Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสน่หา พาที (ตอนที่ 4) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 4  :  สวรรค์เบี่ยง(เบน)

ภารกิจลับระหว่างวรนนท์และสุกี้เริ่มต้นขึ้นในอีกสองวันต่อมา ชายหนุ่มมารับเธอตอนบ่ายตามสัญญาพร้อมนัดแนะแผนการและซักซ้อมบทกันจนเป็นที่เรียบร้อย จึงพาเธอมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเขานัดกับบุตรสาวของท่านอธิบดีคนดัง-ว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของเขาเอาไว้

แว่บแรกที่เจอหน้า สุกี้ก็ถึงประจักษ์ได้ในบัดดลว่าเหตุใดวรนนท์ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อน เป็นฟืนเป็นไฟในการที่จะต้องแต่งงานกับหล่อนนัก ทั้งที่หล่อนก็หาใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ถึงขั้นที่เขาจะต้องยืนกรานปฏิเสธไม่ แถมมีเชื้อมีสกุลเป็นถึงผู้รากมากดีแห่งตระกูลคหบดีเก่าแก่ หากแต่เป็นเพราะรูปร่างอวบอ้วนซึ่งผิดไปจากพิมพ์นิยมของเขานี่เอง ที่ทำให้หมอถึงกับต้องออกมาประกาศเจตนารมย์แก่กล้า

แผนการที่วางไว้ก็ไม่มีอะไรมาก ดังจะหาดูได้จากบทละครยอดฮิตหลังข่าว สุกี้แสร้งทำเป็นเดินอุ้ยอ้ายคล้องแขนมากับวรนนท์แล้วทำทีเป็นร้องขอความเห็นใจให้สาวร่างอ้วนเห็นแก่เด็กตาดำๆที่กำลังจะลืมตามาดูโลก วรนนท์เองก็สวมบทสุภาพบุรุษที่สุดในโลกได้อย่างแนบเนียนจนสุกี้อยากมอบตุ๊กตาทองให้เขาเอาไปนอนกอดเล่นๆสักตัว เขาบอกว่ายินดีที่จะแต่งงานกับหล่อน แต่ก็คงไม่อาจละทิ้งความรับผิดชอบที่มีต่อเด็กในท้องของสุกี้ได้ ดังนั้นเขาจึงเสนอให้หล่อนเป็นฝ่ายตัดสินใจว่ายินดีที่จะแต่งงานกับเขาต่อไปตามเจตนารมย์ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย หรือจะยอมถอนตัวเพื่อที่ว่าหล่อนอาจจะได้เจอใครสักคนที่ดีกว่าในอนาคต ไม่ใช่เจ้าบ่าวแถมเรือพ่วงอย่างเขา

อีกฝ่ายมีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าหล่อนจะยังคงไว้ตัวตามประสา “ลูกคุณหนู” ที่ไม่เคยโดนหยามหรือขัดใจ กระนั้นแล้วสุกี้ก็เดาออกว่าบทสรุปที่ได้จะไม่ผิดไปจากที่เธอคาดไว้อย่างแน่นอน

“น่าสงสารออก ฉันรู้สึกบาป”

สุกี้เปรยเบาๆเมื่อกลับมาอยู่กันในรถตามลำพังอีกครั้ง ส่วนวรนนท์คนเจ้าชู้ได้แต่ผิวปากอย่างสบายอารมณ์

“คิดมาก”

“ก็ฉันไม่ใช่คนเลือดเย็นเหมือนเธอนี่...แล้วเธอว่าแม่เธอจะยอมจบมั้ย”

“ไม่ยอม” เขาตอบสั้นๆ

“อ้าว! แล้วถ้าแม่เธอตามมาราวีฉันล่ะ ซวยแล้วมั้ยล่ะฉัน”

“เออน่า...ไว้ค่อยคิดกันต่อ แต่ตอนนี้เธอเอานี่ไปก่อน...คูปองร้านเค้กตามสัญญา”

อารมณ์หวาดวิตกเมื่อสักครู่นี้ค่อยลางเลือนเคลื่อนหายเมื่อเขายื่นคูปองร้านเค้กมาตรงหน้า ลักษณะมันคล้ายๆกับบัตรเครดิตซึ่งระบุวันเริ่มต้นใช้งานและวันหมดอายุไว้อย่างชัดเจน เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งร้านอาหารหรือร้านเบเกอรี่ก็มีการพัฒนาด้านการให้เครดิตไม่ต่างอะไรกับบรรดาห้างสรรพสินค้าแล้ว

“นิวยอร์ค พีท เค้ก แอนด์ บิสโทร”

ชื่อร้านแปลก ไม่คุ้นหู ทำเอาสุกี้ร้องเสียงหลง

“อ้าว! เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่ร้านเค้กตรงเอกมัยนี่หว่า อีหนอน...แกหลอกฉันเหรอ”

“หลอกบ้าบออะไร นี่มันก็อยู่เอกมัยเหมือนกัน แหกตาดูหรือยัง”

“แต่มันไม่ใช่ร้านประจำของฉันนี่”

“พวกยึดติด รสนิยมสูงรายได้ต่ำ” เขาแอบเหน็บแนมเธออยู่ในลำคอ

“ผีเจาะปาก!”

“เธอต้องให้โอกาสร้านอื่นได้สำแดงฝีมือบ้างนะสุกี้ จะอาหารไทยหรืออาหารฝรั่ง คนไทยก็ทำอร่อยที่สุดในโลกแหละฉันจะบอกให้”

“ย่ะ! พ่อคนรักบ้านเกิด! พ่อคนรักประเทศชาติบ้านเมือง! ไม่ลงสมัครสก. สข. สค. ให้มันรู้แล้วรู้แร่ดไปเลยล่ะ” หญิงสาวประชด “ชื่อร้านแปล๊กแปลก ไม่เคยได้ยิน เคยได้ยินแต่นิวยอร์ค ชีส เค้กน่ะ”

“ก็เคยซะซี่ ฉันลองมาแล้ว ใช้ได้...”

“แล้วร้านนี้มีอะไรดี แถลงไขมาซิ เค้าขึ้นชื่อเรื่องอะไร มีบลูเบอรี่ชีสเค้ก หรือเปล่า”

“มีทุกเค้กแหละ สเต็กเค้าก็โอ รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ร้านโปรดของเธอ เชื่อฉันเหอะน่า รับรองจะติดใจ”

“แล้วเธอไปรู้จักร้านนี้ได้ไง”

“ฉันก็แค่เบื่อร้านเก่า มีแต่พวกไฮโซ ไปทีไรก็เจอแต่คนรู้จัก บังเอิญฉันขับรถผ่านแล้วมาเจอร้านนี้เข้า เห็นว่าเข้าที รสชาติก็ไม่เลว บรรยากาศก็เจ๋ง เจ้าของร้านก็ซ้วย...สวย”

“มิน่า...”

สุกี้ถึงบางอ้อ...ที่พูดมาทั้งหมด คำตอบมันรวมกันอยู่ในประโยคท้ายของเขานี่เอง ชายหนุ่มหันมาหัวเราะให้เธอเบาๆที่ถูกดักคอ ก่อนจะหันไปสตาร์ทรถแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวออกสู่อีกหนึ่งเป้าหมายอย่างใจเย็น

“นี่เราจะไปไหนกัน”

“งานศพ”

“งานศพ!”

สุกี้ร้องทักออกมาเสียงหลง ร้อยวันพันปีวรนนท์ไม่เคยคิดจะย่างกรายไปงานศพใคร สงสัยเขาจะโดนผีคนตายเข้าสิงล่วงหน้าเสียแล้วล่ะกระมัง

“ร้องเสียตกอกตกใจ มันจะอะไรกันนักหนา ก็แค่งานศพ”

“ฉันแต่งตัวไม่เรียบร้อย เธอดูสิ...ความจริงฉันต้องสวยกว่านี้”

“เออน่า...ชุดนี้ก็ไม่น่าเกลียดอะไร เสร็จแล้วฉันจะพาไปเลี้ยงข้าว”
ถึงมันจะไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่สุกี้ก็ถอนใจออกมาอย่างยอมจำนน จริงอยู่ว่าชุดแส็คสีเทาเข้มคลุมเข่าที่สวมอยู่นั้นจะดูเรียบร้อยพอที่จะออกงานได้ก็ตาม ทว่าอย่างน้อยเธอก็ควรต้องสวยมากกว่านี้...

ก่อนทุ่มตรงไม่กี่มากน้อย วรนนท์ก็พาเธอมาถึงวัดหลวงแห่งหนึ่ง หญิงสาวลืมนึกไปว่าเธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นงานศพใคร แล้วเพื่อนหนุ่มหน้ามนของเธอไปรู้จักกับญาติผู้ตายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  ทว่าความสงสัยของเธอก็ดูเหมือนจะอันตรธานหายไปในอีกไม่กี่นาทีถัดมา เมื่อเขาแนะนำให้เธอรู้จักกับสาวสวยนางหนึ่งในชุดกระโปรงสีดำโศกสลด  เค้าโครงใบหน้าหล่อนที่ถึงแม้ว่าจะดูซีดเซียวไปบ้างแต่ก็ยังคงสวยหวานสะกดใจ โดยเฉพาะเมื่อหล่อนรวบผมไปตรึงไว้ตรงท้ายทอยแล้วปักด้วยปิ่นมุกอันเล็กๆ ก็ยิ่งส่งให้หล่อนดูสวยบาดลึกมากขึ้นไปอีก ถ้าหล่อนไม่ใช่ญาติสนิทข้างใดข้างหนึ่งของเขา...ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่าเขาต้องกำลังพยายามปลูกต้นรักกับหล่อนอยู่เป็นแน่

“สุกี้ นี่คุณพีท...เจ้าของร้านเค้กที่ฉันซื้อคูปองให้เธอ”

ชายหนุ่มแนะนำด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม แต่สุกี้แอบตบสีข้างตัวเองดังฉาด...เห็นมั้ย? ว่าคนอย่างเธอเดาอะไรไม่เคยพลาด

“คุณพีทฮะ นี่เพื่อนสนิทผมฮะ ชื่อสุกี้ ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เค้าชอบทานเค้ก ต่อไปคงได้เจอคุณพีทบ่อยๆ”

ฉันหรือแกกันแน่ยะ?

หญิงสาวเจ้าของชื่อ “พีท” ยิ้มให้สุกี้อย่างมีไมตรี รอยยิ้มหล่อนจริงใจ ไม่มีจริต สุกี้ดูออก

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณนนท์พูดถึงคุณสุกี้ให้ได้ยินบ่อยๆ ตอนแรกยังนึกว่าเป็นแฟนเพราะพูดถึงบ่อยเหลือเกิน ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ”

“ปกติกี้สวยกว่านี้นะ ขอบอก” สุกี้หัวเราะคิก  “พอดีนายหนอน เอ๊ย! วรนนท์เขาไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมางานศพ เลยแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่”

“นี่เธอ...น้อยๆหน่อย หัดถ่อมเนื้อถ่อมตัวเสียมั่ง นี่อะไร...”
เมื่อเพื่อนหนุ่มติงหญิงสาวก็เผลอหัวเราะคิกออกมาอย่างคนขี้เล่น ลืมไปว่าในบรรยากาศของงานศพ การสำรวมกิริยาเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังมากกว่าเรื่องใดทั้งหมด

“แค่นี้ก็สวยมากแล้วค่ะ” หล่อนชมอย่างจริงใจ  “ต้องขอบคุณมากนะคะที่เสียเวลามา ความจริงเราไม่ได้บอกใครมากเท่าไหร่ก็มีแต่ญาติสนิท คุณป้าไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกหลานที่ไหนนอกจากพีทกับพี่แพ็ท เราก็เลยต้องมาคอยดูแล ถือว่าทำให้ท่านเป็นครั้งสุดท้ายน่ะค่ะ”

อ้อ! งานศพคุณป้าของเจ้าหล่อนนี่เอง...

นี่ขนาดคุณป้า...วรนนท์ยังแร่ดมาแต่หัววันขนาดนี้ ไม่ได้แช่งนะ...ถ้าเป็นพ่อแม่พี่น้องของหล่อน สงสัยหมอคงรับอาสาเป็นเจ้าภาพเจ็ดวันเจ็ดคืน เผลอๆ
ยอมลงทุนมานอนเป็นเพื่อนศพด้วยซ้ำ

“เป็นอะไรเสียคะ ขอโทษค่ะ”

สุกี้ถามอย่างเกรงใจ พลางเบียดกระแซะเข้าไปชิดหัวไหล่เพื่อนหนุ่มอย่างลืมตัว

“เป็นโรคหัวใจค่ะ ปกติคุณป้าจะอยู่กับเด็กรับใช้คนนึง แต่พอดีวันที่คุณป้าเสียเด็กออกไปซื้อของ พอกลับมาก็เห็นคุณป้านอนหมดสติไปแล้ว ตอนที่เด็กโทรบอกพีทกับพี่แพ็ทยังติดธุระอยู่ที่พัทยาอยู่เลย  พอรีบกลับมาตามไปที่โรงพยาบาล ก็ไม่ทันแล้วค่ะ”

“เสียใจด้วยนะคะ”

“ค่ะ เชิญคุณนนท์กับคุณสุกี้ตามสบายนะคะ พีทขอตัวไปรับแขกด้านหน้าก่อน เดี๋ยวพอพี่แพ็ทมาถึงเมื่อไหร่ พีทจะพามาให้รู้จักนะคะ อ้าว! นั่นพี่แพ็ทมาถึงพอดี พี่แพ็ท! พี่แพ็ทคะ ทางนี้ค่ะ”

เมื่อน้ำเสียงที่คิดว่าอีกฝ่ายจะพอได้ยินไม่เป็นผล หล่อนก็สาวเท้าไปยังใครคนนั้น สุกี้ไม่ทันได้มองตามหล่อนเพราะมัวแต่สนใจกับรูปที่วางตั้งอยู่หน้าศพและการคำนวณอายุจากวันชาตะและมรณะ ปากก็มุบมิบไปตามประสา

“หกเจ็ด หกแปด หกเก้า...อายุหกสิบเก้า เธอโทรไปแทงหวยหน่อยซิหนอน เอาทั้งสองตัวบนสองตัวล่างเลย”

สุกี้สะกิดท่อนแขนเพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งไม่ไหวติง

“เอาพ.ศ.เกิดด้วยก็ดีนะ สี่แปดสี่...เลขสวยนะเธอ โทรไปบอกแม่ฉันด้วยดีกว่า แบ่งกันรวย ฮิฮิ”

หญิงสาวเผลอหัวเราะร่วนแล้วหันมากอดแขนเพื่อนหนุ่มอย่างที่เคยทำอยู่ทุกบ่อยด้วยความเคยชิน ตั้งใจว่าจะลากเขาไปนั่งเสียที ยืนตั้งนานเริ่มจะเมื่อยแล้ว

แต่ว่าเอ๊ะ!...นายหนอนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง

แล้วคนที่เธอยืนเบียดอยู่ด้วยนี่ล่ะใคร???
ยังไม่ทันจะเงยหน้ามองให้รู้ดำรู้แดง เสียงดุเข้มของวรนนท์ก็เรียกสติเธอให้กลับมาได้ทันเวลาพอดิบพอดี

“สุกี้...เธอไปเบียดคุณแพ็ทเค้าทำไม มานี่!”

สุกี้ยิ้มแห้ง แล้วหัวเราะแหะๆให้กับความเปิ่นเทิ่นของตัวเอง หญิงสาวเตรียมยกมือขึ้นไหว้ “คุณแพ็ท” ทว่ามันก็ค้างอยู่แค่ตรงหน้าอก เมื่อ “คุณแพ็ท” ที่เธอคาดว่าจะเป็นพี่สาวของคุณพีท  ดันกลับกลายเป็นชายหนุ่ม หล่อระเบิดระเบ้อแบรนด์เจ็น เจ้าของดวงตากรุ้มกริ่มร้ายกาจคนที่เธอเคยเจอเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง

เขาอยู่ในชุดแต่งกายสีดำทั้งชุด ดูหล่อเข้มเหมือนคีนู รีฟส์ในหนังเรื่องเดอะเมทริกซ์ไม่มีผิด แววตาเขาจะว่าดุก็ไม่ใช่ แต่คล้ายๆว่าจะมีรอยยิ้มก็ไม่เชิง สุกี้เดาอารมณ์เขาไม่ถูก รู้แต่ว่าในแววตาคมเข้มของเขาที่เธอมองเห็นนั้นมีความฉงนฉงายซ่อนอยู่ด้วย

“สวัสดีครับ”

เขาเอ่ยทักพร้อมยกมือขึ้นรับไหว้เธอ เพียงเท่านั้นก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าโดยไม่รู้ตัว จนแม้เมื่อคุณพีทแนะนำให้เธอรู้จักกับพี่ชายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เธอก็ยังคงพูดได้แค่คำว่า ค่ะ ค่ะ ค่ะ แล้วก็ค่ะ

“เดี๋ยวพีทกับพี่แพ็ทขอตัวไปรับแขกด้านหน้าก่อน คุณนนท์กับคุณสุกี้เชิญตามสบายนะคะ อีกสักพักพระคุณเจ้าก็คงจะลงมาแล้วล่ะค่ะ”

“เชิญตามสบายนะฮะ แล้วผมจะแวะมาคุยด้วยใหม่”

เขาเอ่ยเบาๆดูดีมีมารยาทมาก หากคำมั่นสัญญาในตอนท้ายนั้นกลับทำให้สุกี้ผวาจนแทบจะถลาเข้าไปเกาะแขนเพื่อนหนุ่มโดยอัตโนมัติ จนแม้เมื่อสองศรีพี่น้องเดินจากไป เธอก็ยังไม่คลายมือจากท่อนแขนกำยำของวรนนท์ ซ้ำยังเบียดแนบชิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“เธอมาเบียดฉันทำไมเนี่ย ยัยบ๊อง! น้ำท่ายิ่งไม่ค่อยได้อาบอยู่ด้วยเธอน่ะ สกปรก!”

เขาทำเป็นผลักเธอออกอย่างรังเกียจ แต่ก็แอบหัวเราะหึๆ

“บ้า! ว่าฉันงั้นได้ไง” เธอทุบหัวไหล่เพื่อนรักดังปั๊ก “ฉันอาบทุกเดือนนะ น้ำน่ะ”

ว่าแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนจะพากันเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่วางเรียงกันอยู่ค่อนไปทางด้านหลังศาสา ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่า เสียงหัวเราะที่ดังพรืดออกมาพร้อมกันเมื่อสักครู่นั้น เรียกความสนใจใครอีกคนให้หันมามาอง พร้อมกับยิ่งทวีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับสัมพันธภาพของทั้งคู่มากขึ้นไปอีก

“พี่ชายคุณแพ็ทหล่อดีเนอะ”

วรนนท์เปรยเบาๆ เหมือนไม่ตั้งใจ แต่สุกี้ได้ยินชัดเต็มสองหู

“เธอชอบเหรอ...ขอเบอร์ให้เอาป่ะ” เธอหัวเราะคิก

“บ้า! ฉันแค่ว่าเขาหล่อดี ขนาดฉันเป็นผู้ชายด้วยกันยังอดชมไม่ได้ แต่ยังไงฉันก็ชอบน้องสาวเขาย่ะ ฉันชอบผู้หญิง ไม่ได้สวรรค์เบี่ยงเบนเหมือนเธอสักหน่อย แก่จนป่านนี้แล้วยังไม่มีแฟน”

“ปากจัด!” เธอส่งค้อนให้เพี่อนรักวงเบ้อเริ่ม  “แล้วนี่ฉันถามหน่อยเหอะ ตกลงว่าที่เธอไม่อยากแต่งงานกับน้องปุ๊กลุ้กคนเมื่อตอนบ่ายเนี่ย เพราะเธอไม่ได้ชอบเขาจริงๆหรือเพราะว่าเธอมีที่หมายใหม่สบายผิดกันแล้วกันแน่”

“ก็...ทั้งสองอย่าง” เขายักไหล่ พร้อมยกมือขึ้นพนมเมื่อพระคุณเจ้าทั้งสี่รูปเดินเข้ามาในศาลา

“แล้วที่เธอซื้อคูปองร้านเค้กมาให้ฉัน เพราะว่ามันอร่อยจริง...หรือเพราะว่าอยากปลูกไมตรีกับเจ้าของร้าน บอกความจริงฉันมา”

คราวนี้ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ยิ้มแก้มปริออกมาแทน รอยยิ้มนั้นกว้างไปถึงใบหู แต่เพียงเท่านี้สุกี้ก็เดาเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง...

จากคุณ : รัญดา
เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 21:56:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com