ฝนตกมาสองวันแล้ว
ฉันยังคงตื่นตอนเช้าเพียงลำพัง
สายลมลูบไล้เรือนร่างต้นไม้และผืนดิน
ละอองฝนชำระฝุ่นละอองสีหม่นมัวที่เคยเกาะตามใบไม้
ให้กลับมาเขียวขจีอีกครั้ง
ค่ำคืนหนาวลม
ได้แต่หลับฝัน
นอนห่มเธอ
หยดน้ำค้างแพรวพราวทั่วทั้งสวนดอกไม้หลังบ้าน
ใบไม้ไหวตามจังหวะโยกของสายฝนอย่างแผ่วเบา
ดอกว่านสี่ทิศสะพรั่งราวกับเฟรนช์ฮอร์นสีขาวแห่งธรรมชาติ
เตรียมออเคสตร้าวงเล็กๆบรรเลงบทเพลงผ่านเสียงนกน้อย
ที่เคยเจี๊ยวจ๊าวอยู่บนหลังคาบ้านทุกเช้า
อรุณรุ่งย่างสู่ฤดูร้อน
สายฝนกลับโปรยปราย
ลมหนาวกลับพัดโชย
ฉันนั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงนกเสียงฝน
บรรยากาศดูสมถะกว่าชีวิตกลางแสงสีในเมืองหลวง
ที่เคยเตร็ดเตร่เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
จริงๆแล้วชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย
ถ้าหากเข้าใจตัวมันเองและเข้าใจสิ่งที่ทำอยู่
ว่ามันให้อะไรกับผู้คน กับตัวเอง และกับโลกบ้าง
ตื่นแต่เช้า
มีชีวิตอยู่บนโลกนานขึ้น
ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการ
ฉันค่อนข้างประหลาดใจเกี่ยวกับความซับซ้อนของผู้คน
ทั้งที่ชีวิตในตัวของมันเองนั้น
เรียบง่ายยิ่งกว่าผ้าลินินบนเตารีดจากมือแม่บ้านเพิ่งแต่งงาน
เราต้องการอาหารเพียงเล็กน้อยต่อมื้อในตอนเช้า
เพียงเพื่อประคองร่างกายตัวเองได้ทำกิจกรรมของชีวิต
เพราะเรารู้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเที่ยงวัน
และต่อจากนั้นอีกสี่ห้าชั่วโมงก็ถึงถึงเวลาเย็น
วนเวียนวัฏจักรเช่นนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เราต้องการเสื้อผ้าที่ยังความอบอุ่นแก่เรือนร่าง
ให้พอคลายจากความเหน็บหนาว
ได้พักผ่อนในที่ที่เพียงพอกับการหลับนอนเพียงลำพัง
หรือสองสามคนกับครอบครัว
และบางคนรักษาโรคจากอาหารโดยที่เขาไม่ต้องใช้ยา
แท้จริงแล้วเราต้องการปัจจัยเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง
หยดน้ำแห่งความรักเอ่อล้น
หลั่งไหลเป็นสีแพรวพราว
สะท้อนชีวิตเต็มเปี่ยมพึงพอ
สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติหน้าที่ งานที่ใครต่อใครกำลังทำอยู่
บางคนเขียนหนังสือ บางคนรับราชการ บางคนทำงานบริษัท
บางคนค้าขายทำธุรกิจ บางคนเรียนหนังสือและทำงานพิเศษเล็กๆน้อยๆ
นั่นคือสิ่งสำคัญนอกเหนือจากความต้องการอันจำเป็นของชีวิต
เราจะรู้ว่าตัวเองมีความสุขก็ต่อเมื่อคนอื่นได้รับความสุขจากงานที่เราทำ
เธอเขียนหนังสือได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาทำอาหารได้อร่อยกว่าครั้งที่แล้ว
เราให้บริการเรื่องเดิมๆดีกว่าที่คนอื่นคาดหวัง
ฉันเหม่อมองสายฝนโปรยปราย
ราวกับถ้อยคำจากฟากฟ้า
ยังความชุ่มชื้นมาสู่พื้นดินและลำธาร
คงมีแต่กวีเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เปิดประตูของชีวิต
ไปสู่ดินแดนแห่งความงดงามเหล่านั้นได้
บางครั้งฉันก็อยากเป็นแบบนั้น
แต่ใครเล่าจะเป็นผู้อนุญาต
ให้ดวงตาอันมืดบอดจากแสงสีในเมืองหลวงของฉัน
มองเห็นความงามเหล่านั้นได้
พวกเขา
เก็บเมฆที่เลือนหายไปให้คงอยู่
เก็บใบไม้ไหวยามเช้าตรู่ให้คงเห็น
เก็บเงาแสงที่ลับเลือนในยามเย็น
เก็บหยดน้ำมิให้ซ่านกระเซ็นยามลับลา
ฝนตกที่เชียงใหม่สองวันแล้ว
จะมีจังหวัดไหนบ้างหนอที่ฝนตกตอนเช้าเหมือนตอนนี้
จะมีใครสักคนไหมหนอนั่งมองหาความงามในธรรมชาติ
ด้วยสายตาอันเดียวดายเช่นเดียวกับฉัน
สายลมเอย
ช่วยพัดพาความรู้สึกอันลึกซึ้งที่ฉันมีในตอนนี้
ฝากถึงใครบางคนให้เป็นเสมือนกลิ่นดอกไม้ที่ไม่มีวันโรยราด้วยเถิด
17 มีนาคม 2011