Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หนีออกจากบ้าน ติดต่อทีมงาน

ฉันเดินอยู่ข้างถนนดินลูกรัง เพื่อเดินทางไปที่ไหนซักที่ แต่ขอไปให้ไกลจากที่ฉันจากมา  เมื่อได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์หรือว่ามอเตอร์ไซด์  ฉันก็จะวิ่งหลบเข้าข้างทาง เพราะกลัวจะเจอคนที่รู้จัก ทำไมหน่ะหรือ ก็ตอนนี้ฉันหนีออกจากบ้านอยู่หน่ะซิ แม้ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ฉันก็ไม่หวั่นใจอะไรทั้งนั้น เพราะ คนที่เค้าบอกว่ารักฉัน  เค้าได้ทำร้ายฉัน ทั้งร่างกายและจิตใจ  เค้าคงคิดว่า ฉันเป็นคนไม่มีทางไป ฉันจะแสดงให้เค้าเห็นว่า ฉันสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่ง
ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว เป็นลูกสาวที่แม่ไม่ต้องการ เป็นลูกสาวที่พ่อปกป้องไม่ได้ ฉันรู้สึกแบบนั้นเพราะการกระทำของทั้งสอง  ฉันไม่อยากกล่าวโทษผู้มีพระคุณหรอกนะ เพราะรู้ว่ามันเป็นบาป ลูกต้องสำนึกคุณและตอบแทน ฉันเคยอ่านหนังสือ ว่า ลูกที่อกตัญญู จะต้องตกนรก ขุมโลกันตนรก ซึ่งเป็นนรกขุมที่ลึกที่สุด  ฉันไม่ได้ทำร้าย ทรมานพ่อแม่  แต่สิ่งที่ฉันกำลังคิดมันเหมือนการนินทาว่าร้าย แต่ให้ตายเถอะ ถ้าฉันไม่พูด ใคร ๆ ก็คงไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำของฉันเป็นแน่  และสิ่งที่ฉันกำลังจะเดินทางออกไปเจอ มันก็อาจคงจะยิ่งเลวร้ายเหมือนตกนรกอยู่แล้ว

ครอบครัวของฉันดูเหมือนจะอบอุ่นในสายตาคนภายนอก พ่อและแม่บอกเสมอว่า ภาคภูมิใจที่ มีลูกอย่างฉัน เวลาที่คุยกับเพื่อนบ้าน ก็คุยว่าฉันเป็นเด็กดี ขยันเรียนหนังสือ และเป็นเด็กเชื่อฟัง  ไม่ดื้อ ช่วยทำงานบ้าน  จะไม่ให้ฉันทำได้อย่างไร เพราะถ้าหากทำช้า หรือ เอ้อละเหยหล่ะก็ ฉันก็จะโดนทุบตีจากแม่  ซึ่งทุกครั้งที่โดนตีฉันจะนั่งร้องให้อยู่ที่มุมของห้อง นั่งทบทวนการกระทำของตัวเองว่า ฉันเป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไปหรือป่าว ที่โดนตีอยู่เป็นประจำ และฉันก็มีคำตอบให้ตัวเองเสมอว่า เด็กคนอื่นไม่ได้โดนแบบที่ฉันโดนหรอก ดูซิแค่หกล้มนิดหน่อย ก็โอ๋กันมากมาย ไม่เหมือนฉัน หากล้ม ก็โดนว่าฉันไม่ดูตาม้าตาเรือ หรือ โง่บ้าง  ฉันเรียกมันว่า “การทำร้าย”  ที่ผู้ใหญ่ให้เหตุผลของการกระทำตัวเองว่า“รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”  

ทุกครั้งที่โดนตี ก็จะคิดเสมอว่า “ฉันเกิดมาทำไมนะ”  ฉันเคยได้ยินเสมอเวลาที่ไปวัด พระจะบอกว่า “คนเราเกิดมาชดใช้กรรม” ทุกสิ่งที่เราเป็นเกิดจากเวรกรรมที่เราทำทั้งสิ้น ที่แมลงวันเกิดมีชีวิตอยู่ไม่ถึง 13 วัน ก็ต้องตายไป กรรมอะไรนะที่จะทำให้ฉันเกิดมาเป็นนก ได้บินไปสู่โลกกว้างด้วยปีกและขาของฉันเอง คิดถึงคนที่เกิดมารวย มีคนรักห้อมล้อม อาจเพราะเมื่อชาติที่แล้วทำบุญมาดี หรือ อาจเพราะชาติที่แล้ว ฉันทำร้ายลูกของฉันกันนะ ชาตินี้ ฉันถึงโดนทุบตีขนาดนี้
หรือด้วยเหตุผลที่ฉันได้ยินพอจะรู้ว่าฉันเกิดมาทำไม จากคนที่ฉันรู้จัก อย่างเเวลาที่คนรู้จักของพ่อแม่ผ่านมา ทักทาย พูดถึงฉันว่า “ลูกสาวตัวโตจะเท่าแม่แล้ว ดีจัง มีลูกทันใช้ “หรือว่าที่เค้าให้ฉันเกิดมาก็เพื่อรับใช้กันนะ   คำตอบ สำหรับคำถามที่ ฉันเกิดมาทำไม

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แม่บอกให้ฉันไปตักน้ำในโอ่งมาหุงข้าว ฉันก็เดินไปทำตามคำสั่ง ไม่มีขันในโอ่ง ก็เลยคิดว่า จะเอาหม้อข้าวลงไปตักเลย จะไม่ให้น้ำข้าวไหลออกไปปนกับน้ำดีในโอ่งน้ำฝนเด็ดขาด “ทำอะไรหน่ะ” เสียงแม่ดังแหว ฉันตกใจหม้อข้าวหล่นลงข้าง ๆ โอ่ง อาจเป็นเพราะตัวฉันเล็กและหม้อข้าวก็ใหญ่มากและก็ยังมีน้ำอีก เสียงที่ฉันกลัวที่สุดก็ดังขึ้น  ข้าวดิบและน้ำก็หล่นกระจายไปทั่ว  แม่โกรธมาก เดินฉับ ๆ มาหยิบหม้อข้าว ยกมาเขกหัวฉันดังโป๊ก ๆ ฉันนับได้ว่า 3 ที แล้วแม่ก็เอาหม้อข้าวไป ฉันทรุดตัวนั่งลงเพราะเจ็บและงงกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
น้ำตาแห่งความเจ็บหลั่งไหล แต่ไม่เท่ากับความเจ็บจากความน้อยใจ ที่มันกัดกร่อนหัวใจดวงน้อย จนมันเปาะบาง แค่เพียงสัมผัสมันเบา ๆ ก็พร้อมที่จะแหลก หล่นทลายลงมาทันที  พ่อเดินมาดูและคุกเข่าลงข้าง ๆ และพูดว่า ให้อภัยแม่นะลูก อย่างที่พ่อเคยบอก เพราะว่าแม่เค้ามีสิ่งกดดันหลายอย่าง เพราะว่ารักของพ่อและแม่ไม่ได้รับการเห็นด้วยจากผู้ใหญ่ ทำให้แม่เค้าประสาทไม่ค่อยดี อภัยแม่ด้วยนะ พ่อพูดด้วยความห่วงใย แต่ฉันกลับรู้สึกว่าพ่อทำไมไม่ปกป้องฉันเลยทำไมต้องให้ฉันอดทน ทำไมไม่ไปบอกแม่ว่าอย่าทำร้ายฉัน ฉันเป็นลูกนะ ฉันต้องมารับกรรมจากการกระทำที่ทำของทั้งสองคนด้วย ถ้าเลือกได้ เป็นแบบนี้ขอไม่เกิดมาดีกว่า ฉันพูดอยู่ในใจไม่กล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา มีแต่น้ำตาที่ไหลไม่หยุด  “ ไปปลอบมันทำไม ” เสียงแม่คำรามมาจากในบ้าน

ฉันลุกขึ้นและวิ่งออกมา ฉันกล้าวิ่งหนีออกมาต่อหน้าพ่อ เพราะรู้ว่า พ่อคงไม่ดึงฉันไว้ หรือว่าทำร้ายฉัน แต่ฉันไม่กล้าที่จะวิ่งแบบนี้กับแม่หรอก เพราะแม่ก็คงวิ่งตามมาดึงฉันและตีฉัน และระเบิดด้วยอารมณ์โกรธอีกแน่นอน

เมือใกล้สะพานที่จะข้ามไปฝั่งสวน  ฉันก็หยุดวิ่งและค่อย ๆ เดินผ่านสะพานไม้ อันเดียวที่วางคาบไว้  เหมือนเส้นแบ่งอนาเขต บ้าน และสวน เมื่อ เข้ามาในสวนฉันรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ กับต้นไม้ที่มองเห็นมากกว่า พื้นที่ในบ้านที่มีแต่ความคลุกกรุ่นของอารมณ์ของแม่ตลอดเวลา ฉันก็มานั่งลงข้างต้นมะพร้าว ก้านที่เหี่ยวแห้ง โน้มลงมาใบระพื้น ฉันเอามันมาวางบัง ๆ ทำเป็นกระโจม ที่นี่แหล่ะคือบ้านของฉัน ที่ที่ฉันจะอยู่อย่างสบายใจ และถ้าหากแม่มาหล่ะ แค่ก้านใบมะพร้าวคงไม่ครณามือแม่หรอก

ความห่างไกลจากที่บ้านทำให้ฉันมีเวลาคิดโดยไม่มีความรู้สึกกลัวใด ใด  ฉันได้มีอิสระทางความคิดอย่างแท้จริง  ไม่กลัวว่าแม่จะเข้ามาโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และมาลงโทษกับความผิดที่ฉันไม่รู้ว่า มันเป็นความผิดจริง หรือ เพราะว่าแม่อารมณ์ไม่ดีกันแน่  ลมเย็น ๆ เหมือนช่วยปลอบประโลมใจ น้ำตาเริ่มเหือดแห้งไม่ไหลออกมา แต่ว่ามันซึม ซึมเข้าไปข้างในใจ ของฉัน และฉันก็ผล๊อยหลับไป

และในความฝัน ฉันเดินอยู่ข้างถนนดินลูกรัง ฉันเดินอยู่ข้างทางเพราะไม่อยากให้คนรู้จักเห็นฉันว่ากำลังจะไปไหน ยิ่งเดินหาทางกลับยิ่งมืดมิด มองไม่เห็นข้างทางว่าเป็นอะไร มองไม่เห็นแม้เท้าที่ก้าวเดิน แต่ฉันก็ไม่หยุดเดิน เพราะเห็นแสงสว่างอยุ่ไกล ๆ มีจินตนาการเกิดขึ้นแสดงให้ฉันเห็นว่า เมื่อถึงแสงนั้นแล้ว ฉันจะมีความสุข ตลอดไป ที่นั่นจะมีประสาทที่มีชายผู้อยากมีลูกมาตลอด แต่ว่าภรรยาเค้าได้ตายจากไปพร้อมกับลูกสาวในอุบัติเหตุ เค้าเฝ้ารอลูกสาวที่หายไปในอุบัติเหตุครั้งนั้น เพราะเด็กได้หายสาบสูญไป

เมื่อเค้าได้พบฉัน เค้าก็จะถูกชะตาและรับฉันเป็นลูก และพร้อมที่จะปกป้อง สอนให้ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ  ให้ฉันได้เรียนดนตรี ศิลปะ วรรณกรรมที่งดงาม และฉันจะเติบโตเป็นหญิงสาวที่สวยสง่าและฉลาด ปกครองประสาท และบริวาร  และได้พบกับเจ้าชายผู้ผ่านมาค้นหาสาวงามเพื่อไปอยู่ในดินแดนแห่งความสุขตลอดไป  

แต่ก่อนจะลอดอุโมงไปนั้น มีปีศาจปรากฎตัวต่อหน้า มันอยู่ในผ้าคลุมสีดำ แต่ข้างในเป็นสีแดง  ดวงตาของมันแดงก่ำ ผิวหนังของมันแห้งแทบจะเป็นเนื้อเดียวกระดูก จนไม่แน่ใจว่า มันยังมีชีวิต มือขอมันยื่นมาข้างหน้า และพูดว่า

“ แน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าจะเข้าไปที่แห่งนั้น ที่ที่เจ้าจะไม่ได้พบพ่อแม่ เพื่อนพ้อง บุคคลที่เจ้ารู้จัก ตลอดไป”

“ที่นั่นมีทุกอย่างตามที่ฉันเห็นหรือไม่ หรือว่ามันเป็นภาพลวงตา” ฉันถามเพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็นและ บุคคลที่มาถาม มันเหมือนไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกของฉันคือ ฉันต้องเข้าไปให้ได้ ไม่อย่างงั้นคงต้องเสียใจไปตลอดแน่นอน

“ข้าไม่รู้หรอกว่าที่นั่นจะเป็นเหมือนที่เจ้าใฝ่ฝันหรือไม่ มันอยู่ที่เจ้าเอง เด็กน้อย “ ปีศาจตนนั้น บอกเสียงแหบพล่า

“ฉันแน่ใจ” ฉันพูด  และก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

“ ก็แล้วแต่เจ้า เด็กน้อย ห้า ห้า ห้า “ เสียงปีศาจตนนั้นหัวเราไล่หลังมา ทำไมมันช่างเยือกเย็นนัก

เมื่อแสงแรก กระทบ ใบหน้า วูบแรกเท่านั้น ที่รู้สึกสงบ สบาย แต่ไม่นาน นักเหมือนมีเข็มหลายร้อยเล่มมาทิ่มแทงทั่วทั้งร่างกาย วูบวาบ ใจหาย เหมือนกับร่างกายโดนโยนขึ้น ไปบนอากาศ และหล่นลงมาและก็โดนโดนโยนขึ้นไปอีก มีแสงสีขาววิ่งเข้ามาที่หน้าและแทรกลงไประหว่างหน้าผาก เหมือนโดนตรึงด้วยตะปูเล่มยาว    

ไม่นานได้ยินเสียงหวีดร้องไกล ๆเรียกให้คนช่วย ส่วนฉันหน่ะหรือไม่มีแรงแม้แต่ลืมตา เสียงรอบกายแซ่เซ็ง มีเสียงร่ำไห้ ร้องเรียกชื่อใครคนหนึ่ง “นายใหญ่มาแล้ว ถอยหน่อย” ฉันได้ยินคนหนึ่ง ในผู้คนพูดขึ้น ทุกเสียงเงียบแต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นออกมาท่ามกลางคนเหล่านั้น  เสียงฝีเท้าหนัก ๆ มาหยุดยืนและเหมือนทรุดเข่าลงข้างกายฉัน ฉันสัมผัสได้ถึง มือใหญ่ ๆ ที่มาโอบอุ้มกำมือน้อย ๆ ของฉันไว้ และอ้อมกอดที่แข็งแรงนั้น ได้มาโอบฉันไว้

“ลูกของพ่อ ในที่สุดพ่อก็ได้เจอลูก “ นี่มันหมายความว่ายังไง ผู้ชายคนนี้เรียกเราว่าลูกงั้นหรือ...

แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 23:55:51

แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 23:54:45

 
 

จากคุณ : easyfreedom1978
เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 15:47:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com