“ช้าเป็นเต่า” วินธัยเอ่ยขึ้นหลังน็อกรอบเธอได้ ก่อนจะหมุนตัวเข้ามาล็อกตัวชูการ์ไว้ ปลดอาวุธด้วยการกระชากไม้เบสบอลอย่างง่ายดายพร้อมแกว่งไปมาเยาะเย้ย
“ไร้ฝีมือสุดสุด” ธามเอ่ยเสียงเยาะ จ้องมองเธอที่อยู่ในอ้อมกอดเอเลี่ยนวินธัยแล้วหลิ่วตาให้ จากนั้นร่างสูงโปร่งก็เดินไปนั่งแหมะที่เตียงนอนสุดรัก หยิบตุ๊กตาหมีแพนด้าบนหัวเตียงมากอดแนบแน่น
“กรี๊ดดดด ออกห่างน้องหมีหยุนจื่อของฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้สกปรกจากต่างดาว” เส้นความกลัวชูการ์ขาดผึ่ง บังอาจทำน้องหมีหยุนจื่อสุดรักสุดหวงเปื้อนเชื้อโรคต่างดาวแบบนั้น
ชูการ์ดิ้นรนจะออกจากอ้อมกอดเอเลี่ยนวินธัยให้ได้เพื่อไปช่วยหยุนจื่อหมีน้อย ธามหลิ่วตาอีกหน ก่อนอ้าปากงับพุงป่อง ๆ ของตุ๊กตาแพนด้า
“สกปรก” ชูการ์กรีดเสียงดัง ดังซะจนวินธัยปล่อยตัวเธอจากอ้อมกอด แล้วเอามือไปปิดหูตัวเองแทน
“ไม่เอาน่าท่านธาม” เอเลี่ยนวินธัยทำหน้าเหนื่อยใจ
“ก็แก้แค้นที่เธอพูดจาขัดรูหูฉันไง เดี๋ยว ๆ ต้องกัดอีก เพราะเธอน่ะเป็นผู้หญิงที่พูดจากับฉันแย่ที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยเจอมา ! ” เอเลี่ยนธามงับเข้าที่พุงตุ๊กตาแพนด้าแสนรักอีกหน
“ไอ้เอเลี่ยนบ้า” ชูการ์คว้าดิกชันนารีบนพื้นใกล้ตัว ตั้งท่าจะเข้าโจมตีเอเลี่ยนด้วยสันหนังสือ
เอเลี่ยนธามจอมชั่วร้ายยกมือขึ้นโบกสองที แล้วจู่ ๆ ก็มีก้อนพลังเขียวอื๋อ รูปร่างเหมือนก้อนเยลลี่หยุ่น ๆ บินหวือเข้ามารัดร่างชูการ์
“รัดแน่น”
สิ้นเสียงเจ้าธามเอเลี่ยนตัวร้าย ก้อนเยลลี่ที่พันรอบตัวชูการ์ก็บีบรัดเข้ามาจนแม้แต่ออกแรงเพื่อดิ้นก็ทำไม่ได้
“ท่านธาม...ข้าว่าพวกเราคุยกับเธอดี ๆ ก็ได้ เรามาที่โลกนี้โดยสันตินะ” เอเลี่ยนวินธัยมองเจ้าอำมหิตนั่นสลับเธอ ชูการ์คิดว่าเขาน่าจะมีน้ำใจมากกว่าเจ้าเอเลี่ยนเลว เลยออกปากขอร้อง...
“ฉันยังไม่อยากตายค่ะ ยังไม่อยากจะตาย”
ธามมองเธอตาขวาง เดาะลิ้นเบา ๆ ก่อนตอบว่า “ก็จะจุมพิตน้ำตาก่อนลบไม่ใช่หรือ ดื้อด้านขนาดนี้ ไม่มัดคงทำไม่ได้หรอก”
“ไม่นะ...” ความหวังวูบเล็ก ๆ ของเธอดับวูบลง เมื่อวินธัยพยักหน้าเห็นพ้อง เอ่ยงึมงำว่า
“นั่นสินะขอรับจุมพิตน้ำตาก่อน จากนั้นค่อยร่ายมนตราลบความทรงจำ”
ลบความทรงจำหรือ....?!?
“แปลว่าพวกนายจะไม่ผัดพริกขิงฉันใช่ไหม แล้วก็จะไม่กลืนกินฉันแบบที่ทำกับพี่ธาม...พี่วินธัย”
“ยังบ้าไม่เลิกนะยัยเตี้ย” ธามเดินเข้ามาถลึงตาใส่ใกล้ ๆ ...ใกล้ซะจนแบบว่ารับรู้ถึงลมหายใจอุ่นของเขา “นี่แหละธามกับวินธัยตัวจริง ไม่ได้ถูกยึดร่างเฟ้ย เป็นมนุษย์แต่แค่ไม่ได้เกิดบนพิภพนี้เท่านั้นเอง”
“ข้ากับท่านธามไม่ได้ถูกยึดร่าง พวกเราเป็นมนุษย์จากพิภพชื่อมารีน กาแล็คซีซิเอโร แห่งจักรวาลกาลิเลียน ...ไม่ใช่เอเลี่ยนเพื่อนพรีเดเตอร์ สำคัญที่สุดคือเราไม่รู้จักสัตว์สองสปีชีย์นั้น” เอเลี่ยนวินธัยเอ่ยเสียงเรียบตามแบบฉบับของเขา
ถึงบอกไม่ใช่เอเลี่ยน แต่ฟังแล้วมันก็ยังเลี่ยนๆอยู่ดี
“ดาวทุกดวงซึ่งดำรงชีพด้วยออกซิเจน ก็จะมีวิวัฒนาการขึ้นมาในรูปแบบชีวิตที่ใกล้เคียงกัน สิ่งที่แตกต่างชัดเจนระหว่างโลกนี้กับชาวพิภพมารีน รวมถึงชาวจักรวาลกาลิเลียนคงเป็นรหัสพันธุกรรมบางตัว นั่นทำให้พวกเราสามารถปฏิสัมพันธ์กับพลังจิตใต้สำนึกได้ หรือพูดให้ท่านเข้าใจง่าย ๆ ว่าพวกเรามีพลังมนตรา...เวทย์มนต์...” วินธัยอธิบาย ก่อนทักขึ้นว่า “เฮ้ ท่านธามเข้าใกล้เธอมากไปแล้วนะ”
ธามที่กำลังฉีกยิ้มยียวนชะงัก รีบถอยห่างจากชูการ์ราวกับเป็นของร้อน ใบหน้าหล่อแดงซ่านถึงใบหูดูน่าตลกสิ้นดี
“จักรวาลบ้านฉัน เกือบทุกพิภพจะเชื่อมโยงกันด้วยมนตรา” เอเลี่ยนที่ยืนยันว่าตนคือธามตัวจริงเอ่ยเสียงพร่าในทีแรก แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเกือบตะคอก “ก็ดาวเคราะห์โลกป่าเถื่อน หลงตัวเอง แล้วก็ชอบกดขี่รังแกแม้กับเพื่อนสัตว์ร่วมโลกไง ใคร ๆ เค้าเลยไม่กล้าคบหา ชิส์...ทะนงตัวเองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ทรงสติปัญญาในจักรวาลเหรอ อยากหัวเราะให้ฟันร่วง ฮ่า ๆ ๆ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น ฉันคงไม่มาเหยียบที่นี่หรอก ไอ้โลกวิเศษวิโสของเธอน่ะ”
เป็นอันสรุปได้ว่า เธอจะไม่กลายเป็นจานเด็ดของใครใช่ไหม แต่...ฟังเจ้าบ้านั่นพูดแล้วชวนหมั่นไส้เสียจนอดกัดตอบเอเลี่ยนออกไปไม่ได้
“แล้วมากันทำไมเล่า อย่าบอกนะว่าพวกนายจะมายึดครองโลก ! ”
“โทษนะครับ พิภพของผมชื่อมารีน ไม่ใช่เคโรน ช่วยแคะรูหูหน่อยได้มั้ย” เอเลี่ยนธามยักคิ้ว ทำหน้าตายียวนกวนประสาท ว่าแต่ไอ้ดาวเคโรนที่หมอนั่นพูด หมายถึงการ์ตูนมนุษย์ต่างดาวหน้ากบที่ฉายทุกเสาร์อาทิตย์นั่นรึ
“ขอโทษนะ ฉันเรียนม.4แล้วเลยไม่ชอบดูการ์ตูนเด็ก ๆ”
“เอ่อ...เข้าใจกันดีแล้วก็มา…จุม...” วินธัยกำลังจะชวนทำอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ทันจบก็มีเสียงคล้ายใครเหยียบของบนพื้นดัง “กร๊อบบบ ! ”
ชูการ์หันขวับไปมอง พลันเห็นธามยกเท้าขึ้น ปากร้องถามว่า “นี่อะไร...กล่องสีเหรอ ? ”
กล่องสีที่บู้บี้ใต้ฝ่าเท้าเจ้ามนุษย์ต่างดาวใจร้าย คือกล่องสีน้ำมันซึ่งชูการ์เพิ่งลงทุนซื้อ นั่นสิ่งของที่ถึงกับทำให้เธอยอมอดอยากทั้งอาทิตย์ สภาพของมันตอนนี้ช่างดูไม่จืด อย่างฝานั่นก็เป็นรอยฝ่าเท้าจมลึกลงไปเหมือนแอ่งน้ำเล็ก ๆ แบบนี้สภาพหลอดสีข้างในคงทุเรศทุรังไม่ต่างกันแน่
“แค่เหยียบกล่อง ไม่ต้องมาทำหน้าตกใจขนาดนั้นหรอกนะยัยเตี้ย” ธามขึงตาใส่ “ฝ่าเท้าใครมีตากันเล่า”
“อืม...ใช่สิ....ฉันมันโคตรซวย” ชูการ์พึมพำด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในชะตาชีวิต สิ้นหวังแล้ว เพราะแม้แต่น้ำตาที่ไหลรินออกจากตาก็ยังไม่มีปัญญาเช็ด ตัวก็ถูกมนุษย์ต่างดาวเอาเยลลี่มัด ตุ๊กตาหมีก็โดนมนุษย์ต่างดาวกัด สีก็โดนมนุษย์ต่างดาวทำลายล้าง “ลบความทรงจำฉันซะทีสิ พวกนายจะลบมันทิ้งเพื่อป้องกันฉันเอาเรื่องที่พวกนายเป็นเอเลี่ยนไปบอกคนอื่นใช่ไหม งั้นก็รีบ ๆ ทำเข้าสิ เพราะฉันเกลียดขี้หน้าพวกนาย ฮือ...ซวยเองแหละที่ฉันดันโลภเก็บเฟรมนั่นมา ฮึ...ฮือออ...เอ๊ะ...”
ธามยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ พูดงึมงำว่า “เลิกร้องซะทีน่า ขอโทษนะ”
ชูการ์เบิกตากว้าง “ขอโทษ...ทำไม ตกลงจะผัดพริกขิงฉันจริง ๆ ใช่ไหม”
“บ้าดิ” เขาถอนใจเฮือก ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาค่อย ๆ ซับน้ำตาทุกหยดบนใบหน้าชูการ์จนเหือดแห้ง “นี่เป็นพิธีการอันสำคัญของผู้ชายพิภพมารีน ที่จะให้ความสำคัญต่อหญิงสาวที่เขาทำให้หล่อนน้ำตานองหน้า มันเรียกว่า ‘จุมพิตน้ำตา’ อืม...ประมาณนั้นแหละ”
“อ๋อ”
“ขอโทษนะ” ธามพูดอีก ก่อนทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ชื่ออะไรล่ะ”
จากคุณ |
:
citrus_tree
|
เขียนเมื่อ |
:
20 มี.ค. 54 16:05:02
|
|
|
|