3 ณ นครแห่งข้าว
ตอนแรกที่ฉันได้เห็นป้ายทางเข้า โรงเรียนชาวนา ฉันคิดว่าเป็นโรงเรียนสำหรับ เด็กนักเรียน มาเรียนวิชาเฉพาะทางด้านการเกษตรเหมือนอาชีวะซะอีก แต่ว่า... พอเห็นนักเรียนโรงเรียนชาวนาแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กแน่ๆ บางคนแก่กว่าท่านเจ้าสัวด้วยซ้ำไป
นักเรียนที่นี่เป็นชาวนาจริงๆ นะป้าจี้ พวกเค้ามาอบรมเรียนรู้วิธีการทำนา
อ้าว ในเมื่อคุณลุงคุณป้าเป็น ชาวนาจริงๆ แล้ว ชาวนาจริงๆ เค้าทำนากันไม่เป็นเหรอ กลับต้องมาเรียนวิธีทำนา ได้ไงอ่ะ? หรือว่าสอนให้ชาวนาไฮเทค?
ไม่ได้ไฮเทคที่อุปกรณ์ แต่เป็นวิธีคิด วิธีทำ ต่างหาก
ที่ต้องสอนการทำนาให้ชาวนา เพราะทุกวันนี้ ชาวนาทำนาผิดน่ะสิ ป้าจี้ เราเลยพยายามช่วยให้ชาวนาทำนาให้ถูก
ทำนาผิด? ผิดไงอ่ะ???
เค้าใส่ปุ๋ยใส่ยา
เอ๋า... ใส่ปุ๋ยก็ถูกแล้วนี่นา มันไม่มีดียังไงอ่ะ?
ฉันงง ถึงฉันจะไม่เคยทำนา แต่ก็พอจะมีความรู้พื้นฐานที่ใครๆ ก็รู้ว่า การปลูกพืชอะไรก็ตาม ต้อง รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ???
คุณก็งงเหมือนฉันมั๊ยคะ?
เอางี้... ป้าจี้คิดว่า ใครสอนชาวนาทำนา?
ก็คงต้อง... เอ... นั่นสิ ใครจะสอนชาวนาทำนา? ฉันตอบไม่ถูก เพราะไม่เคยสงสัย ก็ฉันคิดว่า คนที่เกิดมาเป็นชาวนาย่อมต้องทำนาเป็นออโตเมติกอยู่แล้ว
คนไทยเราทำนากันมาห้าพันกว่าปีแล้ว สมัยก่อน... พ่อแม่เป็นชาวนา ลูกก็ช่วยพ่อแม่ทำนา โตขึ้นมาก็ทำนาได้เอง แต่พอเราเปิดประเทศ รัฐบาลส่งเสริมการค้าข้าว ชาวนาของเราก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ...ที่เคยปลูกข้าว เอาไว้กินกับผักกับปลาที่มีอยู่ตามท้องนา ก็กลายเป็นปลูกเพื่อขายแลกเงิน ...ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนโน้น เค้าถือนะป้าจี้ เค้าไม่กล้าขายข้าวกัน เพราะถือว่าข้าวคือพระแม่โพสพ จะตักข้าวหรือหุงข้าวก็ยังต้องคุกเข่าแสดงความเคารพนะ ห้ามยืน ดังนั้น...ขายไม่ได้ เดี๋ยวบาปกรรม
อ้าว ถ้าไม่ขายแลกเงินแล้วชาวนาจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของล่ะ อย่างเสื้อผ้า...
ชาวนาสมัยโบราณเค้าไม่ใช่มีแต่นานี่ป้าจี้... เค้าปลูกผลไม้ไว้กิน ปลูกฝ้ายไว้ทอผ้า ขนาดบุหรี่เค้าก็ปลูกยาสูบเอามามวนสูบเอง หมากที่เคี้ยวก็ปลูกเองทั้งหมากทั้งพูล ผักก็เดินเก็บเอาเองตามท้องนา ถ้าอยากได้ของที่มันไม่มีในท้องถิ่น อย่างเช่นเกลือ... เค้าก็จะพายเรือเอาข้าวไปแลกกับคนที่ทำนาเกลือแถวๆ แม่กลองไง ...ยิ่งเรื่องข้าวนี่ ทำเองทุกอย่างตั้งแต่ปลูกเอง เกี่ยวเอง นวดเอง ตำเอง กินเอง ไม่มีโรงสีนะ สรุปว่า ไม่เห็นต้องใช้เงินเลย
อู๊ย เหมือนป้าจี้เลย ชอบผลิตของใช้ทุกอย่างเองในบ้าน เหอๆ ตาทับบี้แอบยิ้มอะไรน่ะ มองเสื้อผ้าฉันแล้วยิ้มอย่างงั้นมันหมายความว่าไง๊
พอหันไปมองรอบๆ ก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าสายตาของลุงๆ ป้าๆ ในเต้นท์ที่เพิ่งฟังอบรมเสร็จต่างก็หันมามองทางฉันแล้วยิ้มแปลกๆ คล้ายเอ็นดู คล้ายสังสัย (ว่ามันคือตัวอะไรวะเนี่ย)
ชิชิ... ชุดที่ฉันใส่วันนี้น่ะ ฉันนั่งตัดเป็นพิเศษสำหรับใส่ให้กลมกลืนกับพวกคุณลุงคุณป้านะเนี่ย อุตส่าห์ไปหาผ้าม่อฮ่อมเอามาตัดต่อกับผ้าลายสก๊อต (ก็ฉันเห็นเวลาลุงชาวนาเค้าออกทีวี เค้าจะใส่เสื้อลายสก๊อตกันเกือบทุกคนเลยนี่คะ) ทำเป็นชุดกางเกงขาสั้น
อ้อ... ฉันใส่งอบมาด้วยนะคะ หุหุ
นึกถึงตอนที่ทัพพ์ไปยืนเชียร์ป้าจี้สมัยอยู่ประถมเต้นระบำเพลงรำวงเกี่ยวข้าว 555 ป้าจี้จะเอาเคียวด้วยมั๊ย เดี๋ยวทัพพ์ไปยืมมาให้ถือ จะได้เต็มยศ ...น๋อยแน่ะ อีตาทัพพีแซวป้า ตัวเองนั่นแหละ ชาวนาภาษาอะไรแต่งตัวไม่เข้าท่าเลย นุ่งกุงเกงยีนส์กับเสื้อเชิ๊ตสีขาวจั๊วะ แถมใส่แว่นตากันแดดด้วย ฉันแอบหักคะแนนอยู่ในใจ เครื่องแต่งกายไม่ถูกต้อง!
แต่คนแต่งกายผิดระเบียบกลับไม่โดนมองว่าเป็นตัวประหลาด กลับมีคนโน้นคนนี้โบกไม้โบกมือทักทาย หรือเป็นเพราะเขาทำตัวกลมกลืนได้เนียนกว่าทั้งๆ ที่มีท่าเดินไม่เหมือนชาวบ้านอีกต่างหาก
แล้วก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสันทัดในชุดเสื้อยีนส์พับแขนท่าทางคล่องแคล่วทะมัดทะแมงเดินยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีรี่เข้ามาทักทาย
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
23 มี.ค. 54 01:01:23
|
|
|
|