู่ตรงที่เก่านี่แหละจ้ะ มารดาบอกพลางชี้มือไปยังสุขาที่อยู่ไม่ห่าง ค่ะ งั้นเดี๋ยวแก้วมานะ พูดปุ๊บเด็กหญิงจึงรีบวิ่งตื๋อไปห้องน้ำทันที
ในห้องน้ำของโรงพยาบาล เด็กหญิงประกายแก้ว สกุลสุวรรณรีบตรงดิ่งไปยังห้องสุขาที่ใกล้ที่สุด เนื่องเพราะหากช้าไปกว่านี้ความปวดมวนท้องอาจจะเอาชนะอาการอดกลั้นของเธอได้ โดยก่อนจะเข้าสุขาเด็กหญิงกวาดสายตาสำรวจภายในบริเวณห้องน้ำเสียทีหนึ่งตามคำสอนของคุณแม่เวลาไปต่างสถานที่ เมื่อพินิจคร่าวๆก็หาพบสิ่งใดแปลกปลอมไม่ ตรงอ่างล้างมือด้านตรงข้ามกับสุขาที่เธอกำลังจะเข้ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือ ถัดไปเป็นป้าอีกคนกำลังล้างมือด้วยสบู่ของโรงพยาบาล ด้านห้องสุขาอื่นๆที่ถัดลึกเข้าไปนั้นพบว่าประตูถูกเปิดอ้าแง้มอยู่แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอื่นนอกจากนี้
เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ประกายแก้ว สกุลสุวรรณจึงรีบเข้าไปในห้องสุขาเพื่อทำธุระส่วนตัวแทบจะในทันที ทว่าเมื่อนั่งหย่อนก้นลงที่คอห่านแล้ว สิ่งที่ไหลลงในส้วมกลับไม่ใช่ของเสียอย่างที่คาด
แต่มันคือเลือด !
เด็กหญิงสะดุ้งเฮือก จิตใจหวาดวิตกเฉียบพลัน ความหวั่นไหวลุกลามจนเกือบกรีดร้อง ทว่ายังดีที่อนุสติคงห้ามเตือนไว้ทัน ... ใช่ ! ประกายแก้วฉุกคิดขึ้นได้ เลือดที่ออกพร้อมๆกับการปวดท้อง ... มันคงเป็นเลือดอันเกิดจากธรรมชาติของผู้หญิง เลือดประจำเดือน !
เด็กหญิงประกายแก้วหันซ้ายขวาหาตัวช่วย โชคดีที่ห้องน้ำโรงพยาบาลรัฐยังไม่รันทดมากสักเท่าไร ตรงผนังยังมีกระดาษชำระห้อยอยู่ราวๆครึ่งม้วน แก้วไม่รอช้ารีบสาวกระดาษชำระออกมา ใช้ส่วนหนึ่งเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อน ขณะที่อีกส่วนพับทบๆกันแล้วรองตรงกางเกงในสำหรับใช้แทนผ้าอนามัยเป็นการชั่วคราว
เสร็จสรรพเด็กหญิงจึงมองหาถังขยะเพื่อจะได้ทิ้งกระดาษทิชชู่ที่เปรอะเปื้อนเลือด ... ทว่ากลับไม่มีถังขยะ ? เด็กแก้วนึกตำหนิอยู่ในใจ ... แล้วจะให้ทิ้งที่ไหนกัน ? ครั้นจะทิ้งลงโถส้วมก็จะทำให้เกิดการอุดตัน เช่นนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะออกไปทิ้งที่ถังขยะข้างอ่างล้างมือตรงข้ามห้องสุขา
เมื่อประกายแก้วเปิดประตูออกไปก็พบกับความโดดเดี่ยว หญิงสาวที่กำลังคุยโทรศัพท์กับคุณป้าที่ล้างมือเมื่อครู่นั้นไม่อยู่เสียแล้ว เด็กหญิงไม่ได้คิดอะไร เธอเดินไปทิ้งกระดาษชำระลงถังก่อนที่จะล้างมือที่อ่างล้าง ทว่าเหตุการณ์ที่ควรจะปกติกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น
อาจเพราะเสี้ยวสังหรณ์ที่ร้องเตือน ประกายแก้ว สกุลสุวรรณหันไปมองทางด้านในสุดของแถวห้องสุขาก็ยังไม่มีใครอยู่เช่นเดิม เด็กหญิงยักไหล่นิดหนึ่งก่อนจะหันไปล้างมือต่อ ทว่าอยู่ดีๆขนอ่อนที่กลางหลังเกิดลุกชันทั้งที่ไม่มีเหตุอันควร เด็กหญิงจึงหันกลับไปมองทางห้องสุขาที่เรียงรายอีกครั้ง ... และก็เป็นครานี้เองที่เธอได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
หญิงชราใบหน้าซูบตอบและเหี่ยวย่นยื่นศีรษะออกมาจากห้องสุขาด้านในสุด ใบหน้าหันมาทางเด็กหญิงในลักษณะคล้ายกำลังแอบดู
ว้าย ! เด็กแก้วอุทานเสียงไม่ดังสักเท่าไร คลับคล้ายมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอ หญิงชราลึกลับค่อยๆคลานออกมาจากทางเดินด้านในสุด ท่าทางอิดโรยและเหี่ยวย่น ประกายแก้วสะดุ้งเฮือก เด็กหญิงตกใจมากกว่ากลัว เธอคิดว่าหญิงชราจะต้องเป็นคนป่วยแน่ๆ เหตุที่คิดเช่นนั้นก็เพราะคุณยายคนที่ว่าอยู่ในชุดผู้ป่วยสีชมพูของโรงพยาบาล
เด็กหญิงประกายแก้วเตรียมจะเข้าไปช่วยพยุงคุณยายผู้น่าสงสาร บางทีแกคงจะเดินมาเข้าห้องน้ำ แต่อาจเกิดการอ่อนเปลี้ยหมดเรี่ยวแรงก่อนที่จะกลับไปยังตึกนอนของตนเอง และในนาทีนั้นเอง เด็กแก้วสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกประหลาดจากบนศีรษะของคุณยายปริศนา มันคือด้าย ? ... ด้ายหรือจะเรียกเป็นเชือกเส้นบางๆก็ได้ ด้ายที่เห็นมีสีขาวประกายเงิน มันโผล่ออกมาจากศีรษะของคุณยายและลอยพลิ้วขึ้นไปบนอากาศ ด้ายเงินนั้นยาวประมาณสัก 2 3 เมตร ส่วนปลายด้านบนเลือนหายไปกับอากาศธาตุอย่างน่าพิศวง
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
10 มี.ค. 54 10:29:09
|
|
|
|