Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปาฎิหาริย์รักจากฟากฟ้า ตอนที่ 2 ติดต่อทีมงาน

มาอัพตอนที่ 2 แล้วค่า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10341205/W10341205.html บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10342839/W10342839.html
ตอนที่ 1


มาธวีอ้าปากค้างตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มาเคาะประตูห้องเรียกเธอแต่เช้านั้นเป็นใคร  หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาอีกครั้งเพื่อหวังว่านี่จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่ไม่เป็นความจริง แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ‘มัน’ ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มิหนำซ้ำ ‘มัน’ ยังยื่นนิ้วเรียวยาวหากแต่หยาบกร้านของมัน มาตบแก้มนวลของเธอเบา ๆ สามครั้ง หญิงสาวกระพริบตาถี่ยิบอย่างมึนงงและสับสนในใจ ภายในสมองไม่สามารถประมวลผลอะไรออกมาได้ เธอจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ มองคนที่ยืนโปรยยิ้มหวานชวนใจสั่นตรงหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัว ปากแห้ง ๆ ที่แอบเลอะคราวน้ำลายขยับพึมพำกับตัวเองว่านี่คงต้องเป็นความฝันแน่ ๆ หากแต่เจ้านักร้องอินดี้รูปงามตรงหน้ากกลับหยิกแก้มนวลทั้งสองข้างเบา ๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งเพราะความเจ็บ

“ ไม่ได้ฝันไปหรอกจ้ะฮันนี่ ~” ปัณฑ์ธรบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้มตัวลงหยิบกระเป๋าสัมภาระและแอมป์ตัวกะทัดรัดที่วางอยู่ข้างตัว แล้วเดินเข้าห้องพักส่วนตัวของมาธวีทันทีอย่างหน้าตาเฉย แถมผิวปากอารมณ์ดีอีกต่างหาก มาธวีอ้าปากค้างกับพฤติกรรมเสื่อม ๆ ของผู้มาเยือน ไม่นึกว่าสิ่งมีชีวิตที่แสนเจิดจรัสอย่างปัณฑ์ธรจะทำตัวหน้าด้าน(แบบสุด ๆ ) เข้าบ้านคนอื่น โดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้ชวน และไม่คิดจะชวนด้วย

“ แกมาที่นี่ได้ยังไง ทำไม ?? ” มาธวีเกาหัวยุ่งเหยิงของตัวเอง พลางทำน้ามึนซึ่งอาการนั้นของเธอทำให้นักร้องหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสมองทางอื่นเรื่อยเปื่อย  

“ ห้องแกแคบกว่าที่คิดว่ะ แต่ฉันคิดว่าฉันพอจะอยู่ได้ ” นักร้องหนุ่มหน้าหวานบอก ก่อนจะวางสัมภาระ และกีตาร์ที่แบกอยู่ลงบนโซฟารับแขกกลางห้อง พลางสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ พร้อมเบ้ปากเหมือนรังเกียจ

“ ฉันถามอยู่ ไม่ได้ยินหรือไง ” ร่างบางตะโกนเสียงดัง จนคนฟังต้องอุดหู “ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาก่อกวนแต่เช้า แล้วขนของพวกนี้มาทำไมกัน ” หญิงสาวชี้ไปที่ข้าวของที่ปัณฑ์ธรขนมา ซึ่งเธอเองรู้สึกได้ว่ามือของตัวเองนั้นสั่นเทาไปหมด ไม่ใช่ว่าสั่นเพราะกลัวเขาหรอกนะ แต่สั่นเพราะโกรธต่างหากล่ะ

“ หนีออกจากบ้าน ” เขาบอกเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ก่อนจะหยิบขนมที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้นมาใส่ปาก

มาธวีเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างของตัวเองเกาหัวอย่างรุนแรง ตอนนี้นอกจากความเจ็บจากการที่ขยี้หนังหัวตัวเองอย่างแรงจนแทบจะหลุดติดเล็บออกมาหมดแล้ว เธอยังรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงอีกด้วย หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ก่อนจะกรีดร้องอย่างโหยหวน ซึ่งเจ้าตัวการที่ทำให้เธอต้องปวดสมองขนาดนี้กลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร กลับทำตัวกักขฬะกว่าเดิม ด้วยการบ้วนขนมชิ้นใหม่ที่เพิ่งยัดเข้าปากลงพื้น ก่อนจะบ่นเสียงดัง

“ ไอ้ฮัน ซกมกว่ะ ขนมนี่มันโคตรหนืดเลย เปิดทิ้งไว้กี่วันแล้วเนี่ย ”

สิรดนัยวางเอกสารของบริษัทที่เขานำกลับมาจากที่ทำงานลงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะนวดขมับตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายความปวด ชายหนุ่มระบายลมหายใจเบาๆ ด้วยเรื่องของน้องชายที่ทำตัวก้าวร้าวชนิดร้ายกาจ แถมหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนโดยไม่ติดต่อกลับอีก เขาปิดเปลือกตาหนักอึ้งลงอย่างช้า ๆ เหมือนไม่ต้องการที่จะพบเจอกับเรื่องราวตรงหน้า  ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากสนิทจนเป็นเส้นตรง พลางพยายามใช้ความคิดว่าเขาควรจะทำเช่นไรกับเรื่องนี้ดี

“ คุณแดนคะ คุณเดือนโทรศัพท์มาค่ะ บอกว่าอยากจะเรียนสายกับคุณปัณ แต่ดิฉันบอกว่าคุณปัณไม่อยู่ เธอก็ไม่เชื่อและบอกว่าถ้าคุณปัณไม่อยู่ ก็จะขอเรียนสายกับคุณแทนค่ะ ”

สิรดนัยพยักหน้ารับรู้ พลางถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กน้อยปลายสาย ที่เขาเองก็ยังไม่รู้จะจัดการเรื่องราวของเขาและเธอให้ลงตัวได้อย่างไร

เมื่อร่างสูงเดินไปถึงโทรศัพท์ เขาก็หยิบมันมาแนบแก้ม กรอกเสียงถามปลายสายเนือยๆ

“ สวัสดีครับ พี่แดนพูด ”

“ พี่ปัณไม่อยู่จริง ๆ เหรอคะ หรือว่ารวมหัวกันปกปิด กีดกันเดือนน่ะ ” เด็กสาวปลายสายถามด้วยเสียงไม่พอใจ ทำให้สิรดนัยนึกเอือมระอา

“ พี่เป็นผู้ใหญ่ พี่ไม่โกหกเธอหรอกนะ ” เขาบอกอย่างพยายามทำให้เธอใจเย็น “ เดือนมีธุระอะไรสำคัญกับเขาหรือเปล่า จะฝากพี่บอกเขามั๊ย ”

ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบคำถาม

“ ไม่มีหรอกค่ะ ถ้ามีมันก็ไม่ใช่ธุระสำคัญสิ เป็นพี่แดน ถ้าพี่แดนมีธุระสำคัญกับคนคนนึง พี่แดนจะฝากข้อความไว้กับคนอื่นให้เขาได้รับรู้หรือเปล่าคะ ”

คำยอกย้อนของเด็กสาวทำให้สิรดนัยอดที่จะอมยิ้ม และหัวเราะเบา ๆ ในลำคอไม่ได้ เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงของเด็กสาวที่อยู่ปลายสาย ตรงกันข้ามกันพอได้ยินเสียงหัวเราะของสิรดนัย ฝ่ายโน้นก็ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ กระเง้ากระงอดถามชายหนุ่มผู้เป็นว่าที่คู่ชีวิตว่าหัวเราะเยาะเธอทำไม นั่นยิ่งทำให้เขาหัวเราะเสียงดังกว่าเก่า

“ พี่แดน ถ้าไม่หยุดหัวเราะนะ เดือนจะไม่พูดกับพี่แดนตลอดชีวิตเลยด้วย ” เพ็ญนีต์บอก พยายามทำเสียงหนักแน่นจริงจัง

“ เดือนจะไม่พูดกับสามีเดือนไปตลอดชีวิตก็ลองดูสิ ” เขาเหย้าแหย่อย่างไม่คิดจริงจัง แต่มันกลับทำให้ปลายสายเงียบไปเสียเฉย ๆ สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา

“ เดือนเคยบอกพี่แล้วใช่ไหมคะ ว่าเดือนไม่ชอบ ถ้าพี่แดนพูดถึงมันอีกเดือนจะไม่พูดกับพี่แดนอีกเลย”

“ เดือน พี่แค่....”

เขาแค่ต้องการที่จะบอกเธอว่า เขาแค่อยากจะแหย่เธอเล่นเพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบนักที่จะได้ยินเขาเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น หากแต่ปลายสายก็วางใส่หูเขาไปโครมใหญ่เสียแล้ว หากแต่สิรดนัยก็ไม่ค่อยใส่ใจกับความไม่พอใจของเพ็ญนีต์มากนัก เพราะรู้ว่าเด็กอย่างเธอนั้นโกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวเธอก็ต้องหายโกรธเขาไปเอง เด็กที่ไหนจะโกรธผู้ใหญ่ได้นานกัน อีกอย่าง เขาก็มีเรื่องให้ต้องกังวลมากมายอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะหาเรื่องมาใส่หัวเพิ่มมากขึ้นหรอก

         มาธวีระบายลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย และจงใจจะให้ ‘ผู้มาเยือน’ รู้สึกตัวเสียทีว่าเขาเป็นตัวปัญหา และสาเหตุที่ทำให้เธอต้องถอนหายใจเสียงดังขนาดนี้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวการจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพราะปัณฑ์ธรยังคงลอยหน้าลอยตาเล่นคอมพิวเตอร์ของเธออย่างสนุกสนาน พร้อมกับกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองสุดท้ายในตู้ของเธอหน้าตาเฉย

“ นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ไม่ไปทำงานเหรอ ” ชายหนุ่มถาม ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคอมพิวเตอร์

“ แล้วฉันจะไปได้ไงล่ะ ในเมื่อแกยังคงนั่งเล่นคอมอยู่ในบ้านฉันอยู่เลย จะให้ฉันปล่อยแกให้เฝ้าบ้านฉันไว้เหรอ ”

ปัณฑ์ธรพยักหน้าช้า ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรในน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจของมาธวี หญิงสาวมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะหน้าหนาได้มากขนาดนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆเลย ว่าฟ้าต้องการอะไรกันแน่ ถึงทำให้เธอกับปัณฑ์ธรต้องโคจรมาพบกันอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้พบไม่ได้เจอกันมาสามปีแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ดี ๆ ชีวิตของเธอก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อเขากลับเข้ามาในชีวิตของเธอ และปฏิบัติกับเธอเหมือนแต่ก่อน ไม่เว้นระยะห่างสักนิด ไม่เหมือนคนไม่เจอกันมานานเลยสัก
นิด(เล้ยยย)

ตลอดทั้งวัน มาธวีแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานเลย จนโดนเอ็ดอยู่บ่อย ๆ แถมหญิงสาวยังเห็นว่ามีคนแอบจดพฤติกรรมของเธอเอาไว้อีกต่างหาก เธอถอนหายใจอ่อนแรง ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตในสำนักพิมพ์ของเธอจะอยู่ได้นานสักแค่ไหน เพราะเธอเองยังทำงานที่นี่ในตำแหน่งของพนักงานทดลองงานได้ไม่ถึงเดือน ถ้าต้องถูกไล่ออกอีกจะเอาอะไรกินแทนข้าว นึก ๆ ก็เสียดายงานที่ผ่านมา ถ้าเจ้านายไม่ลามกแถมมีรสนิยมโลลิค่อนชอบคนหน้าเด็ก ตัวเล็ก นมแบนอย่างเธอ จนมาทำหื่นเรี่ยราดพยายามลวนลามเธอบ่อยครั้งจนคุณนายจับได้ เฉดหัวเธอออกจากบริษัททั้งๆ ที่มันเป็นความผิดของไอ้แก่โอตาคุนั่นล่ะก็ เธอก็คงจะไม่ต้องมาทุกข์ใจกับรายได้ที่ไม่แน่นนอนเช่นนี้หรอก

ตกเย็นมาธวีกลับคอนโดด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อนจนหมดแรง เพราะว่ามีเรื่องการเตรียมงานสัปดาห์หนังสือช่วงเดือนตุลาที่จะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้าจนดึกดื่น เพิ่งจะได้กินข้าวเย็นเมื่อตอนสองทุ่มนี่เอง จนเมื่อมาถึงหน้าประตูห้อง มันเงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวเคยแอบคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะได้ยินเสียง ดนตรีอินดี้ลอดประตูมาเสียอีก แต่นี่กลับเงียบสงัดเหมือนป่าช้า มาธวีขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ในห้องให้เปิดประตูรับ พลางยกข้อมือขึ้นดูเวลา นาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว หญิงสาวระบายลมหายใจอย่างไม่พอใจ สีหน้าวิตกกังวล ก่อนจะเหลืบไปเห็นซองสีขาวที่สอดอยู่ตรงช่องประตูด้านล่าง ใจความของจดหมายทำให้มาธวีอุทานอย่างแสนเสียดาย

คืนนี้เราจะอดดูละครจริง ๆ หรือนี่ ~

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 09:13:42

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 09:12:54

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 09:09:37

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 54 09:05:44

จากคุณ : kibosi
เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 09:03:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com