 |
ว้า...
ไม่ว้าล่ะ...ถ้าอีกหน่อยอคิลโตขึ้นแล้วมีความลับ อคิลบอกคนๆ หนึ่งไป แล้วเขาไปบอก ความลับของอคิลให้คนอื่นรู้ต่อ ถึงแม้คนที่รู้สัญญาว่าจะไม่บอกใครต่อก็เถอะ อคิลจะชอบไหม? เด็กชายส่ายศีรษะทันที
ก็นั่นแหละ...เราอย่าทำสิ่งที่เราไม่อยากให้คนอื่นทำกับเรา จำไว้นะลูก ชามีดามิสา ไม่แน่ใจนักว่าบุตรชายวัยเพียงห้าปีจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อเห็นเขา พยักหน้ารับหล่อนก็เบาใจ
ฟังนิทานต่อดีกว่าเนอะ...ราชินทร์ไทวาวัตพร้อมด้วย อัศวินคู่ใจทั้ง 6 อันประกอบด้วย อัศวินซึ่งเป็นต้นตระกูลของตระกูลใหญ่แห่งวิปุลาประเทศอย่าง ชลันธีร์,ชาลากันต์,ไคริกา, ธราณินทร์,วาตนันท์ และ ปาฏิรา รอนแรมมาจนถึงดินแดนแห่งนี้ ดินแห่งทะเลสาบ อันโอบล้อมด้วยภูผาและม่านหมอก ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีชื่อเรียกขานเป็นเพียงดินแดน ธรรมชาติ อันไกลโพ้น มีเพียงหมู่บ้านเล็กๆอิงแอบอยู่ในพงไพรซ่อนอยู่ประปราย
คณะเดินทางผู้กำลังเหน็ดเหนื่อย ต่างผ่อนคลายเมื่อเห็นทิวทัศน์อันงดงาม จึงหยุดพัก ที่ริมทะเลสาบใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ใต้ฟ้าพร่างแสงดาว ราตรีนั้นนภาปลอดโปร่งนัก ดาราน้อยใหญ่พากันเริงร่าทอแสงวิบไหว สะท้อนลงสู่ผิวน้ำดุจกระจกเงาน้ำ ในทะเลสาบถูกฉาบด้วยแสงดวงดาว จนกลายเป็นสีเงินไปทั่วผืนนที
ในราตรีอันงดงามนั้นเอง เมื่อทุกคนถูกครอบงำด้วยความง่วงงุนก็พากันหลับใหล พักผ่อนกายใจ มีแต่ไทวาวัตผู้ทรงนิราศยังคงลืมพระเนตรอยู่ วาตะแผล่วพลิ้วมา รอบกายาราวกับจะโอบอุ้มไว้ พระองค์ทอดพระเนตรไปยังต้นสายของวาตะอันอบอุ่น ที่นั่นมีนางผู้งามพิลาศยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำ พระองค์รู้ทันทีว่านางมิใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
นางพราย!! เด็กชายตะโกนออกมา แต่เมื่อสบสายตามารดาก็รีบหลับตาลงไปอย่างเดิม
ใช่...ผู้หญิงนางนั้นเป็นนางพราย นางพรายผู้นั้นคลี่ริมฝีปากสีกุลาบส่งรอยยิ้ม อันอ่อนหวานให้พระองค์แล้วชี้มือไปยังด้านหลัง ไทวาวัตผู้องค์อาจทอดพระเนตร ตามไม่พบเห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิดและภูผาสูง สักครู่ต่อมานางจึงแหงน ดวงหน้ามองไปยังเบื้องบน ที่ซึ่งธารแสงดาวทอประกายอยู่ พระองค์ทอดพระเนตรตาม ด้วยหทัยเหม่อลอยคล้ายต้องมนต์ พลันรู้สึกสงบอย่างประหลาด
อรุณรุ่งมาเยือน คณะเดินทางออกสำรวจยังทิศที่นางพรายชี้ไปพบว่าชัยภูมิเหมาะสม จะสร้างนครยิ่งนัก ด้านหนึ่งหันหน้าเข้าสู่ทะเลสาบอีกด้านหันหลังชนผา มีเหมืองน้ำ เป็นกำแพงล้อมรอบวังเวียง มีปราการเป็นกันทรรอบจรดครอบนครทุกทิศ พระองค์ มั่นพระทัยแล้วว่านางพรายเมื่อคืนมานำนิมิต จึงชักพระแสงประจำตัวขึ้นมา แล้วชูขึ้นฟ้าประกาศิตว่า
ข้า...ไทวาวัต ขอวางสายโลหิตของข้าลง ณ แผ่นดินนี้ตราบชั่วกาลนาน ขอนคราของข้า จงแผ่ไพศาลออกไปดั่งเม็ดทราย ข้าขอให้นามดินแดนนี้ว่า...วิปุลานคร
ราชินทร์ไทวาวัตยังร่ายถึงอาณาจักรของพระองค์ต่อไป ราวกับกำลังขอพรจากเทพเทวดา
ธานีนี้จักวิจิตรดังสรวงชะลอลงมา เทวานิมิตให้ ไทวาวัตปกปักษ์ พร้อมสรรพสิ้นทั้ง ปถวี เตโช อาโป วาโย สุวรรโณ แล บุษปะ ขอจงยืนยงตราบที่สายนทีแห่งวิปุลายังถูก ห่อหุ้มคุ้มกันด้วยพรายหมอก แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคำขอของพระองค์ ตราบจนทุกวันนี้ ชามีดามิสาทอดเสียงอ่อนลงเมื่อถึงท้ายเรื่อง พลางเหลือบดู บุตรชายตัวดีว่านิทราไปหรือยัง
แล้ว..ชลันธีร์ของเราก็เป็นหนึ่งในอัศวินด้วย สืบเชื้อสายมาหลายร้อยปีมาจนถึงอคิล อัศวินรุ่นปัจจุบัน ไชโย!! เสียงเจื้อยแจ้วนั่นดังขึ้น พร้อมๆ กับกำปั้นที่ชูขึ้นมา เล่นเอา มารดาเสียงแข็งขึ้นมาทันที
อคิล! ไหนบอกว่าเล่านิทานแล้วจะนอนไง
โธ่...มามา นี่ฉากสำคัญเลยนะ อย่าลืมเล่าสิ
ก็แย่งเล่าไปแล้วนี่ งั้นก็นอนได้แล้ว จบๆๆ
มามา ยังไม่จบสักหน่อย ต้องเล่าถึงอัศวินอีก 6 ตระกูลก่อนสิ
ไม่เอาแล้ว ยิ่งเล่ายิ่งตาสว่าง มามาไม่เล่าแล้ว มารดาแสร้งเชิดหน้าขึ้นให้รู้ว่า ไม่พอใจเด็กดื้อ
น่า..นะ เล่าต่ออีกนิดสิมามา เอาแค่ปาฏิราก็ยังดี นะๆๆๆๆ
ก็ได้...แล้วต้องนอนจริงๆ นะ ไม่มีต่อรองอีก ชามีดามิสารทอดถอนหายใจ แต่ไม่นานนักเสียงหวานก็เอ่ยต่อ
อัศวินแห่งปาฏิรา เดิมทีไม่ใช่นักรบ แต่เป็นอัศวินผู้ปกป้องศาสนา ในค่ำคืนที่ทุกคน กำลังพักผ่อน ปาฏิราเท่านั้นที่ยังไม่เข้านิทรา เขาเฝ้าอธิษฐานขอให้วิปุลาเป็นนครอันยั่งยืน แล้วในราตรีนั้นเองเขามองเห็น หญิงงามนางหนึ่งเดินออกมาจากป่าข้างทะเลสาบสิละวา นางงดงามยิ่งนัก พวกเขาทั้งสองสบตากันแล้วตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แม้ไม่มีผู้ใดบอก แต่ทุกคนก็ทราบว่านางพรายส่งบุตรีแห่งนางมาให้กับเขา เพื่อสืบเชื้อสายค้ำจุนบัลลังก์ ของไทวาวัตและปกป้องวิปุลาตลอดไป ดังนั้นผู้หญิงตระกูลปาฏิราจึงรับหน้าที่ดูแล วิหารเทพีนีราบนกันทราคีรี ส่วนผู้ชายก็ช่วยปกป้องคุ้มครอง ทะนุบำรุงศาสนาต่อไป
แล้วพวกเขาก็ตั้งมหาวิทยาลัยศาสนาด้วยใช่ไหมฮะ
ใช่! นอนได้แล้ว มารดาเสียงห้วนขึ้นมาทันที ที่ได้ยินเจ้าตัวเล็กยังส่งเสียงแจ๋วๆ อยู่
นอนแล้วก็ได้ แต่...มามาบอกหน่อยสิ นางพรายยังมีอยู่หรือเปล่า? ชามีดามิสา ขมวดคิ้วจะอธิบายให้เด็กเล็กฟังอย่างไรดีน้า ว่านี่เป็นเรื่องเทพปกรณัมท้องถิ่นเท่านั้น
คงจะเคยมี...แต่เดี๋ยวนี้เป็นมนุษย์กันหมดแล้วมั้ง
ใช้นามสกุลปาฏิราด้วยใช่ไหม?
อื้อ คนเล่าชักหงุดหงิด ไม่หลับสักที
งั้นถ้าเป็นสมัยก่อนมามาก็ต้องถูกเรียกว่านางพรายด้วยสิ
บุตรีของนางพราย ไม่ใช่นางพราย มารดาตอบ
มันต่างกันตรงไหนอ่ะ?
ต่างกันตรงที่นางพรายเดินบนน้ำได้ มามาทำไม่ได้ยังไงล่ะค๊า...า หล่อนลากเสียงยาว ประชดบุตรชาย
ทำไมทำไม่ได้ล่ะฮะ?
ยืนบนน้ำน่ะทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าตีเด็กไม่ยอมนอนล่ะก็ทำได้แน่ๆ พอได้ยินมารดาตอบ เด็กชายก็เงียบเสียงลง แล้วรีบนอนตะแครงหันหลังให้ทันที แต่ยังไม่แคล้วมีเสียง เล็ดลอดออกมาอีก
เสกไฟก็ไม่ได้เหรอมามา
จุดเตาแก๊ซได้พอไหม? คราวนี้ชามีดามิสาเสียงเขียวบอกว่าตีจริงๆ แน่ๆ อคิลเลยรีบหลับตา ปิดปากสนิทไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก จนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไปจริงๆ
เขายังจำเรื่องราวในวันนั้นได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งเสียงเข้มๆ ใกล้ตบะแตกของมารดา ทำเอาอคิลในวัยยี่สิบแปดปีเผยอยิ้มออกมา ความจำครั้งเยาว์วัยช่างงดงามนัก หากมารดายังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้คงจะช่วยภามินแก้ปัญหาได้ดีกว่าเขาหลายเท่านัก
อ่านต่อตอนหน้าค่ะ  +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ย้อนอ่านตอนก่อนๆ ได้ตามลิ๊งค์นี้เลยค่ะ
บทนำ+ บรรพที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10315410/W10315410.html บรรพที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10338519/W10338519.html
แต่ถ้าจะอ่านล่วงหน้าเชิญในบล็อกเลยค่ะ จะลงเร็วกว่า 1 ตอน
จากคุณ |
:
แก้วกังไส
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 54 17:09:59
|
|
|
|
 |