 |
น้ำเนาว์เงารัก...บทนำ
แม่คะ จาลาออกจากงานแล้วนะ... หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดฟอร์มเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มและกระโปรงยาวเลยเข่ามาหลายคืบเดินกลับเข้ามาในบ้าน เหวี่ยงกระเป๋าหนังสีดำลงกับโซฟารับแขกใบหน้างอเง้า
หนูจาหรือจาริกาบอกเรื่องสำคัญกับมารดาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคล้ายกับพูดทักทายคำปกติสามัญอย่าง กลับมาแล้วนะคะ หรือ เย็นนี้มีอะไรกินบ้าง...
อืม... มารดาซึ่งกำลังจดจ่อกับหน้าจอทีวีแอลซีดีติดผนังครางตอบเบาๆ สายตาของเธอไม่ยอมละจากละครเกาหลีที่ดูอยู่เลย ว่าแต่ปีนี้รอบที่สามแล้วนะหนูจา
แม่คะ จารู้ว่าจาเปลี่ยนงานบ่อย ไม่ใช่จาอยากทำลายสถิติปีที่แล้วหรอกนะคะ จาพยายามอย่างที่แม่บอกแล้วแต่ว่า...
ฮือ...น่าสงสาร... มารดาฟังถึงแค่นี้ก็น้ำตารื้น ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเตรียมรอซับ หนูจาเห็นภาพนี้แล้วซาบซึ้งใจ ความเหนื่อยล้าและฟุ้งซ่านที่มีอยู่ในหัวพลันบรรเทาเบาบางไปหมด...เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเก่ง คนสมบูรณ์แบบ...เธอก็แค่อยากมีคนที่เข้าใจเธอบ้างก็เท่านั้น
ขอบคุณนะคะที่แม่เข้าใจจา
มินอาน่าสงสารที่สุดเลย โถๆ แม่คุณ
จากนั้นลีรชาก็ปล่อยโฮยกใหญ่ผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยชุ่มไปด้วยน้ำตา ภาพในจอยังคงเป็นบทโศกต่อเนื่องนางเอกเกาหลีในคราบทอมบอยยืนร้องไห้ตาแดงก่ำท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายไม่ขาดสาย ส่วนจาริกาถอนหายใจหนัก
แม่เธออินจัดกับละครเรื่องนี้เป็นรอบที่ห้าร้อยยี่สิบเก้าแล้วมั้ง!
นึกว่ามีแต่ละครไทยซะอีกที่นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วพระเอกไม่รู้เรื่องรู้ราว นี่เกาหลีก็มีเหมือนกันเหรอเนี่ย!
คนที่ร้องไห้เป็นเผาเต่าเมื่อครู่น้ำตาแห้งทันที โต้ตอบลูกสาวโทษฐานที่บังอาจวิจารณ์ละครเรื่องโปรด เด็กคนนี้นี่! เรื่องแบบนี้แหละย่ะสนุกจะตาย! เนี่ยแล้วคุณแทซังที่เป็นพระเอกน่ะเขาก็ล้อหล่อด้วย สเป็คแม่เลย!
ค่า...งั้นจาจะช่วยสวดมนต์ขอให้ไทยกับเกาหลีร่วมกันสร้างละครแล้วจ้างแม่ให้ไปแสดงคู่กะไอ้นายแทซังนี่นะ... จาประชดส่งๆ ด้วยความหมั่นไส้เต็มกลั้น
ขอบใจจ้ะหนูจา แหม...ถ้าเป็นยังงั้นจริงล่ะก็แม่จะปิดซอยเลี้ยงฉลองสามวันเจ็ดวันเลยคอยดู บทอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะจะพี่ป้าน้าอา...คนใช้ก็ยอม! ค่าตงค่าตัวไม่เอาเลยก็ได้งานนี้! ดาราสาวใหญ่วัยสี่สิบกว่ากะรัตผู้ขึ้นชื่อเรื่องเลือกงานออกปากอย่างคิดเป็นจริงเป็นจัง รำพึงเป็นตุเป็นตะ ไม่ได้สนใจลูกสาวที่เดินกระแทกเท้าหน้าหงิกเง้ากว่าเดิมผ่านหลังไปแม้แต่น้อย
มือเรียวเปิดประตูห้องเข้าไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เสียใจ น้อยใจ โกรธ...แค้น...เคือง เบื่อหน่าย และว่างเปล่า
ตาคมกวาดมองรอบห้องส่วนตัวที่โอ่โถงสวยงามประหนึ่งห้องของเจ้าหญิงในนิทาน เธอมีเตียงนอนสี่เสาขนาดใหญ่ที่คนตัวโตๆ มานอนกลิ้งคว่ำกลิ้งหงายได้ราวสามสี่คนสบายๆ เธอมีตู้เสื้อผ้าเต็มด้วยชุดแบรนด์เนมเลิศๆ ไม่ก็สั่งตัดจากห้องเสื้อชั้นนำของประเทศสามตู้เรียงติดกัน...เครื่องประดับ กระเป๋าและรองเท้ามีตู้แยกไว้เป็นอย่าง
ที่กระจกเต็มตัวบานใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้าสะท้อนภาพของหญิงสาววัยยี่สิบสี่ที่สวยสะพรั่ง ใบหน้าเรียวหน้าผากมนไรผมรูปหัวใจ คิ้วโก่งตาคม ขนตางอนยาวหนาเป็นแพโดยไม่ต้องต่อ จมูกเธอโด่งสวยรับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ...ไม่มีส่วนไหนบนใบหน้าของจาริกาที่ไม่ชวนมอง ยิ่งโดยเฉพาะทรวดทรงองค์เอวของเธอด้วยแล้ว เคยได้ยินคำนินทากาเลของเพื่อนร่วมงานลอยมากระทบสองหูว่ามันช่าง ยั่วยวนชวนเชิญ ทั้งๆ ที่เธอก็ไม่เคยใส่ชุดที่ดูส่อเจตนาอย่างเขาว่านั่นสักครั้งเดียว...
จาริกาทิ้งร่างระเหิดระหงโค้งเว้าที่หญิงสาวหลายต่อหลายนางแอบอิจฉาและเก็บเอาไปค่อนขอดนินทาสนุกปากลงกับเตียงน้ำนุ่มเด้งซึ่งคลุมด้วยผ้าไหมสีชมพูอ่อน
ดึงมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ราคาเรือนหมื่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท นึกอยากกดไปหาพ่อใจแทบขาด...แต่คิดดูอีกทีก็ต้องยิ้มแหย...พ่อคงไม่มีเวลามานั่งฟังเธอบ่นระบายเรื่องแย่ๆ หรอก พ่องานยุ่งวุ่นวายตามประสานักธุรกิจแถมครอบครัวใหม่และลูกสาวคนใหม่น่ารักน่าชังคงแย่งเวลาว่างไปหมดไม่มีเหลือให้กับลูกสาวคนเก่าอย่างเธอหรอก ยังจำครั้งล่าสุดเมื่อสามเดือนก่อนที่พ่อรวบรัดตัดความรีบวางสายทั้งที่เพิ่งจะคุยกันได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ...
จาริกาดูเหมือนจะมีครบพร้อมทุกสิ่งอย่างทั้งรูปสมบัติและพัสถาน ดูเป็นคุณหนูกรีดกรายสะดวกสบายทุกสิ่งอย่าง แต่จะมีใครรู้บ้างไหมว่า...ท่ามกลางความพร้อมที่น่าริษยานี่กลับไม่มีใครที่เข้าใจพร้อมจะรับฟังเธอ อยู่เคียงข้างเธอเลย...ไม่มีเลยแม้สักคนเดียว
และความเหงาจับขั้วหัวใจก็ทำให้น้ำตารินไหลอาบแก้มอย่างควบคุมไม่ได้...
ณ อีกมุมหนึ่งของกรุงเทพมหานครเมืองอมรของคนมีระดับ
เอาล่ะค่ะคุณผู้ชมข่าวต่อไปเป็นเรื่องแวดวงศิลปะบ้านเรากันบ้าง สำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะสาวๆ เนี่ยถ้าเอ่ยชื่อ บุรินทร์ บุญเต็มใบ หรือคุณบูม คงจะต้องร้องอ๋อรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่... ผู้ประกาศสาวสวยช่องฟรีทีวีออกอาการกระดี๊กระด๊าหน้าบานทันทีที่ได้อ่านข่าวของศิลปินหนุ่มชื่อดังนามบุรินทร์
เร็วๆ นี้เขาจะมีนิทรรศการภาพเขียนชื่อว่า Hello BANG!- KOK! ที่ Art&Soul Gallery รายละเอียดเชิญติดตามได้เลยค่ะ... ภาพตัดจากหน้าแฉล้มของผู้ประกาศเข้าเนื้อข่าวซึ่งเป็นภาพบรรยากาศการเตรียมสถานที่ ตัวอย่างภาพเขียนสีอะคริลิก สีน้ำมันบางส่วน และขณะที่จอแก้วกำลังฉายภาพสัมภาษณ์ชายหนุ่มคิ้วเข้มตาโต ผิวขาวจัดจนออกซีด ไว้หนวดเคราจนแลดูแก่กว่าอายุจริง โทรทัศน์ก็ถูกกดเปลี่ยนช่องอย่างฉับไว
อาจจะเป็นโรคแปลกประหลาดติดตัวของเขาอย่างหนึ่งละมัง บูมหรือบุรินทร์ บุญเต็มใบ ไม่ค่อยชอบดูตัวเองตามสื่อต่างๆ เท่าไรนัก โดยเฉพาะกับภาพเคลื่อนไหวอย่างทีวี มันค่อนข้างยากและน่ากลัวสำหรับคนที่ตระหนักว่าตัวเองเป็นนักดนตรีกับศิลปินวาดภาพไม่ใช่ดาราดัง จะต้องโดนช่างภาพถือกล้องตัวใหญ่ตามติดแจ นักข่าวก็คอยหาเรื่องเบี่ยงเบนประเด็นสัมภาษณ์จากเรื่องงานเป็นเรื่องส่วนตัวทุกทีไป
เรื่องสื่อ การประชาสัมพันธ์มีส่วนช่วยสนับสนุนงานของเขาก็จริง แต่บุรินทร์ก็อยากให้ทุกคนโดยเฉพาะสาวๆ สนใจตัวผลงานมากกว่าหนังหน้า... อยากได้รับความชื่นชมในฐานะศิลปินที่รังสรรค์งานศิลปะ ไม่ใช่ได้รับความชื่นชมในฐานะทายาทคนโตของอดีตท่านนายพลวรพล บุญเต็มใบ นายทหารผู้มีอิทธิพลอันดับต้นๆ ของประเทศเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่แม้กระทั่งตอนนี้ถ้าเอ่ยชื่อท่านก็ยังมีคนยำเกรงบารมีอยู่
เฮ้อ! ทำได้ตอนนี้ก็แค่ระบายความเครียดความเซ็งทางลมหายใจ บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ ไม่มีทางที่เราจะได้ทุกสิ่งที่เราปรารถนาหรอก... บูมยกมือเกาหัวแกรก ไอ้นิสัยเกาโน่นเกานี่ก็อีกอย่างละที่เวลาเครียดๆ แล้วคุมไม่อยู่ทุกที
ระหว่างที่โทรทัศน์ยังไม่มีรายการอะไรที่น่าสนใจชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงยีนส์มาเช็คตารางงานที่บันทึกเอาไว้ ช่วงใจลอยคิดวางแผนงานล่วงหน้าไปเรื่อยเท้าก็พาลเดินว่อนไปรอบห้อง
เอ๋ง!!!
เอ๊ยไอ้วัฒน์! บูมสะดุ้งสุดตัว รีบก้มลงดูสุนัขพิทบูลตัวล่ำขนสีน้ำตาลอ่อนที่โดนเหยียบขาเข้าจนสำออยร้องลั่นเสียฟอร์มหมาโก้อกผายไหล่ผึ่งไปแยะทีเดียว ขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ!
ไอ้วัฒน์หรือชื่อเต็มๆ ว่านิวัฒน์มันคงแอบเข้ามาทางประตูหมาลอดตอนที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันเห็น
นี่อะไร เอาของมาส่งให้เหรอ... มือใหญ่ลูบหัวอย่างปะเหลาะเอาใจก่อนหยิบถุงพลาสติกข้างในใส่กล่องกระดาษสีแดงแจ๊ดขึ้นมาจากพื้น นอกจากจะเป็นหมาตัวโปรดของพ่อแล้วไอ้วัฒน์ยังพ่วงตำแหน่งเมสเซ็นเจอร์แสนรู้ประจำบ้านอีกด้วย
อะไรกันน้า... บูมผิวปากแกะกล่องอย่างใจเย็น รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้แกะของขวัญ เขาชอบเซอร์ไพรส์
กระทั่งได้เห็นของที่อยู่ข้างในเต็มสองตาโตนั่นแหละ ขนทั่วทั้งสรรพางค์กายเขาลุกเกรียว เสียวสันหลังวาบ... มันเป็นการ์ดแดงพร้อมข้อความหวานจ๋อยชวนสะอิดสะเอียน
Miz ya มากนะคะที่รัก คืนนี้อยากไปหาคุณจัง... Luv ya, my darling ช่อมาลีที่รักของคุณ!
ที่รักอะไร! ดาล้งดาลิ้งบ้าอะไรเนี่ยยัยช่อมาลี!! บุรินทร์ตาวาวด้วยอารมณ์ขุ่นกับหญิงสาวที่เจอหน้าค่าตากันเพียงครั้งเดียวราวอาทิตย์ก่อน หญิงสาวซึ่งเป็นลูกเพื่อนแม่...เพื่อนคนที่พลัดพรากไม่ได้เจอกันนานนับยี่สิบปี
ใต้การ์ดมีผ้าลูกไม้สีดำมะเมี่ยมชิ้นเล็กพับอยู่ด้วย...โชคร้ายที่ความอยากรู้เร่งให้บูมคลี่ออกดู เพราะมันคือจีสตริงลูกไม้บางจ๋อยไม่รู้ว่าผ่านการใช้งานมาแล้วหรือไม่...เหลือกตาโตๆ ดูดีๆ จะเห็นว่ามันมีรอยน้ำตาเทียนหยดติดอยู่ ออกจะโย้เย้แต่พอปะติดปะต่ออ่านออกว่า 4 U
ชายหนุ่มคิ้วเข้มเกิดอาการปั่นป่วนมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะความสยิวกิ้วแต่เพราะอาหารมื้อเที่ยงอยากจะย้อนกลับออกมาทางเดิมต่างหาก...
ยัยช่อมาลี... บุรินทร์คำรามชื่อคู่หมั้นหมาดๆ ของตัวเองอย่างเคียดแค้น ให้ตายเถอะ! สุภาพบุรุษอย่างเขาไม่เคยต้องกระด้างกระเดื่องกับผู้หญิงที่ไหนมาก่อนเลยแม้จะรำคาญสักแค่ไหนก็ตาม มาตบะแตกย่อยยับก็กับผู้หญิงแสบสันต์ชื่อช่อมาลีนี่แหละ!
ตอนนี้ศิลปินหนุ่มเกลียดชะตาชีวิตบัดซบของตัวเองที่สุด...สัญญาเมื่อสายัณห์ระหว่างสองสาวเพื่อนซี้จากเมืองจีนที่ว่ามีลูกชายกับลูกสาวจะให้แต่งงานกัน...คลุมถุงชนชัดๆ น้ำเน่ายุงชุมระเบิดระเบ้อสิ้นดี!!
แล้วเขาจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย...บุรินทร์ยังมืดแปดด้าน มองไปทางไหนก็ไม่เห็นอนาคตอันสงบสุขของตัวเอง...ไม่มีเลย...
((มีต่อค่ะ))
| จากคุณ |
:
ปลากินเมฆ
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 มี.ค. 54 13:51:00
|
|
|
|
 |