Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย บทที่ ๒ : ลองเชิง ติดต่อทีมงาน

+++ หายไปหลายวันค่ะ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาแบบไม่ยอมหยุดเลยสามวันสามคืนติดต่อกัน งานนี้เลยเกิดอาการขนงอกซะงั้น มุดออกจากผ้าห่มที ขนนุ่มฟูไปทั้งตัว 555 (พูดตรงๆ ก็คือ มันหนาวจนทำให้ขี้เกียจนั่นแหละค่ะ >< +++


บทที่ ๒ : ลองเชิง


วรกายโปร่งประทับเอนปฤษฎางค์พิงพระขนนอยู่เงียบๆ มาตลอดทางกลับคืนคุ้ม หากสายพระเนตรกลับกวาดไปรอบบริเวณอย่างสังเกต มิใช่ตามประสาแม่ญิงที่สนพระทัยของสวยของงาม หากเป็นการทอดพระเนตรเพื่อประเมินกำลังทหารของเวียงสบสอง ตลอดจนเส้นทางต่างๆ ในอาณาบริเวณกำแพงล้อมแห่งนี้ เจ้านางกาสะลองทรงจดจำพระวาจาของพระราชบิดา แลคำสอนของพ่อครูอินผญาได้ดี การปกครองที่ดีต้องเริ่มจากในเรือน แม้นภายในยังปกครองมิได้ สำมะหาอันใดกับการปกครองภายนอกที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะเรือนที่ข้าคนยังปรามาสนายผู้ครองเรือนว่าเป็นเพียงแม่ญิงเยี่ยงนี้ ลำพังเพียงตำแหน่งแห่งที่แลเส้นทางต่างๆ นั้นมิใช่ปัญหาใหญ่ ด้วยพระราชมารดาทรงแถลงความไว้โดยละเอียดก่อนที่จักเสด็จมาแล้ว ถึงหนทางในเขตกำแพงล้อมจักวกวนในบางจุดแลมีทางเล็กๆ แยกย่อยออกไปก็ตาม แต่ก็กำหนดแน่นอนตายตัวไม่เหมือนใจคน

เมื่อขบวนเสด็จเคลื่อนมาถึงข่วงกว้างที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเขตฝ่ายหน้าแลฝ่ายใน เจ้านางกาสะลองก็ทรงขยับเปลี่ยนพระอิริยาบถพลางตรัสสั่งให้ทหารสี่นายที่แบกเสลี่ยงอยู่นั้นลดเสลี่ยงลงเสีย ทหารเหล่านั้นแม้จักแปลกใจหากก็มิได้ทักท้วงอันใด คงทำตามพระประสงค์แต่โดยดีด้วยการบรรจงวางบนพื้นหญ้านุ่มอย่างระมัดระวัง เมื่อเสลี่ยงแตะพื้นหญ้า ผู้เป็นนายก็ก้าวลงมายืนนิ่งอยู่วิบหนึ่งก่อนมีพระเสาวณีย์ให้ปวงผู้ติดตามแยกย้ายกลับไป สร้างความงุนงงให้กับเอื้องคำยิ่งนัก ครั้นเหลือเพียงนาง แจ้งหล้า แลผู้เป็นนายแล้ว พระพี่เลี้ยงสาวก็อดปากไว้มิได้  

“เจ้านางน้อยเจ้า ยังมิถึงคุ้มหนาเจ้า ไยทรงให้พวกนั้นแยกกันไปเสียเล่า”

“แล้วจักตามข้ามาเป็นพรวนด้วยเหตุใดเล่าพี่ อีกอย่างข้าก็ยังมิอยากกลับคุ้มสักน้อย”

เอื้องคำทำสีหน้าปั้นยากเต็มที ถึงจักรู้พระอุปนิสัยดีว่าไม่โปรดให้มีข้าทาสบริวารติดตามกันจนเอิกเกริกก็ตาม แม้นเป็นที่เวียงฟ้านางคงยอมตามพระทัย แต่ที่เวียงสบสองนี้อันใดก็ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยสักอย่าง การมีคนติดสอยห้อยตามน่าจักเป็นการดีกว่า

“แต่ว่า...”

“พี่เอื้องคำ ไปเดินเล่นกับข้าตรงโน้นดีกว่า”

เจ้านางกาสะลองทรงทำมิรู้ชี้เสียด้วยการเอ่ยชวนพระพี่เลี้ยงสาว แลทำท่าจักทรงเข้ามาดึงแขนอีกฝ่ายไปด้วยกัน แต่ก็ต้องทรงชะงัก เมื่อแจ้งหล้าเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เสด็จกลับคุ้มเสียก่อนจักดีกว่าเจ้า เจ้านางน้อย”

“ข้ามิอยากกลับ” อีกฝ่ายยังคงดื้อดึงทำตามพระทัยตน

“ทรงเชื่อข้าเจ้า เสด็จกลับไปพักให้หายอิดเสียก่อน อุ่นเมืองมันว่าอย่างใด ทรงลืมแล้วฤๅ”

“ข้ามิได้ลืม”

“มิทรงลืมก็ดีแล้ว อย่าให้มันใค่หัวเจ้านางน้อยได้ ที่ริมแม่น้ำทรงบอกข้าเจ้าว่าอย่างใด นี่ไม่ทันข้ามวันก็ทรงเป็นเยี่ยงนี้”

เจ้านางกาสะลองพักตร์ตึงเมื่อสดับวาจาเชิงตำหนินั้น ก็เผลอองค์เชิดพักตร์ขึ้นน้อยหนึ่ง พระกิริยาเยี่ยงนี้ล่ะที่ทำให้สองพระพี่เลี้ยงต้องหันมามองหน้ากัน เพราะนั่นหมายว่าเจ้านางน้อยของพวกตนเริ่มจักทรง 'ออกฤทธิ์'

“ข้าแค่อยาก 'เดินเล่น' รอบๆ นี่เท่านั้น ไยต้องมาว่าข้าเยี่ยงนี้”        

สุรเสียงใสเริ่มติดห้วนแลจงพระทัยเน้นคำเดินเล่นชัดเจน ลงว่าเจ้านางกาสะลองทรงทำสุรเสียงเยี่ยงนี้เมื่อใด เอื้องคำรู้ตนดีว่าลำพังตัวนางคงมิอาจห้ามปรามได้ บ่อยครั้งที่คนห้ามต้องกลายมาเป็นผู้สมรู้เสียเอง แล้วก็พลอยถูกเจ้านางหลวงทรงดุแลคาดโทษตามเจ้านางน้อยของตนไปเสียด้วย กระทั่งจอมภพเวียงฟ้าทรงอดสงสารมิได้ ถึงขั้นรับสั่ง

“เอื้องคำรึจักเอากาสะลองอยู่ น้องอย่าไปว่ามันเลย โน่นตัวแพ้ของกาสะลองอยู่โน่น คราวหลังถ้ารู้ตนว่าเอานายเจ้าไม่อยู่ก็ตามแจ้งหล้ามาช่วยก็แล้วกัน”

ครานี้ก็เฉกกัน ปล่อยให้ 'ตัวแพ้' ทำหน้าที่จักดีกว่า นางขอเป็นฝ่ายนิ่งฟังเงียบๆ หากเห็นท่าไม่ดีอย่างใดแล้วค่อยว่ากันอีกที อีกประการหนึ่งนั้นเล่า เท่าที่นางจับถ้อยความมาพักใหญ่นั้น ก็พอรู้ได้รางๆ ว่า พระประสงค์ที่จักเดินเล่นนั้น คงมิพ้นเกี่ยวพันด้วยราชกิจอีกตามเคย แลดูเหมือนว่าจักทรงมีนัยที่รู้กันอยู่เฉพาะองค์เองกับแจ้งหล้าเท่านั้น      


“ข้าเจ้าว่ารึ ข้าเจ้าเพียงแค่เตือนเท่านั้นหนาเจ้า”

แจ้งหล้าย้อนถามเสียงเรียบ ทว่าเจ้านางกาสะลองกลับทรงเมินทอดพระเนตรทางอื่นเสีย ราชองครักษ์หนุ่มถอนใจเฮือก รบกับน้องน้อยคนนี้ใช่เพียงเหนื่อยกาย หากยังเหนื่อยใจเสียอีกเล่า ยามดีก็ทรงว่าง่ายอยู่หรอก แต่ยามร้ายนี่แม้นไม่ติดว่าทรงเป็นแม่ญิงจักจับมาถวายตุบสักทีสองที

“เจ้านางน้อย อีกกึ่งเพ็ญก็ต้องทรงนั่งเมืองแล้ว จักทรงเอาแต่พระทัยได้อย่างใดเจ้า”

ครานี้คู่สนทนาทรงหันขวับมาทันใด เนตรสีนิลวาววามแลขุ่นขวางใช่น้อย หากคนพูดยังทำใจเย็น

“เจ้าหลวงเอาแต่พระทัย เฮอะ ข้าราชบริพารมันคงนับถืออยู่หรอก”

“พี่แจ้งหล้า มันจักมากไปแล้ว ผู้ใดว่าข้าเอาแต่ใจ” ครานี้สุรเสียงใสเกือบเป็นตวาด

“ผู้ใดมันจักกล้าว่าให้เจ้านางน้อยได้ยินล่ะเจ้า ยกเว้นแจ้งหล้าคนนี้”

“พี่มิรู้อันใด อย่ามาว่าเยี่ยงนี้”

“ไม่ว่าเยี่ยงนี้ จักว่าเยี่ยงใด เพลาควรเสด็จกลับคุ้ม ควรทรงพักก็ไม่ทำ กลับจักเดินเล่น”

“พี่แจ้งหล้า”

เจ้านางกาสะลองทรงจ้องอีกฝ่ายอย่างกริ้วจัด แจ้งหล้ามองสบเนตรเขียวปั้ดคู่นั้นอย่างมิหวั่นเกรง ความเงียบพลันเกิดขึ้นจนแทบได้ยินเสียงใบไม้ไหว เอื้องคำเองก็พลอยหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วย ชั่วอึดใจใหญ่ความเงียบอันน่าอึดอัดนั้นจึงถูกทำลายลงด้วยเสียงทอดอ่อนโยนของราชองครักษ์หนุ่ม

“เจ้านางน้อย ข้าเจ้ารู้ว่าทรงมีพระประสงค์สิ่งใด แต่การฝืนกำลังพระองค์เองหาใช่สิ่งดี เรามิได้อยู่เวียงสบสองนี้เพียงทิวาสองทิวาเมื่อใด อย่าทรงเร่งร้อนนัก ค่อยเป็นค่อยไปจักดีกว่า”  

“แม้นมิรู้ความเป็นไปเอาเสียเลย นั่นยิ่งไม่น่าถูกใค่หัวมากกว่าหรอกรึ”

เจ้านางกาสะลองตรัสถามภายหลังจากที่ทรงตรองตามวาจาของราชองครักษ์คนสนิท คนถูกถามยิ้มอ่อนๆ กับคำถามนั้น จริงอยู่ว่าเจ้านางกาสะลองทรงได้รับการดูแลปลูกฝังมาเยี่ยงเจ้าราชบุตร ที่ผ่านมาก็ทรงสำแดงให้เห็นแล้วว่าทรงเชี่ยวชาญเรื่องการเมืองการปกครองนัก ปวงข้าราชบริพารเวียงฟ้าเองก็เห็นไปในทางเดียวกันว่า ทรงพระปรีชายิ่งกว่าพระอนุชาฝาแฝดเสียอีก แม้นเป็นพระราชโอรสก็เห็นจักได้กินตำแหน่งเจ้าอุปราชเวียงฟ้า หากทรงเป็นแม่ญิง จึงจำต้องส่งมากินเวียงสบสองแทน แจ้งหล้าได้ถวายการรับใช้ใกล้ชิดมากกว่าข้าราชบริพารคนใด จึงรู้ดีว่า บางคราวเจ้านางน้อยของเขาก็มีพระดำริเยี่ยงแม่ญิงอยู่ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี ด้วยบางสิ่งบางอย่างนั้นหากเป็นชายก็คงมองข้ามไปเสียมิได้กระทำการให้รอบคอบสักเท่าใด แต่บางเรื่องก็กลับกลายเป็นเรื่องหยุมหยิมแทน ดั่งเช่นครานี้ หากเขาก็มิได้ทูลออกไปตรงๆ      

“ข้าเจ้าเชื่อว่าคนพวกนั้นมิถามเรื่องง่ายๆ หรอกเจ้า รับขวัญว่าที่เจ้าหลวงองค์ใหม่ทั้งที ต้องลองเชิงลองกำลังกันหน่อยละ เจ้านางน้อยทรงเชื่อข้าเจ้าเถิด ทรงพักผ่อนเสียก่อน อีกเมินกว่างานแลงนี้จักเริ่ม”

ผู้เป็นนายสรวลออกมาเบาๆ เมื่อสดับเสียงกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายที่พูดถึงเรื่องลองเชิง อันที่จริงมิต้องรอถึงราตรีนี้หรอก การรับขวัญว่าที่เจ้าหลวงพระองค์ใหม่เริ่มขึ้นตั้งแต่ทรงเหยียบแผ่นดินเวียงสบสองแล้วต่างหาก ราตรีนี้ชะรอยว่าจักม่วนอยู่ใช่น้อย เคราะห์ดีที่เมื่อครู่นี้เอื้องคำมิได้ตามเสด็จเข้าไปในท้องพระโรงหอคำ หาไม่นางคงแทบลมสว้านจับเมื่อเห็นคนผู้นั้นอาจหาญต่อปากคำด้วยเจ้านางน้อยของตน

“ข้าจักทำตามที่พี่ว่า พี่เองก็พักผ่อนเสียด้วย ราตรีนี้ข้าหวังว่าคงจักเห็นพี่อยู่ด้วยหนา”

“ข้าเจ้าไม่ร่วมได้ด้วยฤๅเจ้า” ชายหนุ่มว่ากลั้วหัวเราะ “ขืนไม่ไป เจ้านางน้อยก็คงจักทรงหาทางลากข้าเจ้าไปด้วยจนได้นั่นล่ะ”

“รู้ก็ดี พี่แจ้งหล้า” จากสุรเสียงแจ่มใสเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “ฉวยข้าพลาดพลั้งอย่างใด วานพี่ช่วยข้าด้วยก็แล้วกัน”

แจ้งหล้าไม่ทูลตอบว่าอย่างใด นอกจากค้อมศีรษะเป็นเชิงตอบรับเท่านั้น เขารั้งรออยู่จนเจ้านางกาสะลองดำเนินลับหายไปในเขตฝ่ายในพร้อมกับเอื้องคำแล้ว จึงเดินแยกไปยังที่พักของตนเงียบๆ  


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 13:27:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com