กรงเล็บอันแหลมคมของจอมเวทหนุ่มจิกลึกลงไปบนลำคอของคอร์ฟคาคาร์ส เลือดสีแดงเข้มไหลทะลักออกมา ฟอร์เซ็ตติอ้าปากและฝังเขี้ยวของเขาลงไปบนข้อมือของจอมมาร เสียงแตกของกระดูกดังลั่น แต่ยังน้อยกว่าเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดและคั่งแค้นของจอมปิศาจ มือข้างที่จับลินซ์ไว้คลายออก ร่างของเด็กน้อยหลุดร่วงลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ราชันย์ปิศาจยกมืออีกข้างของเขาขึ้นและสะบัดฟาดลงไปบนใบหน้าของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสเต็มแรง จนเขากระเด็นออกไป ฟอร์เซ็ตติดันตัวให้ลุกยืนขึ้นและถ่มน้ำลายปนเลือดลงบนพื้นพลางฉีกยิ้ม
เลือดของเจ้าก็หวานไม่เลวเลย
แก! คอร์ฟคาคาร์สร้องอย่างโกรธจัด เขาเดินเข้าไปหาจอมเวทหนุ่มและคว้าลำคอของเขาขึ้นมาบีบอย่างแรง
ไอ้ลูกครึ่งชั้นต่ำ! จอมมารกระชากเสียงตวาดใส่หน้าฟอร์เซ็ตติ แกกล้าทำให้เลือดอันมีค่าของข้าไหลออกจากกาย
กรงเล็บที่ขยุ้มลำคอของจอมเวทบีบแรงขึ้นราวกับต้องการให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าแหลกคามือ ดวงตาแข็งกระด้างแดงก่ำดั่งโลหิต มันจ้องลึกลงไปในดวงตาของฟอร์เซ็ตติ คิ้วของจอมปิศาจขมวดมุ่นเมื่อเห็นประกายบางอย่างปรากฏอยู่ในตาคู่นั้น คอร์ฟคาคาร์สยิ้ม
แกมันก็มีเลือดและหัวใจที่ไม่ต่างไปจากข้า!
ข้าไม่มีวันเหมือนเจ้า! จอมเวทตะคอกกลับ กระแสลมอันกราดเกรี้ยวพัดหมุนวนรอบๆตัวของคนทั้งสองเสียงดังอื้ออึง
แกเหมือนกับข้าทุกอย่าง คอร์ฟคาคาร์สแยกเขี้ยวอย่างดุร้าย เขากางกรงเล็บอีกข้างหนึ่งออกและแทงลงไปบนหน้าอกของฟอร์เซ็ตติอย่างแรง จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสสะดุ้งสุดตัวและร้องเสียงดัง
ข้าจะยังไม่ฆ่าแกในตอนนี้ จอมมารพูดขึ้น เขาเหวี่ยงร่างอันชุ่มโชกไปด้วยเลือดของจอมเวทหนุ่มไปอีกด้านก่อนจะโบกมือเรียกร่างหมดสติของลินซ์ให้ลอยมาหา
นังเด็กนี่จะเป็นเครื่องสังเวยวิเศษสำหรับข้า เลือดของนางจะชดเชยเลือดที่ถูกเจ้าทำให้ไหลหลั่งออกจากกาย
จอมปิศาจแสยะยิ้มขณะมองดูฟอร์เซ็ตติพยายามจะลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ เขาล้มลงไปและสำลักไอออกมาเป็นเลือด
หัวใจของแกถูกกรงเล็บของข้ากรีดจนเป็นแผล มันจะเจ็บปวดแทบขาดใจทุกครั้งที่เจ้าคิดถึงนังเด็กมนุษย์นี่
ไม่!
เสียงที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากชุ่มเลือดแผ่วเบาราวกระซิบ ภาพของจอมมารเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นทุกที
จงทรมานอยู่กับความล้มเหลวไปจนชั่วชีวิตของเจ้าเถอะ เจ้าจอมเวทนอกคอก!
อย่า! ฟอร์เซ็ตติร้อง ดวงตาเหลือกมองดูร่างของจอมปิศาจที่กำลังเลือนหายไปพร้อมกับบุตรสาวของเดฟล่อน
ลินซ์!
*/*/*/*/*/*
แสงอันเกิดจากการต่อสู้ระหว่างคอร์ฟคาคาร์สและฟอร์เซ็ตติบอกทิศทางให้โซลย์และโมไดติดตามมาได้ถูก ทั้งสองควบม้าจนเต็มฝีเท้าด้วยหวังว่าจะไปช่วยเหลือจอมเวทและลินซ์ได้ทันท่วงที แต่เมื่อทั้งคู่ไปถึงกลับพบเพียงกองดินอันเป็นเศษซากร่างของโกเล็มและพื้นดินซึ่งแตกกระจายเป็นหลุมขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากพลังการปะทะของผู้ทรงเวททั้งสอง โมไดกระโดดลงจากหลังม้าและวิ่งไปดึงวัตถุสีเงินซึ่งจมหายลงไปในดินครึ่งหนึ่งขึ้นมา
รันนิ่งของข้า ทำไมมันถึงได้จมดินอยู่แบบนี้
โซลย์ไม่ตอบคำของเด็กหนุ่ม สายตาที่เคร่งขรึมของเขากวาดมองไปรอบๆและหยุดลงที่ด้านหลังของเนินดินซากร่างโกเล็ม ชายผ้าสีขาวคุ้นตากำลังสะบัดไหวอยู่ท่ามกลางสายลมร้อนผ่าวของเวลาบ่าย แม่ทัพแห่งมอร์เซลรีบลงจากหลังม้าและวิ่งตรงไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งของฟอร์เซ็ตติทันที
เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านถึงได้มีสภาพแย่ขนาดนี้
เขาพึมพำอย่างตกใจเมื่อพลิกร่างของจอมเวทให้นอนหงาย และพบว่าผ้าคลุมสีขาวสะอาดภายใต้ร่างนั้นแดงฉานไปด้วยเลือดสดๆที่เริ่มจับตัวแข็งเป็นลิ่ม โมไดเดินมาหยุดยืนมองดูโซลย์ซึ่งกำลังรีบสำรวจร่างกายของจอมเวทหนุ่ม
เจ้านั่นกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว
เขาพูดออกมา โซลย์มองหน้าอันขาวซีดของฟอร์เซ็ตติแล้วเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่กำลังไม่ได้สติของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นหน้าที่งดงามเหมือนเดิม เส้นผมสีขาวแปรเปลี่ยนไปเป็นสีเงินสว่างยุ่งเหยิงปรกใบหูเรียวแหลม
หมอนี่เป็นเอลฟ์เหรอ
โมไดเปรยออกมา เขามองไปรอบๆตัวอีกครั้งโทสะที่พยายามระงับไว้เริ่มปะทุขึ้นในใจ
ลินซ์ไม่อยู่ที่นี่ เจ้าจอมเวทคงช่วยน้องสาวของข้าไม่ทัน
นางอาจจะยังไม่เป็นอันตรายก็ได้ โซลย์พูดขณะที่คลายเสื้อคลุมของฟอร์เซ็ตติออก เขาใจหายวาบเมื่อเห็นรอยแผลเหวอะหวะบนแผ่นอกของจอมเวทหนุ่ม โมไดเงียบเสียงไปทันที
ดูเหมือนเขาจะผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก แม่ทัพแห่งมอร์เซลพูดพลางหยิบห่อผ้าเล็กๆออกมาจากถุงสัมภาระและวางไว้ข้างตัว
เอ้า!อย่ามัวยืนเฉยอยู่สิโมได ช่วยหยิบถุงน้ำนั่นส่งมาให้ข้าที โซลย์พูดเสียงดุ เขารับถุงน้ำมาจากเด็กหนุ่มและเริ่มต้นชำระล้างบาดแผลให้กับฟอร์เซ็ตติจากนั้นจึงโรยยาสมุนไพรลงไปและพันผ้าจนแน่น โมไดยืนมองดูแม่ทัพหนุ่มอย่างเงียบๆจนกระทั่งเขาผูกเงื่อนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยจึงพูดขึ้น
ข้าจะตามไปช่วยลินซ์
เจ้ารู้รึว่าจะตามนางไปทางไหน โซลย์ย้อนถาม เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น
ข้าจะขึ้นเหนือและลอบเข้าไปในอาณาจักรแซฟเวจย์ เจ้าพวกผีดิบคงพานางไปที่นั่น
เจ้าจะตายก่อนที่จะไปถึง โซลย์พูด เขตแดนระหว่างมอร์เซลกับแซฟเวจย์มีเทือกเขาสูงกั้น ซ้ำยังหุบลอสเฮดนั่นอีก เจ้าไม่มีทางเข้าไปในแผ่นดินมรณะนั่นได้โดยเส้นทางที่เจ้าพูดมาแน่โมได
แล้วเจ้าจะให้ข้าหันหลังกลับโดยไม่มีน้องสาวตามไปด้วยเรอะ
เด็กหนุ่มย้อนถามเสียงกร้าว เขาจ้องหน้าแม่ทัพแห่งมอร์เซลนิ่ง โซลย์สั่นหน้าและวางมือลงบนไหล่ของเขา
ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนั้นแน่ แม่ทัพหนุ่มกล่าว ข้าจะเดินทางไปกับเจ้าและช่วยเหลือลินซ์ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของปิศาจ ข้าให้สัญญาด้วยเกียรติทั้งมวลที่มี
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาลดสายตาลงและมองไปยังร่างของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสที่ยังคงนอนสิ้นสติอยู่
แล้วเขาล่ะ
ข้าไม่คิดว่าฟอร์เซ็ตติจะเป็นคนที่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ โซลย์พูด เขาต้องยินดีร่วมเดินทางไปกับพวกเราอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้....แม่ทัพแห่งมอร์เซลถอนหายใจหนักๆขณะที่มองดูจอมเวทหนุ่มด้วยสายตาเป็นห่วง
เราคงต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาเสียก่อน
*/*/*/* แสงอาทิตย์อันร้อนแรงอ่อนล้าลงเมื่อมันเคลื่อนคล้อยลาลับขอบฟ้า โซลย์จัดแจงรวบรวมกิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟเพื่อให้เกิดแสงสว่างในยามค่ำคืน แม่ทัพแห่งมอร์เซลหันไปมองดูร่างที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติของฟอร์เซ็ตติแล้วระบายลมหายใจเมื่อพบว่าจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา โมไดซึ่งยืนมองจ้องท้องฟ้าสีดำสนิทแน่วนิ่งอยู่พักใหญ่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกล่าว
เจ้าน่าจะนอนพักบ้าง
คิ้วหนาของโซลย์เลิกสูงขึ้นด้วยความรู้สึกสนเท่ห์ใจในคำพูดของเด็กหนุ่ม เขาโยนกิ่งไม้เข้าไปในกองไฟพร้อมกับพูด
น่าแปลกที่เจ้าเกิดเป็นห่วงเป็นใยข้าขึ้นมาอย่างกระทันหัน
ข้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรเจ้านักหนา อย่าได้หลงดีใจไป โมไดพูดฉุนๆ ก็แค่ไม่อยากเห็นคนสูงอายุเป็นลมไปเพราะความอ่อนเพลียในระหว่างการเดินทางเท่านั้น
แม่ทัพหนุ่มถึงกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอถึงขนาดนั้น และอีกอย่างหนึ่งคนที่น่าจะเป็นลมไปในระหว่างการเดินทางน่าจะเป็นพวกเด็กอ่อนหัดมากกว่า ดังนั้นฝ่ายที่ควรไปนอนน่าจะเป็นเจ้านะหนุ่มน้อยโมได
บุตรชายของเดฟล่อนพ่นลมหายใจออกมาแรงๆด้วยนึกขุ่นใจในคำพูดที่ฟังคล้ายคำดูแคลนจากโซลย์
ข้าไม่ใช่เด็กอ่อนหัด!
ข้ารู้ โซลย์ขัดขึ้นทันที แต่เจ้ายังไม่คุ้นกับการเดินทางไกลเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายวันโดยไม่มีการหยุดพักอย่างข้า ดังนั้นจงอย่าละเลยคำแนะนำจากแม่ทัพแห่งมอร์เซลที่เจ้าเคยช่วยชีวิตไว้เป็นอันขาด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูดเล็กน้อยก็ตาม
โมไดนิ่งลงในทันที เขาหมุนตัวเดินไปนั่งข้างกองไฟด้านตรงกันข้ามกับโซลย์และจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
มีอะไรหรือ
เปล่า เด็กหนุ่มตอบ เขาเบนสายตามองไปที่ฟอร์เซ็ตติ เขาจะเป็นอะไรไหม
ข้าคิดว่าไม่ โซลย์ตอบ เขาโยนกิ่งไม้เติมลงไปในกองไฟอีกสองสามท่อน จากที่ข้าได้ตรวจดูเมื่อครู่พบว่าแผลของเขาเริ่มประสานกันจนเกือบหายสนิทแล้ว อีกไม่นานก็คงจะฟื้น
อะไรนะ! โมไดร้องถามอย่างไม่เชื่อหู แผลฉกรรจ์ขนาดนั้นไม่มีทางหายได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแน่ๆ แม้จะป็นจอมเวทก็ตาม
ข้าไม่คิดว่าเขาเป็นแค่จอมเวทธรรมดาทั่วไป โซลย์ตอบเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เรื่องนี้เราค่อยเอาไว้ถามเจ้าตัวเองหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาจะดีกว่า ตอนนี้ขอให้เจ้าเอนกายลงนอนพักให้เต็มที่เพราะหากฟอร์เซ็ตติแข็งแรงดีเมื่อใด พวกเราจะออกเดินทางกันอย่างไม่หยุดพักเมื่อนั้น
โมไดพยักหน้าและหันไปมองจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสที่ยังคงนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวก่อนเอนกายลงนอนบนพื้น เขามองดูดวงดาวที่ส่งแสงระยิบระยับเกลื่อนท้องฟ้า ความเป็นห่วงน้องสาวอันเป็นที่รักทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มหมองหม่นจนไม่อาจจะมองเห็นความงามของท้องฟ้ายามราตรีได้ เสียงผ่อนลมหายใจดังออกมาก่อนดวงตาทั้งคู่จะปิดเปลือกลง
โซลย์มองดูบุตรชายของเดฟล่อนซึ่งหลับสนิทลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แม้จะไม่ค่อยชอบนิสัยดื้อรั้นและการไม่รู้จักเคารพต่อผู้อื่นของเขา แต่แม่ทัพแห่งมอร์เซลก็อดรู้สึกสงสารในตัวของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ โซลย์เสยผมของตัวเองขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
เขาคงไม่ต้องมาลำบากเช่นนี้หากไม่มีเรา
เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้น แม่ทัพหนุ่มลดสายตาลงมาและหันไปทางร่างในผ้าคลุมสีขาวซึ่งกำลังดันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรง
ท่านฟื้นแล้วหรือ! โซลย์ถามอย่างดีใจ เป็นอย่างไรบ้าง
หากหมายถึงแผลทางกาย มันหายสนิทดีแล้ว ฟอร์เซ็ตติตอบ เขาลุกขึ้นยืนโดยแม่ทัพแห่งมอร์เซลรีบลุกตาม
ข้ายินดีที่ได้ยินเช่นนั้น โซลย์กล่าวพร้อมกับยื่นไม้เท้าสีขาวส่งคืนให้กับจอมเวท เขารับมันมาถือไว้ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
ไม่ต้องห่วงเรื่องของลินซ์ ข้าคิดว่าหากพวกเราขี่ม้าไล่ตามพวกมันอย่างเต็มฝีเท้า คงจะทันช่วยนางจากเหล่าฝีดิบก่อนพวกมันจะพ้นชายแดนมอร์เซลอย่างแน่นอน
โซลย์พูดขึ้นราวกับเข้าใจในความวิตกของจอมเวทหนุ่ม ฟอร์เซ็ตตินิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบาหวิว
พวกเราไม่มีทางตามนางทันแน่ ดวงตาสีฟ้าฉายแววปวดร้าวอย่างน่าใจหายขณะที่จ้องมองดูโซลย์
เพราะจอมมารเป็นผู้นำตัวลินซ์ไปเอง
แม่ทัพแห่งมอร์เซลถึงกับอ้าปากค้างอย่างตระหนกเมื่อได้ฟังคำของจอมเวทหนุ่ม เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังมาจากโมไดทำให้โซลย์รีบหันหน้าไปมองทันที เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหา ฟอร์เซ็ตติและกระชากเสื้อคลุมของเขาเขย่าแรงๆ
ลินซ์ถูกจอมมารจับไป! เสียงของเขาดังจนกลายเป็นการตะคอก แล้วเจ้ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่แย่งตัวนางกลับคืนมา
เรา....... ฟอร์เซ็ตติหลุบสายตาลง ภาพรอยยิ้มที่แสดงความดีใจของเด็กน้อยเมื่อตอนที่เห็นเขาเข้าไปช่วยผุดขึ้นมาในห้วงความทรงจำ ความปวดร้าวและเสียใจไหลหลั่งเข้าไปจนท่วมท้น หัวใจของเขาเต้นกระตุกและบีบรัดตัวอย่างรุนแรง ร่างสูงทรุดลงทันทีท่ามกลางความตกใจของโซลย์และสายตาไม่เข้าใจของโมได
ฟอร์เซ็ตติ!
เสียงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงของแม่ทัพแห่งมอร์เซลดังขึ้น มือที่แข็งแรงคว้าร่างของจอมเวทเอาไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะล้มฟาดลงไปกับพื้น
เราทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อช่วยนาง....ฟอร์เซ็ตติตอบเสียงสั่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมเหนือทรวงอกด้านซ้าย โซลย์มองดูกิริยาของเขาอย่างสงสัย
ดูเหมือนเจ้าจะพยายามจริงๆ โมไดพูดด้วยน้ำเสียงประชด เจ้ารอด แต่น้องของข้ากลับถูกเจ้าจอมมารนั่นเอาตัวไปได้ ความหวังที่จะได้นางกลับมาทั้งที่ยังมีลมหายใจแทบไม่เหลือแล้วในตอนนี้
หากจอมมารจะฆ่านางคงทำไปแล้วต่อหน้าเรา จอมเวทหนุ่มพูดพลางหอบหายใจอย่างหนัก มือที่กุมไว้บนอกกำแน่นและสั่นระริก แต่เขากลับนำนางกลับไปด้วยซึ่งเราเองก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
ทำไม
เราไม่รู้ ฟอร์เซ็ตติตอบ เราคิดว่าจอมปิศาจนั่นคงจะรู้สึกถึงพลังบางอย่างในตัวของลินซ์เช่นเดียวกับเรา
พลังอะไร โมไดถามขึ้นมาบ้าง ฟอร์เซ็ตติส่ายหน้าแต่โซลย์กลับพูดขึ้น
ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกให้ป้องกันลินซ์เอาไว้ให้ดีเพราะนางมีพลังแห่งเทพวาลิคุ้มครองอยู่
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ฟอร์เซ็ตติตอบด้วยใบหน้าซีดเซียว ลินซ์ยังมีพลังลึกลับที่เราเองก็ยังมองไม่ออกอยู่อีก
อะไรมันจะขนาดนั้น น้องสาวของข้าก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ไม่หรอกโมได ลินซ์เป็นเด็กที่เทพเบื้องบนประทานลงมา....
พูดได้เพียงแค่นั้น ร่างของจอมเวทก็อ่อนลงราวกับสิ้นแรงอยู่ในอ้อมแขนของโซลย์ โมไดจ้องมองดูเขานิ่งในขณะที่แม่ทัพแห่งมอร์เซลเขย่าร่างของฟอร์เซ็ตติไม่แรงนัก
เจ้าโดนอะไรมากันแน่ โซลย์ถามเสียงเข้ม เขาพยายามแกะมือของจอมเวทหนุ่มที่กำอยู่เหนือทรวงอกของตัวเองแน่นจนเหงื่อชุ่มโชก อีกฝ่ายสั่นหน้า
ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาพูดเสียงหอบ เราแค่เสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือลินซ์ตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับนางเท่านั้นเอง
ความเสียใจมันก็แค่คำพูด แน่จริงเจ้าจงแสดงมันออกมาด้วยการกะทำสิ เจ้าจอมเวท!
โมไดพูดเสียงเข้ม เขาใจหายวาบเมื่อเห็นฟอร์เซ็ตติเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีฟ้าที่เคยเฉยชาไร้ความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ประกายของความปวดร้าวฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
หากเราสามารถสละวิญญาณของเราเพื่อดึงนางกลับมาให้อยู่ ณ ที่นี่ในเวลานี้ได้ เราก็ยินดีที่จะทำ โมได
น้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังขณะพูดของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสทำให้โมไดถึงกับเงียบเสียงลงไปทันที เป็นจังหวะเดียวกันกับโซลย์ออกแรงดึงมือของฟอร์เซ็ตติที่กุมไว้บนทรวงตนเองออกมาได้ เขามีสีหน้าตระหนกเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานไหลซึมผ่านผ้าคลุมสีขาวเป็นวงกว้าง
ไหนว่าแผลของเจ้าหายดีแล้วไงเล่า ท่านจอมเวท แล้วทำไมเลือดถึงยังไหลไม่หยุดแบบนี้!
ฟอร์เซ็ตติกัดริมฝีปากของตนแน่น
ปากแผลคงเปิดตอนที่เราเคลื่อนไหว ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกท่านโซลย์
จะไม่ให้ข้าเป็นกังวลได้ยังไงกันในเมื่อข้าเป็นคนตรวจดูบาดแผลของท่านและเห็นกับตาว่ามันประสานกันจนหายสนิทแล้ว โซลย์พูดและมองหน้าฟอร์เซ็ตติราวกับจ้องจับผิด
เจ้ากำลังปกปิดอะไรข้าหรือเปล่า ท่านจอมเวท
ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฟอร์เซ็ตติกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับดึงแขนของตนเองออกจากมือของโซลย์ อีกฝ่ายกลับบีบมันให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
เจ้าอาจจะสร้างภาพมายาลวงตาข้าได้ แต่เจ้าไม่สามารถปกปิดความจริงที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเจ้าได้หรอก ท่านจอมเวท
ความจริงอะไร
เรื่องนั้นข้ายังไม่รู้ในตอนนี้ โซลย์ตอบ เขาคลายมือที่กุมแขนของฟอร์เซ็ตติออกและลุกขึ้น
แต่ข้าพอจะเดาออกได้รางๆว่า เจ้ากำลังปกปิดเรื่องสำคัญหลายเรื่องกับพวกข้า
จอมเวทมองหน้าโซลย์นิ่ง ความทรมานจากรอยแผลในหัวใจที่จอมมารตราไว้เริ่มทุเลาเบาบางลง เขาฝืนใจยืนขึ้นโดยไม่ยอมพูดโต้ตอบอะไรกับแม่ทัพหนุ่มแห่งมอร์เซล โมไดมองกิริยาของฟอร์เซ็ตติอย่างเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากกล่าวขึ้นมาบ้าง
เจ้าแน่ใจจริงๆหรือว่าลินซ์จะไม่ถูกเจ้าจอมปิศาจชั่วนั่นสังหาร
เราแน่ใจ
แล้ว....เด็กหนุ่มชะงักคำพูดของเขาเล็กน้อยคล้ายกำลังไตร่ตรองจึงพูดต่อ เจ้ากล้ารับปากกับข้าหรือไม่ว่าจะเดินทางไปช่วยลินซ์ และจะไม่หันหลังกลับจนกว่าส่งน้องสาวของข้ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เรารับปาก และขอเอาชีวิตของเราเป็นประกัน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโมได เขายื่นมือออกไปแตะบ่าของจอมเวทพร้อมกับกล่าว
ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะยอมยกโทษให้กับเจ้าที่มีส่วนทำให้ลินซ์ถูกจับตัวไปในครั้งนี้ และขอเชื่อใจในตัวของเจ้าเช่นเดียวกันกับที่ข้าไว้ใจพ่อของข้า
ฟอร์เซ็ตติมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างนึกไม่ถึงต่างจากโซลย์ที่กำลังยืนอมยิ้ม จอมเวทก้มหน้าลงพร้อมกับกล่าว
ขอบใจเจ้ามาก โมได
บุตรแห่งเดฟล่อนยิ้มและหันไปมองแม่ทัพแห่งมอร์เซลซึ่งกำลังยืนกอดอกมองดูเขานิ่งไม่พูดไม่จา พลันแสงสีขาวที่เจิดจ้าบาดตาก็ส่องสว่างออกมาจากเสื้อของโซลย์ เขาลดมือของตัวเองลงด้วยความตกใจและล้วงเข้าไปในอกเสื้อดึงแหวนสีเงินสองวงออกมา ทันทีที่พ้นออกมาจากที่เก็บ แหวนทั้งคู่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศและหมุนเป็นวงกลมเหนือร่างคนทั้งสาม และตกวูบลงไปยังโมไดและฟอร์เซ็ตติ ทั้งคู่ยกมือขึ้นรับโดยสัญชาตญาณ
นี่มันอะไรกัน โมไดพูดขึ้นด้วยความรู้สึกงงงันอย่างที่สุดไม่ต่างไปจากสีหน้าของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสที่กำลังมองดูแหวนในมือของตน
ทำไมแหวนนี่ถึงได้เลือกข้า
ข้าคิดว่าเพราะเจ้าเปิดหัวใจออกและยอมให้อภัยท่านฟอร์เซ็ตติ แหวนจึงเลือกเจ้าเป็นหนึ่งในผู้เดินทาง
เรื่องแค่นี้น่ะนะ โมไดชูแหวนของเขาขึ้นและจัดแจงสวมมัน ไม่ต้องเลือก ข้าก็ยินดีร่วมเดินทางไปด้วยอยู่แล้ว
แต่เจ้าจะไม่ยอมรวมหัวใจเป็นหนึ่งกับพวกเรา แม่ทัพแห่งมอร์เซลพูด เขาหันไปทางจอมเวทยืแห่งมาร์วัลลัสที่ยังคงยืนถือแหวนเงินนิ่งเฉยอยู่
ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดแหวนจึงเพิ่งเลือกท่าน ทั้งที่เดินทางร่วมกันมาตั้งหลายวันแล้ว
คงเป็นเพราะครั้งแรก เรายอมไปกับพวกเจ้าเพราะหน้าที่ ฟอร์เซ็ตติกล่าวขณะสวมแหวนเงิน โมไดขมวดคิ้วย่น
แล้วทำไมจู่ๆแหวนถึง......
เพราะในตอนนี้เรายินดีและเต็มใจที่จะร่วมเดินทางไปกับพวกเจ้าจนถึงหน้าประตูปราสาทของคอร์ฟคาคาร์ส
โมไดยิ้มกว้างให้กับคำพูดของจอมเวทหนุ่ม โซลย์ตบไหล่ของฟอร์เซ็ตติหนักๆพร้อมกับพูด
ไม่มีส่งใดสร้างความยินดี ยิ่งไปกว่าการได้ร่วมเดินทางไปกับสหาย ผู้ซี่งไม่วันทรยศหักหลังเรา แม้ว่าจะถูกความตายมาบังคับ
ต่อให้ต้องเข้าไปแผ่นดินแซฟเวจย์เพียงแค่เราสามคน ข้าก็จะไปด้วยความเต็มใจ
โมไดพูดขึ้นบ้าง จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและอบอุ่นที่สุดเท่าที่โซลย์เห็นมา
เราไม่เคยรู้สึกยินดีเลยสักครั้งยามเจอกับพวกมนุษย์ จนกระทั่งได้พบกับเจ้าทั้งสอง เขายกมือขึ้นวางจรดบนอกของตนเองและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เราจะขอนับพวกเจ้าเป็นสหายแห่งชีวิตนับตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตของเรา
รอยยิ้มแห่งมิตรภาพปรากฏบนใบหน้าของชายทั้งสามพร้อมกับแสงสีทองแห่งดวงตะวันในรุ่งอรุณของวันใหม่ที่กำลังฉายบนขอบฟ้าดุจจะประกาศว่า มิตรภาพแห่งการเดินทางกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
*/*/*/*/* ฟอร์เซ็ตติกลับเป็นจอมเวทอย่างเดิมแล้ว โดยส่วนตัวมูนนี่ชอบจอมเวทคนนี้ทั้งตอนปรกติและตอนกลายร่างนะคะ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นพวกซึนหน่อยๆก็ได้
มาคุยกันค่า ^O^
อะไรกัน..... ต่อสุ้กันแล้วใช้กำปั้นใช้บาทาไร้เงา หาว่าโกงได้ไง...^^ อะไรกัน.... ฟอร์เซ็ตติ ถูกสาวมองแค่นึ้ ถึงกับจะเป็นลม สลบ เลยหรือ^^ ท่าทางจะแพ้ลูกอ้อนของลินซ์ อะไรกัน..... ที่ผีดิบ ทั้งไฮดรา ปีศาจ กองโจร มาครบทีมแบบนี้ ท่าทางแย่ แต่ดูเหมือนว่าฟอร์เซ็ตติ จะเป็นตัวแปรสำคัญของศึกหน้กครั้งนี้ จากคุณ : GTW - หุ หุ โมไดยังเด็กเลยโวยวายไปตามประสาน่ะค่ะ ส่วนฟอร์เซ็ตติ แหมถ้าเป็นแบบนั้นจริงแสดงว่าจอมเวทเราไม่เคยเข้าใกล้สาวๆเลยน่ะสิ ฟอร์เซ็ตติเป็นตัวแปรหรือเปล่า คงต้องติดตามกันต่อไปแล้วล่ะค่ะ
ฟอร์เซ็ตติ ที่ร๊ากก จะแพ้ทางเรื่องนี้ของคุณมูนนี่ ก็เพราะพ่อคนนี้แหละค่ะ ปล. ไม่....แล้วมาทิ้งท้ายเอาไว้อีกแล้ว เง้อ..มาต่อเร็วๆน้า จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) - จะว่าไปฟอร์เซ็ตติก็น่ารักจริงๆน่ะแหละค่ะ มูนนี่เองก็ชอบ
อ่านตอนนี้ตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ หรือว่าตัวจริงของจอมเวทจะเป็น... แวมไพน์เอลฟ์(มีหรือเปล่านะ ตัวแบบนี้) จากคุณ : zoi - แวมไพร์เอลฟ์.....นึกภาพตามแล้วคงเป็นแวมไพร์ที่น่าโดดใส่ที่สุดเลย เอหรือเขียนนิยายแนวๆนี้ดีนะ
สนุกดีค่ะ ^^ จากคุณ : easyfreedom1978 - ขอบคุณค่ะ
มาลุ้นตามครับ จากคุณ : kaburapat - ขอบคุณค่า ^____^
ต้องมีอะไรระหว่างฟอร์เซ็ตติและวาลิแน่เลย จากคุณ : scottie - นั่นสิคะ แต่คงต้องอ่านไปเรื่อยๆแล้วล่ะว่าเกี่ยวข้องกันยังไง
จบไปอีกบทสำหรับศาสตราแห่งเดราเนียร์ ฟอร์เซ็ตติก็ผ่านพ้นวิกฤตไปได้อีกนิดแต่พวกเขาจะต้องเจออะไรอีกนั้น คงต้องตามลุ้นกันล่ะค่ะ
วันนี้ขอนำเสนอรูปจอมมารกับลินซ์ค่ะ ฝีมือคุณ g_maru
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
23 มี.ค. 54 09:17:34
|
|
|
|