Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพียงเธอ...ดวงดาวของหัวใจ ติดต่อทีมงาน

เมื่อหัวใจ มิอาจปฏิเสธการมีอยู่ของความรัก
ยิ่งหนีกลับยิ่งหวั่นไหว.. ยิ่งอยู่ไกล กลับยิ่งต้องการ
เขาและเธอจะทำอย่างไร เมื่อเงาแห่งอดีตยังคงตามหลอกหลอน
สำหรับเขา...เธอประหนึ่งดาวเหนือแห่งชีวิต
แต่การรักเธอคือความผิดบาป เพราะเธอไม่ใช่ของเขา
สำหรับเธอ...เขาประหนึ่งมัจจุราชจากอดีต
และการรักเขาคือความทรมาน เพราะเขาเกลียดเธอเหนืออื่นใด
ความขัดแย้งที่ก่อตัว แทนที่จะแยกรักให้พลัดพราก
กลับยิ่งเหนี่ยวรั้งให้เผยทุกอณูแห่งความรู้สึก...ที่ซุกซ่อนในหัวใจ

**************************************************



ตอนที่ 1



“รอด้วยสิ รอด้วย!!...”

เด็กหญิงตัวน้อยร้องเรียก พลางรีบสาวเท้าให้ทัน 2 ขายาวๆ ของเด็กชายตัวโตที่จ้ำพรวดๆ แทบไม่มองหลังเลยสักนิด...
หากเขาจะห่วงหน่อยก็คงแค่ถังกับคันเบ็ดในมือเท่านั้นแหละ เพราะเด็กหญิงเห็นเขาคอยยก คอยประคองเวลาต้องผ่าน
ต้นหญ้าสูงๆ หรือขอนไม้ที่ขวางทาง ในขณะที่กับตัวเธอเองนั้น เขาปล่อยให้ปีนตะกายเอาเอง!!!

“ไม่รอเค้า เค้าจะฟ้องป้าวัลด้วย”

ได้ผล! คำประกาศิตนั้นหยุดฝีเท้าของเด็กชายตัวโตได้สนิท จากนั้นเด็กหญิงจึงได้เห็นแววตาเขียวๆ ที่หันขวับกลับมา

“ตามมาทำไมยัยวุ่น น่ารำคาญจริงๆ”

“เค้าไม่ได้ตามตัวเองซะหน่อย เค้าตามพี่ชายเค้าหรอก”

เด็กหญิงยื่นปากเถียงอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ตัวเล็กกว่าเด็กชายตั้งมากมาย

จะว่าไปเธอสูงกว่าแนวหญ้าคาแถวนั้นไม่เท่าไรแค่นั้นเอง

เด็กชายได้แต่มองหน้าเล็กๆ ของเด็กหญิงอย่างอดกลั้น เด็กหญิงคนนี้ช่างน่ารำคาญเป็นที่สุด ตั้งแต่เขามาพักที่บ้านน้องชายที่นี่
เขายังเล่นกับน้องชายไม่ได้เต็มอิ่มซักวันเดียว นี่ก็อุตส่าห์วางแผนหนีออกไปตกปลาเล่นกันไกลๆ แต่ยัยเด็กพูดมากคนนี้
ก็ยังตามติดมาเสียอีก

“ยัยตุ่น จุ้นจ้าน... ผู้ชายเขาจะเล่นกัน ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“พี่วีเป็นพี่น้องน้อยนะ ตัวเองมาทีหลังจะมาแย่งพี่ชายเค้าได้ยังไง” เสียงเล็กๆ ยังแหวกลับไม่ลดละ

ห่างออกไปด้านหน้าโน้น เด็กชายอีกคนกำลังวิ่งตื๋อกลับมาที่ต้นเสียงซึ่งกำลังมีทีท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ  

“อะไรกันน่ะพี่เธียร น้องน้อย อย่าทะเลาะกันสิ”

“ก็พี่เธียรแหละ นิสัยไม่ดี ไม่เป็นสุพาดตะบุด”

เด็กหญิงพยายามฟ้อง แต่คำเรียกนั่นกลับเรียกเสียงฮาจากฝั่งเด็กชายตัวโตที่ชื่อ เธียร จนดังลั่นป่าตรงนั้น

“เขาเรียกสุภาพบุรุษหรอก ยัยตุ่น เรียกไม่เป็นแล้วอยากเรียก”

ไม่พูดเปล่า แต่เธียรยังทำหน้าตาล้อเลียนอีกต่างหาก

เด็กหญิงทำหน้าเบ้ เธอเกลียดที่สุดที่ถูกเรียกว่าตุ่น แล้วไหนยังท่าทางที่นายตัวโตทำท่าคลานต้วมเตี้ยมๆ ล้อเลียนว่าเธอ
เดินช้านั่นอีก

“น้องน้อยเกลียดพี่เธียร”

เธอบอกพร้อมกับน้ำเสียงสั่นเครือ จวนเจียนที่น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ เท่านั้นเอง วี...เด็กชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชาย
ก็รีบปราดเข้ามาจับแขน

“ไม่เอาน้องน้อยอย่าร้องสิ เดี๋ยวเล่นไม่สนุกนะ ไป เราไปกันดีกว่า”

พูดจบเขาก็จูงมือน้องสาวออกเดิน พลางหันไปพยักหน้าชวนเด็กชายตัวโตที่หุบยิ้มไปตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้นจากเด็กหญิง

เธียรออกเดินตามหลังขณะที่สายตายังเขม่นร่างเล็กๆ ที่เริ่มซอยเท้าตามหลังน้องชายของเขาออกไป แต่ยังไม่ทันไร
ยัยตุ่นตัวเล็กก็อุตส่าห์หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเขาหน้าตาเฉย ทั้งที่เมื่อครู่ยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่หยกๆ
ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ใครกันที่อุตส่าห์เดินรีๆ รอๆ ให้เจ้าหล่อนวิ่งตามได้ทัน ไม่ใช่เขาหรอกหรือ
ยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ



หลังจากลัดเลาะผ่านป่าซึ่งเป็นไร่สวนของชาวบ้านละแวกนั้นอีกไม่ไกล เด็กทั้ง 3 คนก็โผล่พ้นออกมาเจอแนวหญ้าคาเตียนๆ
ต้นไม้เริ่มบางตา แต่ก็มีมากพอให้ร่มเงา

วีบอกให้น้องน้อยนั่งลงใต้ต้นไม้ ขณะที่เขากับเธียรเริ่มรื้อข้าวของ แล้วจัดการร้อยเหยื่อเข้ากับคันเบ็ด แต่ทันทีที่เด็กหญิง
เห็นอย่างนั้นเธอก็รีบผุดมานั่งลงข้างๆ พี่ชายทันที

“พี่ชาย ใส้เดือนมันไม่เจ็บเหรอคะ?”

“ก็....”

เขาตอบไม่ถูก รู้ว่าคำตอบคงทำให้น้องตัวน้อยโวยวายเป็นแน่แท้ ในเมื่อน้องน้อยคนนี้เธอสงสารไปหมด แม้แต่หนูที่เขา
ดักได้ เธอก็ขอให้เขานำไปปล่อยอยู่หลายครั้ง

“เจ็บสิ แต่ถ้าไม่เอาไส้เดือนล่อ แล้วจะได้ปลายังไง ซื่อบื้อจริงๆ” เธียรตอบพร้อมกับบ่นเบาๆ ในประโยคสุดท้าย

ทันทีที่จัดการกับเบ็ดของตัวเองจนเรียบร้อย เขาก็ลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงสายเบ็ดออกไปบนผิวน้ำ ไส้เดือนที่ปลายเบ็ดจมหายไป
ต่อหน้าต่อตา

เด็กหญิงทำตาโตกับภาพที่เห็น

“ใจร้าย!! มันหายใจไม่ออกนะ เอาขึ้นมา!!” ไม่โวยวายเปล่า แต่เธอยังกระโดดเข้ามาคว้าเบ็ดในมือของเธียรแล้วยื้อแย่งสุดกำลัง

เท่านั้นเอง สงครามเล็กๆ ก็เริ่มต้นขึ้น วีรีบกระโดดผลุงเข้ามาเป็นกรรมการห้ามมวยเช่นเคย เพียงแต่ครั้งนี้ต่างออกไป
เพราะพี่ชายของเขาดูเหมือนจะหงุดหงิดโมโหจริงๆ เข้าแล้ว

“บอกให้ปล่อย!!!”

เธียรตะโกนลั่นพร้อมๆ กับออกแรงผลักเด็กทั้ง 2 คนจนกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง วีก้นกระแทกอยู่ใกล้ๆ คลองนั่นเอง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงเจ็บไม่น้อย สีหน้านั้นเหยเกจนเธียรใจหาย แต่เขาไม่อาจสนใจวีได้มากกว่านั้น เพราะที่หนักกว่านั้น
คือยัยเด็กนั่น... เธอตกลงไปในคลอง!!!

“พี่ชาย!!!”

เด็กหญิงตะโกนได้แค่นั้นก่อนผลุบหายลงไปในน้ำ สองแขนสองขาพยายามตะกุยน้ำพยุงตัวเองไว้ตามสัญชาตญาณ
แต่มันยากเย็นเหลือเกิน ราวกับในน้ำอันเย็นเยียบนั้นมีมือที่มองไม่เห็นคอยฉุดรั้งเธอสู่ใต้น้ำ ทุกครั้งที่โผล่พ้นได้สูดอากาศ
เธอก็พลันถูกดึงให้ดิ่งลงจนสำลักอย่างทรมาน มันเป็นการต่อสู้ที่ราวกับ...ไม่มีทางชนะได้...ไม่มีทาง และเมื่อมือนั้น
สบโอกาสในความอ่อนแอ มันก็ค่อยลากเธอลงไปฝังอยู่กับความเหน็บหนาวใต้ผืนน้ำ และเริ่มกรีดลำคอให้แทบปริออก

หายใจไม่ออก... แม่ขา... พี่ชาย... พี่ชาย...!!!

มันกำลังชนะเธอแล้ว...

ทันใดนั้น...ก่อนสติจะดับสูญ เธอรู้สึกถึงมืออุ่นที่คว้าข้อมือเธอไว้.. การต่อสู้ครั้งใหม่กำลังเริ่มต้นอีกครั้ง...

พี่วี...พี่ชาย...



“พี่ชาย!!!!!!!” เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง

หญิงสาวผลุดลุกนั่งจากเตียงพลางหอบจนตัวโยน เม็ดเหงื่อผุดพรายอยู่ตามไรผมอ่อนๆ เธอค่อยปาดออกพร้อมกับทบทวน
ภาพความฝันที่เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานนี้เอง..

ฝนดาวยกข้อมือของตัวเองขึ้นดู เธอยังรู้สึกถึงไออุ่นจากมือนั้นอยู่เลย.. มันอยู่ตรงนี้.. ที่ข้อมือขวา ไออุ่นจากพี่ชายที่เธอรักเหลือเกิน..

พี่ชาย...พี่วี... กวี...



“อะไร ฝันอีกแล้วเหรอ ?!?” จิรยุทธ หรือที่กลุ่มก๊วนเรียกกันว่า “จีจี้” ร้องขึ้น หลังจากฝนดาวเล่าความฝันให้ฟัง

ฝันซ้ำๆ ที่ดำเนินมาหลายปี แม้จะห่างหายไปบ้างในบางช่วงอายุ หากไม่นาน ก็กลับมาอีก ราวกับเงาที่ติดตามเธอมาตลอดไม่เคยห่างหาย

“ช่วงหลังนี่ฝันบ่อยจัง” พิมรดา หรือ “พิม” เพื่อนอีกคนในกลุ่มออกปาก ก่อนพูดขึ้นอีกครั้งแทบจะพร้อมกับเพื่อนอีกคน “อร” อรนลิน

“อยากเห็นพี่วีจัง” พูดจบ 2 สาวก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะ

ฝนดาวยิ้มให้กับความคิดนั้นของเพื่อน เธอไม่เคยลืมแม้แต่วันเดียวว่าพี่ชายคนนี้ของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร

กวีเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวออกขาว กรอบหน้าเรียวรับกับจมูกโด่งเป็นสัน เธอยังชอบจับจมูกเขาดึงแรงๆ จนกวีบ่นอุบ
ว่าเธอจะทำดั้งเขาหัก เธอยังจำดวงตาใสกระจ่างที่แฝงด้วยแววอบอุ่น ยามเขม้นมองมาแต่ละครั้งก็ให้รู้สึกอุ่นไปทั่วสรรพางค์กาย
แล้วไหนยังรอยยิ้มยียวนที่ช่วยสลายทุกปัญหาให้เธอนั่นอีก ไม่มีใครเหมือนเขาอีกแล้ว พี่ชายผู้เหมือนแสงจันทร์ที่อ่อนโยน
เยือกเย็น และให้ความสว่างในยามท้อแท้เหนื่อยอ่อน

นั่นแหละกวีของเธอ...

“แหม...สอดรู้นะยะพวกหล่อนน่ะ แต่ฉันสนใจพี่ชายยัยอรมากกว่า ขึ้นปกนิตยสารเชียวนะหล่อน นี่...เมื่อไรพี่ชายแกเบื่อ
ชะนีแล้วก็บอกฉันนะยะ”

จีจี้หันบอกทุกคน ก่อนหันไปทำตาปริบๆ ใส่อรในประโยคสุดท้าย

“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะย่ะ” อรตอบพลางกลั้วหัวเราะ

“ต๊าย...หยาบคาย ฉันล่ะเบื่อจริงๆ อีกพวกชะนีหลงพี่ชายตัวเองเนี่ย”

จีจี้พูดพลางจีบปากจีบคอก่อนทำท่าฮึดฮัดพอให้เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนในกลุ่มได้อีกยกใหญ่

ทุกคนคือเพื่อนร่วมงานที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของฝนดาว อาจเพราะลักษณะงานที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผน
และทั้งเวลาที่ล่วงเลยมาหลายปี เลยเป็นที่มาให้กลุ่มนี้เกาะติดกันจนแทบแยกจากกันไม่ได้ หากเห็นใครคนหนึ่ง
ก็จะเห็นทั้งกลุ่มที่นั่นด้วย นั่นคือประโยคที่เศรษฐ์ เจ้าของบริษัท มักใช้ค่อนขอดแกมหยอกเย้ากลุ่มก๊วนนี้เสมอ

“อุ๊ย ตายแล้ว จะสายแล้วนะ ทำไมเจ๊ไม่ลงมาซะที นี่ฉันต้องไปพรีเซ้นท์งานกับเจ๊เขานะเนี่ย นี่...”

จีจี้ลดเสียง ก่อนทำท่ามองซ้ายมองขวาอย่างจะหาเจ้าตัวที่กำลังพูดถึง พลางเอามือป้องปากแล้วเริ่มกระซิบกระซาบ

“งานเนี้ย ฉันบอกได้เลยนะว่ายัยเจ๊เอาตัวเข้าแลกเชียวแหละแก” ประโยคนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนในกลุ่มได้ทันที

“ปากร้ายจริงจีจี้ พี่ไหมเขาทำงานเก่งออก นี่บริษัทได้งานก็เพราะเขา ยังจะนินทาเขาอีกนะ” ฝนดาวออกปากเตือน

“เอ้า จริงจริ๊ง ทำตาหวานประหลับประเหลือกใส่บ๊อสเขาขนาดนั้น อี๋! เห็นแล้วจะอ้วก อ่อยบ๊อสเราก็แบบนี้ แกไม่เห็นหรือไง
นี่ดีนะ ที่บ๊อสเราตาไม่ถั่ว ไม่เหมือนอีบ๊อสบริษัทนั้น”

“ใครอ่อยอะไรใคร ?”

เสียงเข้มดังขึ้นข้างหลังไกลๆ เล่นเอาคนนินทาเสียวสะท้านไปถึงไหนๆ

ทั้งหมดค่อยหันไปมองต้นเสียง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร สุพิชญา โปรดิวเซอร์มือดีของบริษัทที่จีจี้กำลังพูดถึงนั่นเอง
เธอกำลังพาหน้าตาที่ฉาบไว้ด้วยเครื่องสำอางค์หนาเป็นพิเศษตรงมาทางนี้ แต่นั่นก็ยังไม่พอปกปิดริ้วเล็กๆ ที่พาดเป็นร่องลึก
อยู่บนหน้าผาก โดยเฉพาะเมื่อเธอขมวดคิ้วจนเป็นปมขนาดนั้น

“เอาแล้วไง” พิมรดาบ่นเบาๆ

“ทีหลังจะนินทาอะไรก็หัดเบาเสียงซะมั่ง ฉันนั่งคุยงานอยู่กับคุณเศรษฐ์ได้ยินไปถึงไหนๆ”

พูดจบสุพิชญาก็มองกราดไปทั่วโต๊ะหินอ่อนตรงนั้น เธอเจาะจงเขม่นที่ฝนดาวเป็นพิเศษก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“อย่าคิดว่าเป็นคนโปรดแล้วจะไม่มีใครทำอะไรได้นะ”

“จีจี้! นี่เธอพร้อมหรือยัง ให้พี่รอตลอดเลยนะ” สุพิชญายังคงกราดออกมาเป็นชุด

“พร้อมแล้วค่ะ เอ๊ย ครับพี่ อุปกรณ์อยู่ในรถแล้วครับ นี่ก็...นั่งรอพี่อยู่น่ะครับ”

จีจี้ละล่ำละลัก พลางกัดจิกเล็กๆ เพราะอันที่จริง เขาต่างหากที่มานั่งรอคุณเธออยู่หน้าบริษัท จนสาวๆ กลับเข้ามาจาก
รับประทานมื้อกลางวันนั่นแหละถึงได้มานั่งเป็นเพื่อนอยู่ตรงนี้

“งั้นจะมัวนินทาใครอยู่ทำไม ไปซิ!”

สุพิชญาออกเสียงเฉียบขาด จีจี้รีบลนลานออกจากตรงนั้น ทุกคนเงียบกริบและได้แต่มองกันไปมา..

ฝนดาวรู้สึกได้ว่าหางตาของโปรดิวเซอร์สาวยังคงทิ้งทวนมาที่เธอก่อนก้าวฉับๆ ตามหลังจีจี้ออกไป

“พี่ไหมเขาไม่ชอบเธอจริงๆ เลยนะดาว”

อรนลินพูดขึ้น ก่อนที่พิมรดาจะเสริมขึ้นอีกคน

“ก็แหงแหละ...ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ไหมคิดยังไงกับพี่เศรษฐ์นี่ แล้วนี่ตกลง...ที่ไปทานข้าวกับพี่เศรษฐ์วันก่อนน่ะ...ยังไงต่อล่ะ ?”

ประโยคท้ายนั่น พิมรดาหันมาถามฝนดาว

“.............................” ฝนดาวเงียบไปอึดใจ

“ก็...........................” เพื่อนสนิททั้ง 2 สาวโน้มตัวเข้าหาฝนดาวทันที

“คุยกันไปเรื่อยๆ น่ะ”

“โธ่เอ๊ย....อุตส่าห์ลุ้น” พิมรดาโอดครวญ

“นึกว่าจะมีอะไรดีๆ แต่ก็ดีแล้วนะ ค่อยๆ ดูไปดีกว่า อีกอย่าง...พี่เศรษฐ์เป็นเจ้าของบริษัท มันก็ดูแปลกๆ เหมือนกันนะ
เจ้านายกับลูกน้อง......”

อรนลินพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ด้วยไม่แน่ใจว่าฝนดาวคิดอย่างไรกันแน่ เธอลอบมองหน้าเพื่อนสาวแล้วถอนใจ

บ่อยครั้งที่เหมือน...ฝนดาวปิดตัวเองไว้ในห้องแห่งความทรงจำ แล้วเฝ้าแต่ขังตัวเองอยู่ในนั้น ราวกับ...รอใครสักคน
มาช่วยปลดปล่อย

อันที่จริงอรนลินก็แอบลุ้น ลุ้นให้เศรษฐ์เป็นใครคนนั้น คนที่สามารถเปิดใจฝนดาวได้อีกครั้งและช่วยคลายปมในใจได้เสียที
เพราะ...ไม่รู้เลยว่า...เพื่อนของเธอคนนี้ยังต้องฝันถึงพี่ชายในอดีตไปอีกนานแค่ไหน พี่ชายที่ไร้ตัวตน...
และไม่มีวันกลับมาหาฝนดาวอีกแล้ว...



จบตอน 1

แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 21:40:33

จากคุณ : ลัลน์ ลลิตา
เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 21:28:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com