นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 2
|
 |
บรรพที่ 2
แชนเดอเลียร์คริสตัลในโถงนั่งเล่นไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน ทิ้งให้ห้องอันกว้างใหญ่นั่นอยู่ในความมืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์สุกสกาวบนท้องฟ้ารั้งอยู่เพื่อนใครบางคนในห้องนั้น โคมรัตติกาลส่องแสง สีเงินยวงอันอ่อนหวานลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ลูบไล้ร่างสูงโปร่งซึ่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้โซฟา มาเป็นเวลานานนับชั่วโมง ผิวขาวเนียนราวไข่มุกชั้นดียามต้องแสงจันทร์ แลดูนวลลออ ดังตุ๊กตากระเบื้องอันเปราะบางชวนถนอม มากกว่าจะเป็นมนุษย์จริงๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลใส ยังคงเหม่อลอย จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง ใบหน้างดงามในแสงนวล ค่อยเหลียวมองผู้มาเยือน
ยังไม่นอนอีกเหรอ? เสียงทุ้มของผู้มาใหม่ถามไถ่ขึ้นมา เมื่อเห็นน้องชายนั่งเหม่ออยู่ในความมืด
...นายล่ะ
กำลังจะนอน
แล้ว?
มีกลิ่นนายลอยอยู่แถวนี้ เลยมาดูเสียหน่อย เดี๋ยวปอปอจะหาว่าไม่สนใจน้อง อคิลตอบ ด้วยสีหน้าเฉยชา
นายเป็นหมาเหรอ? ได้กลิ่นฉันด้วย คำถามนั้นไม่ทันจบประโยคดี มือใหญ่ของคนเป็นพี่ ก็ฟาดผัวะเข้ามากลางศีรษะอย่างไม่ลังเล
โอ้ย...มือหรือตีนนี่ หนักจริง?
ต่อจากมือจะเป็นตีน บอกมาได้หรือยัง กลับมาทำไม?
เอ๋? นี่พี่รังเกียจฉันถึงขั้นไม่อยากให้กลับมาบ้านเหรอ? ใจดำที่สุด หนุ่มรูปงามเบียดร่างของตน เข้ากับพนักเก้าอี้ ราวกับจะให้มันช่วยปกป้อง
ภามิน หยุดอีเดียดซะ! บอกมาดีๆ ก่อนจะเจ็บตัว
จะให้บอกอะไรเล่า ฉันไม่รู้
มาเองทำไมไม่รู้?
ก็เพราะไม่รู้น่ะสิ ถึงต้องมา
หมายความว่ายังไง? ขยายความให้มันรู้เรื่องกว่านี้หน่อยซิ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ท่าทางสิ่งที่เขาคาดเดาจะไม่ห่างไกลนัก น้องชายตัวดีมีเรื่องเครียดจริงๆ เสียด้วย แถมท่าทางจะเป็นใหญ่ไม่น้อย
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ฉันเห็น...ฉันร้อนใจ อึดอัด จนทนไม่ได้ถึงต้องกลับมาวิปุลา
ขนาดนั้นเชียว? พี่ชายขยับตัวเข้ามานั่งใกล้
นายเห็นอะไร? ที่ไหน? ยังไง?
โห...ถามรัวเป็นชุดเชียว ช้าๆ สิ
ตอบ! อคิลตวาดพลางยกมือขึ้นทำท่าจะตบศีรษะน้องชายซ้ำเข้าไปอีกครั้ง หากได้คำตอบ ชักช้าไม่ทันใจ คนถูกขู่เลยทำหน้ามุ่ยก่อนจะยอมเล่าดีๆ
เห็น....ในนี้ ตอนที่หลับ นิ้วเรียวสวยชี้เข้าที่ขมับตนเอง
นิมิตงั้นเหรอ? นานหรือยัง?
นิมิต คำนี้มีความหมายสำหรับภามินและอคิลยิ่งนัก และนิมิตสังหรณ์นี้เป็นความลับ ที่รู้กันเฉพาะพี่น้อง แม้แต่กับพลเอกภัณฑิลผู้เป็นบิดาทั้งคู่ก็ไม่เคยปริปากบอก ถึงความสามารถ พิเศษของบุตรชายคนเล็ก ตั้งแต่ยังเยาว์วัยภามินนั้นรับรู้กระแสแห่งอนาคตได้ในรูปแบบ ของความฝัน เขาเรียกมัน นิมิตแห่งฝัน แต่ด้วยความที่ยังเยาว์นัก อีกทั้งเจ้าตัวไม่ใช่คนที่ จะอธิบายถึงพลังเร้นลับของตนให้ผู้อื่นเข้าใจและยอมรับได้โดยง่าย เรื่องนี้จึงเป็นความร้อนใจ ของอคิลไม่น้อย แม้เขาจะโตกว่าน้องชายอยู่ถึงห้าปี แต่ก็ยังเป็นเด็ก ไม่มีพละกำลังพอจะ ปกป้องภามินจากสังคมรอบข้างได้ อคิลเกรงว่าจิตนิมิตนี้จะสร้างปัญหาให้กับน้องชาย ของเสียมากกว่า เด็กชายคนพี่กลัวนักหนาหากใครจะมองน้องของเขาเป็นตัวประหลาด
อคิลในวัยสิบสามปีโตพอจะมองออกว่า คนรอบข้างมองการสื่อสารของภามินว่าไม่ปกติ แค่นี้ก็สร้างความแปลกแยกให้น้องกับเด็กวัยเดียวกันมากพอแล้ว หากความลับนี้ หลุดออกไปล่ะก็ อาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับน้องชายของเขาเป็นแน่ เด็กชายไป คิดไปกระทั่งว่าภามินอาจจะถูกส่งไปทดลองเป็นมนุษย์พลังจิต อย่างที่เคยดูจาก ภาพยนตร์ต่างประเทศ พอคิดดังนี้ก็เกิดความวิตกกังวลมากมาย เด็กชายรักน้องชาย คนเดียวที่มีอยู่มากกว่าใครจะคาดคะเนถึง
อคิลกำลังย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่น เขาจึงมีความคิดอันมากมายหลั่งไหลเข้ามา พร้อมๆ กับ โรคกลัวความสูญเสีย หลังจากที่เสียมารดาไปอย่างกะทันหันเมื่อสามปีก่อน เขาไม่อาจทนเสียน้องชายไปอีกคนได้ จึงสั่งห้ามไม่ให้น้องชายบอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่บิดา ข้างฝ่ายเด็กชายวัยแปดขวบอย่างภามินเมื่อถูกพี่ชายขู่ด้วยหนังฝรั่งที่เพิ่งดูมา และเอามากรอกหูเป็นตุเป็นตะ ว่าจะถูกจับไปช็อตไฟฟ้า ฉีดยาใส่ตัว เพื่อให้พ่นเลเซอร์ ออกจากลูกตาได้ ภามินยิ่งฟังก็ยิ่งกลัว ก็สิ่งที่อคิลเล่าแต่ละอย่างมันดูโหดร้ายเหลือเกิน เด็กน้อยจึงเชื่อฟังพี่ชายและปิดปากสนิทมาจนทุกวันนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากคุณ |
:
แก้วกังไส
|
เขียนเมื่อ |
:
14 มี.ค. 54 01:18:15
|
|
|
|