Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 4 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10305665/W10305665.html

บทที่ 4

ป้าสงวนเลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นมุมปากของวัสอรบวมเจ่อ นางกำลังทำความสะอาดเฉลียงข้างเรือน แม่บ้านวัยใสก็ช่างบังเอิญมาโผล่เงียบๆ ยังดีที่นางไม่อุทานเอ็ดอึง หากเข้าหูเจ้านายหนุ่ม อาจโดนตำหนิว่าส่งเสียงไม่สำรวม

"เอ้อ ปากคุณแม่บ้านไปโดนอะไรมาคะ"

"ป้าสงวนใช่ไหมคะ เมื่อวานนี้ ยังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยหิ้วกระเป๋าไปไว้ในห้องพักให้เลย ขอบคุณนะคะ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณแม่บ้าน เรียกฝนก็พอค่ะ ส่วนปากนี่ก็ ลื่นล้มกระแทกกับขาเก้าอี้นิดหน่อย"

"แหม คุณฝนนี่ช่างคุยเหมือนกันนะคะ ไม่เหมือนแม่นมอ่อนเลย รายนั้นสำรวมเคร่งขรึม กว่าจะยอมพูดแต่ละคำ ต้องรอให้งานมาจ่อเสียก่อน"

"แหม จะให้คนทุกคนเหมือนกันไปเสียหมดได้ยังไงกันคะ เอ้อ ป้าสงวนมีหลานสาวอีกคนใช่ไหม"

"ค่ะ มันชื่อเต่าน้อย ซักผ้าอยู่ตรงลานหลังครัวโน่นแน่ะค่ะ คุณฝนจะใช้อะไรมันหรือเปล่าคะ ป้าจะไปเรียก.. "

"อ้อ ไม่ต้องหรอก ฝนไม่มีอะไรจะไหว้วาน แค่ถามถึงเฉยๆ ทำงานต่อไปเถอะค่ะ"

วัสอรไม่ค่อยมีสมาธิสนทนาเท่าที่ควร เพราะสายตาใคร่รู้ของเธอ กวาดไปเจอร่างสูงของปุราณเข้าพอดี จากมุมนี้ เขากำลังเดินเล่นชมความงามสะพรั่งของดอกไม้สีสด แต่ท่าทางเหมือนกำลังเดินไปคุยไป ทำไม้ทำมือ ยกชี้หน้าหลัง บางทีก็นั่งยองๆ พุ่มมือบ้าง ยืดแขนบ้าง

'เอ.. อธิบายอะไรของเขา กับใครหรือ ไม่เห็นมีใครอยู่ข้างๆ หรือใกล้ๆ สักคน'

ข้อสงสัยที่ผุดในใจ ตรึงสายตาที่เพ่งขึงอยู่แล้ว ให้ยิ่งเขม็งเสียจนป้าสงวนต้องเรียกซ้ำอย่างเกรงใจ นางก็เรียกอยู่สองสามครั้งแล้ว เพราะวัสอรเหยียบผ้าถูพื้นของนางอยู่ แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้ยินเอาเสียเลย

"อะไรคะ"

"เอ้อ ผ้าถูพื้นค่ะ"

ป้าสงวนชี้พลางยิ้มนอบน้อมเจือเกรงใจ วัสอรก้มลงดู แล้วค่อยหัวเราะเบาๆ เธอรีบย้ายมุม แต่ก็ไม่ลืมขอโทษ และไม่ลืมหงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะ

ป้าสงวนคงไม่ทราบละสิว่า เธอกำลังปฏิบัติหน้าที่สอดส่องพฤติกรรมพ่อหม้ายเคราน่าลูบ อ้อ แต่ตอนนี้ ดีกรีของความปรารถนาลดฮวบลงไปตั้งเยอะ หลังจากที่เขาเผยความเฉยเมย ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษให้เห็นอย่างไม่น่าประทับใจเมื่อคืนวาน

ผู้ชายอะไรก็ไม่ทราบ เห็นผู้หญิงล้มกลิ้งต่อหน้าต่อตา แต่ก็ยังยืนไม่รู้ไม่ชี้ เธอเริ่มจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่แล้ว แต่พฤติกรรมประหลาดตามข่าวที่ส่งไปจากทางนี้ ก็จำต้องสอดส่องต่อไป

"มีอะไรน่าสนใจหรือคะ"

"ก็พ่อหนุ่มเคราเขียวนั่นไง"

"คะ"

"อ๋อ เอ้อ ฉันหมายถึงคุณปูน่ะ ท่านตื่นเช้าแบบนี้ทุกวันเลยหรือ"

ป้าสงวนพยักหน้า นางสำรวมถ้อยคำในทันทีทันใดเมื่อเอ่ยพาดพิงถึงเจ้านายจอมเข้มงวด วัสอรก็พอเข้าใจ จึงไม่คาดคั้นซ้ำ เธอไม่เดือดร้อนกับการหาคำตอบด้วยตัวเอง และจะไปเดี๋ยวนี้ด้วย เพราะเวลานี้ ร่างสูงย้ายลึกเข้าไปในร่องสวน โผล่ไหล่กับศีรษะแพลมเป็นบางช่วง พอให้สะกดรอยตามได้อยู่




พริ้มเพราสวนทางมา หล่อนเรียกให้แม่บ้านวัยใสเข้าไปตรวจความเรียบร้อยของอาหารเช้า วัสอรนึกเสียดายที่โดนสกัดเป็นหนสอง เธอเดินตามมาถึงในครัว ฟังแม่ครัวคนเก่งบอกเสียงเรียบว่า

"วันนี้คุณปูจะรับอาหารเช้าที่สวนหน้าสระนะคะ ท่านบอกมากับป้าสงวน ก่อนคุณฝนจะลงมาสักครู่ได้ค่ะ"

"ค่ะ" วัสอรรับรู้ แล้วสำรวจอาหารเช้าในถาดแวบหนึ่ง "ฉันต้องเป็นคนยกไปตั้งโต๊ะใช่ไหมคะ"

"ไม่เป็นไร วันนี้ ฉันจะยกไปเอง แต่พรุ่งนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของคุณฝน สวนหน้าสระ ก็เป็นอีกแห่งที่คุณปูชอบไปนั่งพักผ่อน มองบัวสวยๆ ได้คราวละนานๆ เชียวค่ะ"

"ทำแบบนั้น จะยิ่งเหงาใจนะ คุณปูน่าจะหาภรรยาใหม่ ตกพุ่มหม้ายมาสองสามปีแล้ว คนตายก็คือคนตาย คร่ำครวญหายังไงก็ไม่ฟื้นกลับคืนมา แต่ชีวิตคนเป็นนี่สิ ยังไงก็ต้องเดินต่อไป จริงไหมพริ้มเพรา"

พริ้มเพราก้มหน้า ยิ้มที่คลี่บาง แลเหงาหงอยชอบกล หล่อนยกถาดอาหารออกไปเงียบๆ วัสอรก็ไม่ได้ติดใจสงสัย นอกจากเดินตามไปห่างๆ ระหว่างทางก็ส่ายสายตาไปเรื่อยเปื่อย

จากตรงนี้ ก็พอจะมองเห็นลานปูนกว้าง กับราวตากผ้า เห็นเด็กสาววัยรุ่นกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเครื่องซักผ้า ก็เลยเดาว่าเป็นหลานสาวของป้าสงวน และตอนนี้ ก็ทราบแล้วด้วยว่าชื่อ 'เต่าน้อย'




'เอ๊ะ พ่อหม้ายพฤติกรรมประหลาดมานั่งเต๊ะรอรับอาหารเช้าแล้วหรือ ทำไมเร็วจัง' แม่บ้านวัยใสนึกแปลกใจ แต่ก็อดค่อนขอดไม่ได้

เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ท่าทางก็บอกว่าสนใจข่าวที่กำลังเสพ แม้จะได้ยินเสียงฝีเท้า รู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ กระทั่งพริ้มเพราวางถาดอาหารลง เขาก็ยังตรึงมาดเข้มขรึม ไม่หยุดอ่าน ไม่เงยหน้า และสิ่งหนึ่งที่วัสอรไม่ทราบ และนึกไม่ถึงก็คือ 'พริ้มเพราผิดหวัง'

หล่อนผละจากเจ้านายหนุ่มมาด้วยใบหน้าเศร้า แต่ก็ยังฝืนส่งยิ้มแกนๆ ให้วัสอรที่ยืนสำรวมเจือมึนตึงอยู่ห่างๆ น้ำตาแห่งความขมขื่นรื้นขึ้นจนเบ้าร้อน แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ไหลจนใครต่อใครจับพิรุธในใจได้

หล่อนไม่เจียมตัวเอง ที่เผลอใจหลงรักเจ้านายหนุ่ม คนอื่นจำใจทำงานที่นี่ เพราะไม่มีทางไป หล่อนเองก็มีเหตุผลนั้นรวมอยู่ด้วย แต่เหตุผลหลักแท้จริงก็คือ 'หล่อนมอบใจให้ปุราณไปแล้ว' แล้วสาวใช้ต่ำต้อยคนนี้ ก็คงไม่อาจเรียกร้องความเมตตา หรือแม้แต่จะเสนอตัวให้อีกฝ่ายเชยชม

แม้ว่ามันจะเป็นความคิดที่น่าละอายนัก แต่พริ้มเพราก็ยังลอบหวังลึกๆ ว่า ความสุขสมจากเสน่หาที่ตักตวงได้จากร่างบริสุทธิ์ของหล่อน อาจจะช่วยหันเหความรักความอาวรณ์ที่เจ้านายหนุ่มมีต่อภรรยาผู้ลาจากบ้าง ไม่มากก็น้อย

แล้วบางที เยื่อใยที่ก่อเกิด ก็อาจจะชักนำความรักใหม่มาสู่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหม ท่วงท่าเคร่งขรึมไว้ตัวที่เขาตรึงอย่างมั่นคง เหมือนจะเยาะหยันในทีว่า สาวใช้คนนี้ช่างโง่นัก

"คุณปูรับอาหารเช้าเลยไหมคะ ดิฉันจะชงกาแฟให้เลย"

เพราะรู้สึกไม่ประทับใจตั้งแต่คืนวาน ทำให้วัสอรเลือกใช้สรรพนามห่างเหิน ปุราณขมวดคิ้ว ข่าวหมดความอร่อยจนต้องยุติการเสพไปเลยทันที

เขาพับหนังสือพิมพ์วางทับตัก แล้วใช้ดวงตาคู่สวย ตรึงใบหน้าเย็นชากว่าวันวานของสาวแม่บ้าน โดยเฉพาะปากบวมนิดๆ ดูจะดึงดูดให้มองจ้องได้นานเป็นพิเศษ

"ฉันขอโทษสำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้นะ"

"ไม่เป็นไร มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ ดิฉันจะไม่เข้าไปในห้องคุณปูอีกแล้ว คืนนี้ ก็จะยืนเคาะประตูอยู่ข้างนอก ถ้าคุณปูไม่เปิดรับ ดิฉันก็จะวางถาดนมสดไว้หน้าประตูนั่นแหละ"

น้ำเสียงมึนตึง กับประโยคที่เหมือนจะอวดความตั้งใจ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูพรายขึ้นแวบหนึ่ง มันจางลงอย่างรวดเร็ว เมื่อดวงตาคู่สวยกระทบกับเงารางเลือนที่พลิ้วโยกอยู่ข้างหลังสาวแม่บ้าน

"อย่าทำอย่างที่พูดมาทั้งหมดนะ เธอคงไม่ต้องการให้แม่นมโดนตำหนิหรอก จริงไหม"

"ดิฉันค่อยง้อคุณยายภายหลังได้ คุณยายรักดิฉันออก เพราะดิฉันเป็นหลานคนแรกและคนเดียว แล้วถ้าดิฉันอึดอัดนัก ดิฉันก็จะไปจากที่นี่ แม้ว่าใจจริงตอนนี้ ยังไม่ถึงกับอยากไปนักก็ตาม"

"แทนตัวเองว่าฝนเหมือนเมื่อคืนนี้ จะน่าฟังกว่า นี่คือคำสั่ง ถ้าทำไม่ได้ ก็ไปจากที่นี่ได้เดี๋ยวนี้เลย ไม่ว่าใจจริงตอนนี้ของเธอ จะยังไม่ถึงกับอยากไปนักยังไงก็ตาม แต่เมื่อฉันไล่แล้ว ก็ต้องไป"

"เผด็จการ" วัสอรงึมงำกับตัวเอง ขณะเลื่อนถ้วยกาแฟไปไว้ใกล้ถ้วยข้าวต้มทรงเครื่อง

"ฉันเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ นั่งลง"

"คะ"

"ฉันสั่งว่านั่งลง"

หนังสือพิมพ์บนตักถูกย้ายไปวางบนเก้าอี้ข้างๆ ร่างสูงขยับหันหน้าหาอาหารเช้าอย่างจริงจัง แต่วัสอรยังคงยืนอยู่ เธอไม่เชิงดื้อรั้น แต่ลังเลว่าตนอาจจะหูฝาดไป

"แม่นมไม่ได้เล่ามาในจดหมายว่าหลานสาวดื้อ สั่งครั้งเดียวไม่ปฏิบัติตาม เห็นทีฉันคงต้องโทรไปตำหนิเสียหน่อย เป็นผู้ใหญ่แต่ไม่รู้จักอบรม.. "

"อบรมแล้วค่ะ ดีมากด้วย กำชับเสียจนหูของฝน มันทั้งชาทั้งช้ำด้วยซ้ำ"

หลานสาวน่ารักของแม่นมอ่อนรีบนั่งกระฟัดกระเฟียด แถมยังรีบแก้ต่างแทนคุณยายลิ้นรัว ในแววตาก็ฉายความแง่งอนลึกเร้น แต่ไม่ว่ามันจะอยู่ลึกแค่ไหน ปุราณก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ตนสามารถแลเห็น

"อย่าทำ"

วัสอรสะดุ้งนิดๆ เธอหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมา ตั้งท่าจะทาเนยเสียดิบดี แต่เสียงเอ็ดหนักปุบปับของเขา ทำให้มันหลุดมือ ร่วงกลับลงจานดังเดิม ตาเรียวก็จ้องอย่างฉงน ในใจก็ตั้งคำถามเคืองๆ ด้วยว่า 'ไม่ให้ทำ แล้วทำไมไม่บอกดีๆ ต้องตวาดกันด้วยหรือ'

ปุราณกระแอมเหมือนสำลัก อึดอัดกับแสงฉงนในตาเรียว ไม่สะดวกจะอธิบายตามตรงว่า เขาไม่ได้ตั้งใจห้ามเธอ แต่กำลังกำราบแรงหึงหวงของสรัล

หล่อนตั้งท่ากระชากผมของเธอ และตอนนี้ ก็พลิ้วร่างหมุนคว้างคล้ายสว่าน วูบเดียวก็หายไป แต่ก็คงไม่ไปไหนไกล อาจจะไปรอให้เขาง้ออยู่ในห้องทำงาน ห้องนอน หรือตรงไหนสักแห่งในอาณาเขตเรือนริมน้ำนี่ล่ะ

"ฉันจะบอกว่า ไม่ทาเนย ขอเป็นแยมส้ม"

"แต่เมื่อกี้นี้ คุณปูตวาดดิฉัน เอ้อ ฝน" เธอเงอะงะกับประกายคมกริบที่สาดจ้ามาจากแก้วตาสีน้ำตาลเข้ม

"อีกหน่อยก็คุ้นเสียงหนักๆ ของฉันไปเอง เอ้า ทาเสียทีสิ ฉันจะกินเดี๋ยวนี้"

"เอาแต่ใจเสียด้วย"

"อืม ฉันเป็นคนอย่างนั้น"

"ไม่จริงหรอกค่ะ" วัสอรแย้งประสาซื่อ เจือกับไม่อยากยอมให้อีกฝ่ายชนะง่ายๆ  "คุณยายไม่ได้เล่าอย่างนี้สักหน่อย"

"เล่ายังไงล่ะ"

เสียงทุ้มขรึมถามไปอย่างนั้นเอง เขาไม่อยากฟังคำตอบเสียด้วยซ้ำ เพราะใจพะวงไปยังภรรยายอดรัก หล่อนจะงอนนานไหม น้อยใจที่โดนตวาดเมื่อครู่นี้มากไหม

หล่อนรักเขามาก จึงแสดงความหึงหวง ไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมาเข้าใกล้ เขาไม่ควรโกรธหรือใช้น้ำเสียงตำหนิความภักดีของหล่อนไม่ใช่หรือ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเขาไม่ชอบเห็นสุดที่รักก้าวร้าวและไร้เหตุผล

ก่อนหน้านี้ หล่อนก็เคยเล่นงานพริ้มเพราไปหลายครั้งแล้ว เพียงเพราะแม่ครัวคนงามมาป้วนเปี้ยนดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ และดูว่าจะเกินหน้าเกินตาแม่นมอ่อนอย่างเห็นได้ชัด หล่อนบอกอย่างไม่พอใจว่า

"แม่นั่นมันหลงรักปูเงียบๆ ตั้งนานแล้ว แถมยังเคยคิดให้ท่าเสนอตัวให้ปูเชยชมด้วย จะบอกให้"

"ไปกันใหญ่แล้วครับ สาวใช้ก็เป็นสาวใช้วันยังค่ำ ผมไม่มักมากพร่ำเพรื่อขนาดนั้นหรอกน่า นี่ยังไงกัน ไม่ให้เกียรติผมยังพอว่า แต่สรัลกำลังจะลบหลู่หัวใจของผมอยู่นะ นึกว่าตัวเองจงรักภักดีมั่นคงเป็นอยู่ฝ่ายเดียวหรือยังไง"

"ปู ไม่ต้องมาเฉไฉหาเรื่องชวนทะเลาะ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ แต่สรัลบอกไว้เสียเดี๋ยวนี้เลยว่า ถ้าแม่นั่นมันยังไม่เลิกตั้งความหวัง และคิดทะเยอทะยานจะมีสามีคนเดียวกันกับสรัลละก็ สรัลจะเล่นงานให้ไข้หัวโกร๋นเลย"

"บาปกรรมนะ ผมไม่ต้องการเห็นสุดที่รักของผมเป็นนางมารดุร้ายแบบนี้นา"

"ไม่รู้ล่ะ ผู้หญิงหน้าไหนก็อย่าหวังจะมาแย่งปูไปจากสรัลได้ สรัลไม่ยอม ได้ยินไหม สรัลไม่ยอม"

แล้วหัวใจเขามันก็ละลาย น้ำเสียงสั่นเครือของสุดที่รัก มันฟังเวิ้งว้างเหมือนหล่อนถูกกระชากลอยขึ้นไปในห้วงอวกาศ มันไกลลิบๆ จนเขามองไม่เห็นแม้แต่จุดกระจิริด เขาทนไม่ไหวหรอก เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหล่อน

"เราจะทำยังไงดีสรัล คุณฆ่าผมเสียดีไหม ผมไม่อยากอยู่คนละโลกกับคุณแบบนี้ ผมต้องการกอดคุณ จูบคุณ อยากให้ความรักของเราสัมผัสถึงกันได้ ทุกวันนี้ ผม.. "

"อย่าเสียใจไปเลยค่ะ สรัลกำลังหาวิธีทำให้เราได้กลับมาอยู่ในโลกใบเดียวกันเหมือนเดิมอยู่นะคะ รออีกหน่อยเถอะค่ะ แต่ระหว่างนี้ สรัลจะไม่ยอมให้มีผู้หญิงหน้าไหน มาอยู่ใกล้คุณเป็นอันขาด สรัลไม่ต้องการสูญเสียคุณไป"

"คุณไม่มีวันสูญเสียผมไปหรอก เพราะผมยกทั้งชีวิตและหัวใจให้คุณไปหมดแล้ว"

ภวังค์ซึ่งนานมาแล้ว กำลังไหลไปเพลินๆ แล้วอย่างฉับพลัน มันก็สั่นร้าวด้วยเสียงใสพริ้งแทรกเสียด คำบอกเล่าเจื้อยแจ้วก็อัดเบียดบทสนทนาโต้แย้งแตกกระเจิง

ปุราณขมวดคิ้วนิ่วหน้า เผลอหรี่ตาดุร้าย เขากระแทกช้อนตึกลงในชามข้าวต้ม แล้วตบโต๊ะปัง เสียงเจื้อยแจ้วกับคำบอกเล่าของคุณยายก็หายวับ




วัสอรตกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เธอเล่าเท้าความ ก็เป็นประโยคเดียวกันกับที่คุณยายพูดทั้งหมด ท่านยกย่องชายหนุ่มราวกับเทพบุตร ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้

แล้วทำไมคนฟังบันดาลโทสะแทบคว่ำโต๊ะเสียได้ กรอบหน้าราบเรียบออกแนวดุปนฉุนเฉียว แล้วโดยไม่มีคำอธิบาย จู่ๆ ร่างสูงก็ลุกผลุงแล้วก้าวผละไปฉับๆ

"อะไรกันน่ะ คนบ้าแท้ๆ เลย"

หลานสาวแม่นมอ่อนหลุดปากบ่นเหมือนสุดจะทนออกมา เธอยังเล่าไม่จบเสียด้วยซ้ำ อ้อ หรือว่านั่นก็คือพฤติกรรมประหลาดที่เขาทำ แล้วก่อความหวาดระแวงกึ่งหวาดกลัวให้กับคนที่นี่

มันมีแนวโน้มว่าเป็นไปได้สูงทีเดียว เดินพูดคนเดียว ยิ้มคนเดียว บทจะอาละวาดก็ทื่อๆ โทงๆ ออกมา ไม่ส่อเค้าให้รู้ล่วงหน้ากันก่อน เธอจะส่งข่าวให้คุณยายทราบแบบนี้เลยดีหรือเปล่า

ท่านกำลังป่วย แล้วท่านก็รักปุราณมากด้วย หากข่าวของเธอ มันไปช่วยตอกย้ำข่าวเดิมที่คนทางนี้เคยส่งไป ท่านคงวิตกกังวล คิดมาก กลัดกลุ้ม อาการป่วยก็คงไม่ทุเลาลงง่ายๆ

"แล้วจะทำยังไงกันละนี่"

วัสอรลุกไปยืนกอดอกหงุดหงิดใกล้ขอบสระ มองดอกบัวมากมายอย่างสับสน เมื่อวานนี้ เธอเจอดีกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่เรียกว่า 'ผี' เมื่อคืนนี้ เธอต้องประจันหน้ากับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของเจ้านายพ่อหม้าย

แล้วเมื่อครู่นี้ เขาก็เล่นบทคุ้มดีคุ้มร้าย คุยกันอยู่ดีๆ ก็อาละวาดตบโต๊ะและผลุงไปเลย ถ้าขืนให้เธอทนทำงานกับคนและสิ่งแวดล้อมประหลาดเช่นนี้ไปสักหลายวันหน่อย เห็นทีว่า เธอเองนี่ล่ะ ที่อาจจะเป็นโรคประสาทก่อน

แล้ววูบหนึ่ง แม่บ้านวัยใสก็ระลึกถึงพริ้มเพรา หล่อนก็เจอดีเหมือนกัน แต่ก็ยังทนอยู่ แล้วเธอก็เชื่อว่า แม่ครัวคนงามต้องเคยปะทะกับบทอาละวาดไม่มีปี่มีขลุ่ยของเจ้านายหนุ่มมาแล้วหลายครั้ง แต่หล่อนก็ยังทนอยู่

จึงไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมสีหน้าของคนที่นี่ จึงแลอมทุกข์หม่นหมอง แววตาแห้งแล้งซึมเซา และการใช้ชีวิตทำงานอยู่ในเรือนริมน้ำหลังนี้ ก็เป็นไปอย่างเฉื่อยเนือย ไม่มีใครอยากพูดกับใคร นอกจากก้มหน้าทำงานของตนไปเงียบๆ เพื่อให้วันในแต่ละวันได้สิ้นไป

ทันใดนั้น สันหลังก็อุ่นวาบเหมือนโดนลูบแผ่ว วัสอรหันขวับกลับไปเจอความว่างเปล่า แต่ก็นึกรู้ว่ากำลังเจอดีซ้ำสอง เธอกลืนน้ำลายปลุกความเข้มแข็ง เพราะมันไม่สนุกเลยกับการถูกผีระรานฝ่ายเดียว

"ฉันขอเตือนนะ อย่าพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีโง่ๆ ไม่ว่าจะพูดหรือทำ"

"คุณพูดเรื่องอะไร"

พอขาดคำ ร่างอรชรก็ผงะกระเด็นไปล้มกลางพื้นหญ้า โสตแว่วหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่วัสอรคิดว่าได้ยินเสียง 'เผียะ' แผ่ววาบเข้ามา ผิวแก้มร้อนซู่ขึ้น ยามรีบแตะมือลง ก็พบว่ามันเห่อวูบวาบถี่ๆ

"คุณทำอะไรฉัน"

"สั่งสอนเบาๆ แต่ถ้าเธอยังไม่เลิกสิ่งที่กำลังทำอยู่ เธอจะโดนหนักๆ "

"ฉันทำอะไร"

"ทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ฉันไม่ได้มาเพื่อประจานความคิดของเธอ แต่มาเพื่อเตือนให้สำนึกว่า อย่าท้าทายฉัน"

"คุณเป็นผีที่ไม่มีเหตุผลเลย จะระรานคน ก็ต้องบอกได้สิว่าเพราะอะไร ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้เองนะ คุณเป็นใครฉันก็ไม่รู้จัก เราอาจไม่เคยเจอกันเลยตอนคุณยังมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องเจาะจงเล่นงานฉันอย่างไม่ยุติธรรม"

'เงียบหรือ ไปแล้วกระมัง' วัสอรพูดกับตัวเอง ขณะลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว เธอโมโหที่โดนผีเกเรเล่นงานแล้วจากไป ไม่ว่าเสียงที่ได้ยินแว่วๆ เมื่อครู่นี้ จะเป็นเสียงอะไรก็ช่าง แต่เธอมั่นใจว่าตัวเองโดนตบแน่นอน

แล้วเรื่องนี้เอง ที่ทำให้เธอหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยยืนเฉยๆ ให้ใครรังแกโดยไม่ตอบโต้มาก่อนเลย แต่วันนี้ หรือเมื่อวานนี้ เธอกลับถูกกระทำอย่างย่ามใจ ผลักได้ผลักเอา ตอนนี้ก็เริ่มตบแล้ว ต่อไปเล่า เธอจะโดนอะไรอีก




ปุราณทิ้งงานบนโต๊ะ แล้วเดินมาหยุดใกล้เงารางเลือน เขาส่ายหน้าแล้วหรี่ตาตำหนิ เมื่อฟังสุดที่รักเล่าอย่างโมโหแกมหมั่นไส้

"เด็กคนนี้อวดดี ลีลาเยอะกว่าแม่พริ้มเพรา เมื่อกี้นี้ ยังกล้าตวาดสรัลด้วย"

"แล้วไปยุ่งกับเด็กทำไม ผมนึกว่าคุณจะเข้าใจแล้วเสียอีก ผมไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้น กับใครก็ไม่คิด สรัล คุณเป็นอะไรไป ความไว้วางใจในตัวผม มันหายไปแล้วหรือ คุณกลัวอะไร กลัวว่าโลกคนละใบมันจะทำให้ผมลืมคุณ แล้วหันไปมองหาผู้หญิงคนใหม่มาแทนที่คุณหรือ"

"แล้วสรัลไม่มีสิทธิ์คิดอย่างนั้นหรือคะ"

"ไม่มีสิทธิ์ ที่รักของผม อย่าคิดอย่างนั้นได้ไหม ผมรักคุณนะ กอดผมซิ คุณกอดได้นี่ กอดสิ"

อกอุ่นขึ้นวูบหนึ่ง ดั่งจะรับรู้ว่าเงาบางเบานั้นแทรกเข้ามา นี่คือสายสัมพันธ์ผ่านสัมผัสที่ต้องรู้สึกเอาเอง ปุราณขมขื่นอย่างที่สุด เขาปรารถนากอดหล่อนด้วยสองแขนของตัวเอง สรัลจะเกิดความมั่นคงทางใจมากกว่านี้ ถ้าสองกายสามารถสัมผัสถึงกันได้อย่างปกติ แต่ขณะนี้ หล่อนเป็นฝ่ายทำได้อยู่ฝ่ายเดียว

"เชื่อผมนะครับ อย่าเกเร อย่าหึงหวงไร้เหตุผล ผมไม่มีวันมองใครอีกแล้วนอกจากคุณ เอ.. กำลังจูบผมอยู่หรือเปล่า ผมร้อนๆ แถวอกนะ อย่าทะลึ่งเวลานี้ ผมต้องทำงาน ไม่อยากเสียว เข้าใจไหม"

"ไมรู้ล่ะ"

ดูหล่อนสิ อารมณ์แปรปรวนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อครู่นี้ ยังแง่งอนอยู่เลย ผ่านไปไม่ทันข้ามประโยค หล่อนก็ซุกซน ปรนเปรอเสน่หาให้เขาซาบซ่าน

แม้เขาจะยืนกรานว่าไม่เล่นด้วยในเวลางาน แม้ร่างสูงจะเดินมาถึงโต๊ะ และแม้ว่าจะนั่งเก้าอี้พรักพร้อม แต่ภรรยายอดรักก็ยังตามออเซาะให้เขาหัวใจละลาย

โอ.. ก็ไม่เชิงว่าหัวใจละลาย ชีวิตเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในอาภรณ์สีเข้มขรึมก็เริ่มซาบซ่านสั่นร้อน ปุราณหลุบตาลง มองเห็นเงาบางรางเลือนแทรกผ่านกลางสองขา กระแสกระสันก็พลันแผ่ระอุ ก่อกลั่นคลื่นใคร่ร้อนแรง

และแล้ว สามีใจอ่อนก็หลับตาลง กรอบหน้าราบเรียบ เริ่มส่ายไหวอย่างเคลิบเคลิ้ม คิ้วขมวดนิดๆ ปากกัดเบาๆ แล้วถัดจากนั้น เสียงครวญครางแหบพร่าก็พลิ้วละมุนรายล้อมเก้าอี้ตัวนั้น และนี่ก็คือ อากัปกิริยาตอบสนองราคะร้อนในจิตอันแกร่งกล้าของภรรยานั่นเอง

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 20:43:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com