Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดบันทึก เรื่องของคนเมือง ติดต่อทีมงาน

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ตั้งแต่ ปัจจุบัน อดีต และอนาคต ตามแต่จะคิดได้ และจะค่อยๆ ทะยอย ถ่ายทอดข้อความ ความรู้สึก แง่คิด และเรื่องราว ลงในเพจนี้ทุกวัน เริ่มเลยตอนนี้



15/3/2554

ผม รู้สึกตัวตื่น ประมาณ 10.00 น. สายมากทีเดียว ร่างของผมยังนอนจมอยู่กับที่นอนและกองผ้าห่ม พลิกตัวไปมา สองสามครั้ง เสียงฝนซาเม็ดอยู่ข้างนอกหน้าต่างห้องนอน อากาศเย็นสบาย สันดานผมยังคงกดร่างไว้ไม่ยอมให้ผมลุกจากที่นอน

ในความคิดของผมตอนนี้ รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่นอนตื่นสาย ใจจริงๆ อยากนอนตื่นแต่เช้า แต่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ เป็นมาอย่างนี้ ตั้งแต่ สึก ออกมาจากบวชเรียนเป็นสามเณร ก็อาจมีบ้าง ที่ช่วงทำงานประจำ บังคับตัวเองได้ ที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้างานให้ทันตามกำหนดที่บริษัทได้วางไว้ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว ผมเป็นคนนอนขี้เซา ขี้เกียจ และ สันหลังยาว

ผม รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ที่ความตั้งใจก่อนนอนล้มเหลวทุกวัน คืออยากจะตื่นเช้าๆ มาออกกำลังกายบ้าง ไรบ้าง และเตรียมตัวไปทำงาน หาเงินใช้หนี้สิน ที่เสียหมดทุกบัตรแล้ว รวมเป็นหนี้เงินกว่า สามแสนบาท ไหนจะค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเลี้ยงลูก ค่าเทอมลูก ค่าเลี้ยงดูแม่ โอ้ย...T^T อ้อ...ยังไม่รวมค่าผ่อนบ้านที่ต้องหาจ่ายทุกเดือน เดือนละ ประมาณ หกพัน บาท ทำไมหนี้สินมันเยอะแยะมากมายอย่างนี้นะ ทั้งๆ ที่โดย ปกติแล้วผมเป็นคนมีเหตุผลในการใช้จ่ายมากทีเดียว คือคิดทบทวนอย่างน้อย สามรอบ ก่อนจะซื้ออะไรสักอย่าง (ไม่ใช่ซื้อมา สามชิ้น ชิ้นละรอบนะ -_- !)

คิดด่าตัวเองในใจ แล้ว ฝืนร่างตัวเองให้ลุกจากเตียงนอน ตะกุยตะกายผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่น เดินไปเข้าห้องน้ำ ทำภาระกิจส่วนตัว (ยังอยู่ในอารมณ์เสียดายนอน)

ทำไมนะ ทำไมทุกๆ วันที่ผมใช้ชีวิต ผมจะต้องเกิดความล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นในวันใหม่ เฝ้ามองเปรียบเทียบคนอื่นแล้ว ทำไมเขาถึงได้เก่งนัก สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ บังคับตัวเองได้ ผมมันโคตรขี้เกียจเลย คงเพราะอย่างนี้ ถึงทำให้ผม ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานเลย ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เวลาน้อยลง เพราะไปทำงานสาย (ที่ำทำงานไม่บังคับเรื่องเวลา) ที่ไปทำงานสาย เพราะ นอนดึก ตีสามตีสี่ถึงจะหลับลง ที่นอนดึก เพราะ คิดมากที่ตัวเองทำงานไม่ประสบความสำเร็จ หาเงินไม่ได้ตามเป้าเสียที และ ตั้งใจที่จะตื่นเช้า จน นอนไม่หลับ และที่ทำงานไม่ประสบความสำเร็จ เพราะ ไปทำงานสาย ที่ไปทำงานสาย เพราะ ตื่นสาย ที่ตื่นสาย เพราะ นอนไม่หลับ นอนดึก ตีสามตีสี่....วนเวียนอยู่อย่างนี้

คิดจะบังคับตัวเองให้ได้ ตั้งแต่ วันพรุ่งนี้ (16/3/54) เป็นต้นไป จะเริ่มตื่นนอนที่ 7.00 น. ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่

ขณะอาบน้ำ โทรศัพท์มือถือดังไม่หยุด หลายครั้ง ทุกทีสิน่า เวลาเข้าห้องน้ำทีไร โทรศัพท์ดังทุกที

แต่ง เนื้อแต่งตัว เตรียมจะไปทำงาน หวังในใจลึกๆ ว่าวันนี้ของให้เจอแต่สิ่งที่ดีๆ ขออย่าให้มีเรื่องแ่ย่ๆ เกิดขึ้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะตั้งใจทำงาน ให้เต็มที่ ตามเวลาที่เหลืออยู่ นี่ก็ปาเข้าไป 11.00 น.แล้ว กว่าจะถึงที่ำทำงานก็คงจะ บ่ายโมง หยิบคว้าอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากบ้าน เปิดดูสายเข้าในโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าโทรเข้ามา สามสาย โทรกลับหา ได้สั่งงานเก็บเอกสารลูกค้า เพิ่มแล้ว สองราย อึม นับว่าเป็น การเริ่มวันใหม่ที่ดูเหมือนจะดี

ระหว่างทาง แวะจ่ายค่าบ้าน ค่าบิล ค่าเน็ต ค่าโน่น นี่นั่น โอย เงินออกมาแค่ หมื่น แปด จะพอยาไส้ไหมเนี่ยตรู เดือนหน้าต้องทำงานให้ได้เงินมากกว่านี้ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เพราะว่า ที่ทำงาน ลดค่าคอมมิสชั่นลง ถึง ห้าสิบเปอร์เซ็น นั่นหมายถึงว่า ถ้าผมยังทำงานได้ผลงานเหมือนเดือนที่ผ่านมา ผมก็จะได้เงินจาก หมื่นแปด เหลือแค่ เก้าพันเท่านั้น แบบนั้น ก็คงจะมีปัญหาทั้งเืดือน เหมือนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา...เดือนที่แล้ว โอ้ย...ไม่อยากจะเซด...

ทำภาระกิจ จ่ายบิล เสร็จ เดินทางถึงที่ำทำงาน ด้วยตั๋วรถเมล์ รายสัปดาห์ (200 บาท) ประมาณ 16.00 เวลานี้เข้าใจว่าไม่ต้องทำงานกันแล้ว แต่ก็ตั้งใจว่า แม้เวลาจะเหลือน้อย ก็จะทำให้ดีที่สุด โทรหาลูกค้าสัก ห้าสิบรายก็น่าจะได้อยู่นะ สองชั่วโมงเนี่ย และอาจจะสั่งงานได้ สัก งาน สองงานก็ยังดี ระหว่างทางแวะกินข้าวกระเพราหมู ที่หน้ารถไฟฟ้าใต้ดินตรง เซ็นทรัลลาดพร้าว (เข้าซอย ร้านข้างถนน) รสชาด ห่วยมาก...=_=!

ผมกำลังจะนั่งโทร แม่ของลูกผม (ตอนนี้แยกกันอยู่) เธอก็เดินมาบอกว่า ลูกสาว (วัย หกขวบ) อยากอยู่กับพี่บิว(วัยไล่เลี่ยกัน)ที่ปากเกร็ด ที่นั่นมีเพื่อนเล่นด้วย ลูกเลยขอนอนที่นั่นเลย วันศุกร์นะ ถึงจะไปรับมันกลับบ้านที่คลอง

ผม ได้ยินแล้ว เกิดอาการช๊อคไปชั่วขณะ ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะบ้านพี่สาวของเธอคนนี้ เป็นคนเดียวกันที่ เคยฆ่าผมตายทั้งเป็นมาก่อน เรื่องมันยาว...เอาเป็นว่า ผมกับบ้านพี่สาวเขา ไม่ถูกกันอย่างแรง แต่แค่พาลูกไปเที่ยวหาญาติผมไม่ว่าอะไร เพราะถือเป็นเรืองธรรมดาของญาติพี่น้อง แต่เล่น ทิ้งลูกไว้เลย เป็นอาทิตย์โดยที่ตัวเองไม่ได้อยู่ด้วย ซ้ำ บ้านที่ว่าดันเป็นบ้านที่เกลียดกันกับผม

ผมเลยพยายามอุทธรณ์ร้องขอว่า ให้พาลูกกลับมาได้ไหม ผมจะเลี้ยงจะดูแลเอง

เธอไม่ยอม สุดท้ายก็ให้เหตุผลว่า ให้ลูกไปอยู่กับพี่สาวเธอจะเป็นอะไร ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน

ผมแย้งว่า ทุกคนเป็นคนอื่น หากคนนั้นไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ แม่ ขอร้องเถอะ ให้พาลูกกลับมา

เธอ ยังคง โต้เถียงอ้างเพิ่มเติมว่า เธอยอมรับว่าหอบลูกไปไหนมาไหน ไม่ไหว เหนื่อย ผมสวนทันทีว่า ไม่ไหว ก็จะดูเองไง แต่ไม่ใช่เอาไปไว้บ้านคนอื่น แล้วบ้านนั้น ก็เคยมีเรื่องกับผมมาก่อน ถึงขนาดจะฆ่ากันตาย จะบ้าไปแล้วเหรอ สรุปจะไปตามลูกกลับมามั้ย ผมเริ่มเดือด การสนทนาของเรา เริ่มดังขึ้น...ดังขึ้น เรื่อยๆ

เธอก้มหน้า และคุยกับเพื่อนข้างๆ งึมงัมว่า จะพากลับมาเอง...วันนี้

ได้ ยินดังนั้นผมก็รู้สึกเบาใจ แล้วกลับมานั่งที่ เริ่มโทรหาลูกค้า และทำงานต่อ ขณะที่เธอกำลังเตรียมกลับบ้าน (เข้าใจว่า น่าจะไปรับลูกกลับแฟลต แล้วผมจะไปรับตอนเย็น)

สักพัก เธอโทรกลับมาว่า ลูกไม่อยากกลับ ยังอยากอยู่เล่นกับ พี่บิวต่อ ผมเริ่มปี๊ดๆๆ อารมณ์เดือด เลยบอกไปว่า ถ้างั้นผมจะไปรับเอง เธอเริ่ม เสียงดังใส่ผม หาว่าผม ชอบทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง ผมเริ่มจับประเด็นอะไรไม่ได้แล้ว อาจเพราะเธอพูดไม่รู้เรื่อง และ อาจเพราะผมอยู่ในอารมณ์โมโหสุดขีด เราโต้เถียงกัน ด่ากัน และตัดสายไป

ผมเก็บกระเป๋า เดินทางไปรับลูกจากปากเกร็ด ในขณะ ที่ฝนเริ่มลงเม็ด และเพิ่มปริมาณขึ้นมาลำดับ....

ผม โทรหาเธอไม่ติด เลยโทรหาเพื่อนที่ไปด้วยกันกับเธอ ขอคุยด้วย ...ได้คุยกัน ผมพยายามขอเบอร์ที่บ้านพี่สาวเธอ เพื่อบอกว่าจะไปรับลูกผมกลับ แต่เรายังคงเดือดใส่กัน หยาบคายใส่กัน คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่ไหวแล้วๆๆๆๆๆ ตัดสาย...

ผมโทรอีก เพื่อนรับ ผมเลยฝากบอกไปว่า ให้เธอโทรไปหาพี่สาวเธอด้วย ว่าผมจะไปรับลูกสาวผมกลับ...

ฝน ตกหนัก ผมอยู่บนรถตู้ รถติดมากทีเดียว เกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่เธอซื้อให้เมื่อตอนปีใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ใจมันร้อน มันลุ่ม หัวใจมันเจ็บปวด ทำไมนะ ทำไมเราคุยกันดีๆ ไม่ได้ ทำไมเธอต้องคอย สร้างความบาดหมางให้กันและกันตลอดเวลา บาดแผลเดิมมันมีอยู่แล้ว ผมก็พยายามตอกย้ำเหลือเกิน จะโทษเธอฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ อาจจะจริงอย่างเธอว่า ผมยึดติดกินไป ชอบทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง...

ผมลงจากรถตู้...ฝนยังคงตก หนัก ผมแทรกร่างหนีสายฝน ไปหลบอยู่ใต้สะพานลอย พลางคิดทบทวนเส้นทางที่จะไปปากเกร็ด ตรงซอยวัดกู้ ผมไม่ได้ไปนานมากแล้วตั้งแต่ ครั้งนั้น ครั้งที่ผมได้ลูกคืน ตอนนั้นลูกสาวตัวน้อยของผมอายุเพียง 6 เดือน มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในตอนนั้น แต่ก็ผ่านมาได้ ตอนนี้ ก็ 5 ปีครึ่งแล้วสินะ

ผม ตัดสินใจ ฝ่าสายฝน เพื่อวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ แม้รถติด เสียเงินค่ามิเตอร์เท่าไหร่ก็คงต้องยอมแล้ว ใจมันร้อนมันรุ่มเหลือเกิน แต่นี้ไป ผมจะดูแลลูกสาวตัวน้อยของผมเอง

รถค่อยๆ คืบคลานไปอย่างช้าๆ ฝ่าสายฝนที่ตกอย่างหนัก แอร์เย็น เป่าตาจนแสบ เสียงรายงานจราจรจากวิทยุคนขับ บอกว่ารถติด ตรงนั้นตรงนี้ ผมฟังไม่ค่อยได้ศัพท์อะไร เพราะใจลอยไปถึงลูกสาวผมแล้ว

ได้ลูกสาวมา อยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องตื่นสาย คงต้องบังคับตัวเองได้ก็คราวนี้ล่ะ อาจจะทำให้การทำงานมีเวลามาขึ้น เพราะไปทำงานเร็วขึ้น ไปทำงานเร็วขึ้น เพราะตื่นเช้าขึ้น ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ตกตอนเย็นมาจะอ่านหนังสือสอบ เพราะอีกวันสองวันก็มีสอบอีกแล้ว เรียนรามมา แปดปี สองรอบ ยังไม่จบเสียที T^T



ใจลอยคิดเรื่องต่างๆ มากมาย คิดถึงการทะเลาะกันของเราสองคน นอกจากจะสร้างบาดแผลให้กันและกันแล้ว ยังสร้างบาดแผลไว้ในความทรงจำของลูกด้วย



การทะเลาะกัน ไม่ทำใ้ห้เข้าใจกันเลย กลับยิ่งทำให้เกลียดกันมากขึ้น



รอยแผล หากเกิดขึ้นแล้ว รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ลืมไม่ได้ มันติดตัวเหมือนแผลเป็น



พยายามบอกตัวเองว่า ผมจะไม่ทะเลาะกับเธออีก อย่างน้อยๆ ก็จะไ้ด้ไม่ต้องเพิ่มรอยแผลในหัวใจของลูก...



การทะเลาะกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ปาก ใช้เสียง หรือใช้ตัวหนังสือ แค่ใช้ความรู้สึก ก็เป็นการทะเลาะกันได้แล้ว



วัน ก่อน (12/3/54) ผมไปร่วมชุมนุมที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขากลับ ประมาณ เที่ยงคืนกว่า ผมเดินเลาะมาแถวคลองหลอด เพื่อเดินดูของขายแบกะดิน และหารถกลับบ้าน เห็นคนเป็นใบ้ สามคน ยื่นทะเลาะกันอยู่ ส่งเสียง อู้ๆๆ อี้ๆๆ แล้วกระทืบเท้า ตบตีกัน...

นี่ขนาด เป็นใบ้นะ...

จากคุณ : private_execution
เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 02:17:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com